ปตท.และผู้ค้าทุกราย ประกาศปรับขึ้นขึ้น เบนซิน-ดีเซล 20-50 สต./ล. เช้าพรุ่งนี้ คนใช้อ๊อกเทน 91 โดนทีเดียว 50 สต./ลิตร ส่วนดีเซลเบาหน่อย เจอขึ้นแค่ 20 สต./ลิตร พร้อมให้ปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มขนาด 15 กก.ที่ใช้ในครัวเรือนอีกถังละ 3 บาท มีผลทันทีเช้าพรุ่งนี้
วันนี้(29 ม.ค.) นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า บริษัทจำเป็นต้องพิจารณาปรับราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้นลิตรละ 30 สตางค์ ยกเว้นน้ำมันเบนซิน 91 ปรับขึ้นลิตรละ 50 สตางค์ เนื่องจากรัฐเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นลิตรละ 20 สตางค์ ส่วนน้ำมันดีเซลและไบโอดีเซลปรับขึ้นลิตรละ 20 และ 40 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น.วันที่ 30 ม.ค.เป็นต้นไป
"ล่าสุดจากข่าวที่กลุ่มโอเปคจะคงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจึงส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและสำเร็จรูปผันผวนและดีดตัวกลับมาอยู่ในขาขึ้นอีกครั้งโดยสูงขึ้นกว่า 3-6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล" นายชัยวัฒน์ กล่าว
โดยน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 85.82 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล(เพิ่มขึ้น 4.07 เหรียญฯ) น้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 99.92 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล(เพิ่มขึ้น 6 เหรียญฯ) และน้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 102.67 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล(เพิ่มขึ้น 3.15 เหรียญฯ)
ทั้งนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ เบนซิน อี 20 อยู่ที่ลิตรละ 26.79 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 28.79 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 27.99 บาท, เบนซิน 95 อยู่ที่ลิตรละ 32.79 บาท, เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 31.69 บาท ไบโอดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 28.34 บาท และดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 29.14 บาท
สำหรับราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(ก๊าซแอลพีจีหรือก๊าซหุงต้ม) นั้นจะปรับขึ้นกิโลกรัมละ 20 สตางค์ ตามราคาหน้าโรงกลั่นโดยสะท้อนตามสูตรราคาฯ ที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กำหนด โดยราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขนาด 15 และ 48 กิโลกรัม (หน้าร้านค้าปลีก) ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (30 ม.ค.51) เป็นต้นไป จะเป็นราคา 273.15 บาท(เพิ่มขึ้น 3 บาท/ถังขนาด 15 กก.) และ 874.08 บาท (เพิ่มขึ้น 9.60 บาท/ถังขนาด 48 กก.) ตามลำดับ
แนวโน้มราคาน้ำมันนั้นยังคงมีความผันผวนและแกว่งตัวตามปัจจัยทางความรู้สึกและปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ การที่มีการเสนอมาตรการโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในการคว่ำบาตรประเทศอิหร่าน และสถานการณ์พลังงานในประเทศจีนที่มีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เย็นจัดในรอบสิบปีนั้น ล้วนมีผลต่อความผันผวนของราคาน้ำมันทั้งสิ้น
สนพ.ไฟเขียวขึ้นราคา น้ำมัน-ก๊าซหุงต้ม
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ( สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า บริษัทผู้ค้าน้ำมันในประเทศได้ขอปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ (อี10) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ (อี 20) และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อีก 30 สตางค์ต่อลิตร ส่วนน้ำมันเบนซิน 91 ปรับขึ้นอีก 50 สตางค์ต่อลิตร ในขณะที่น้ำมันดีเซลหมุนเร็วปรับเพิ่มขึ้น 20 สตางค์ต่อลิตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี5 ปรับเพิ่มขึ้นอีก 40 สตางค์ต่อลิตร โดยมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้เช้าเป็นต้นไป
ทั้งนี้ การปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศครั้งนี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับตังสูงขึ้นดังนี้ น้ำมันเบนซิน 95 จากเดิมราคาอยู่ที่ระดับ 32.49 บาทต่อลิตรเป็น 32.79 บทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (อี10) จากเดิมราคาอยู่ที่ 28.49 บทต่อลิตร เป็น 28.79 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์(อี20) จากเดิมอยู่ที่ 26.49 บาทต่อลิตร เป็น 26.79 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน 91 จากเดิมอยู่ที่ 31.19 บทต่อลิตร เป็น 31.69 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 จากเดิม 27.69 บาทต่อลิตรเป็น 27.99 บาทต่อลิตร ดีเซลหมุนเร็ว จากเดิมอยู่ที่ 28.94 บาทต่อลิตร เป็น 29.14 บาทต่อลิตร และดีเซลหมุนเร็ว บี5 จากเดิมอยู่ที่ 27.94 บทต่อลิตร เป็น 28.34 บาทต่อลิตร
สาเหตุที่ปรับราคาน้ำมันเบนซิน 91 สูงถึง 50 สต./ลิตร สูงกว่าน้ำมันชนิดอื่น เพราะมีค่าการตลาดที่ต่ำมากอยู่ในระดับ 0.66 บาทต่อลิตร หลังจากการปรับขึ้นราคาขายปลีกของน้ำมันเบนซิน 91 ในครั้งนี้ ส่งผลให้ส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันเบนซิน 91 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อยู่ที่ระดับ 3.70 บาทต่อลิตร จากเดิมอยู่ที่ 3.50 บาทต่อลิตร
นอกจากนี้ สนพ.ยังได้ปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลลงอีก 20 สตางค์ต่อลิตร จากเดิมเก็บอยู่ที่ 30 สตางค์ต่อลิตรเหลือเพียง 10 สตางค์ต่อลิตร และชดเชยให้กับน้ำมัน ไบโอดีเซล 65 สตางค์ต่อลิตร เพื่อลดผลกระทบจากการยกเลิกการชดเชยไบโอดีเซล (บี100) ที่ต้องนำมาผสมในน้ำมันดีเซล และเพื่อทำให้ราคาน้ำมันดีเซลกับไบโอดีเซล(บี5)มีส่วนต่างราคากัน อยู่ที่ 80 สตางค์ต่อลิตร เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันไบโอดีเซลเพิ่มขึ้น
นายวีระพล กล่าวต่อว่า สนพ.ได้พิจารณาปรับราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้น 20 สตางค์ต่อกิโลกรัม เนื่องมาจากราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตก๊าซหุงต้ม ที่มาจากโรงแยกก๊าซ ได้ปรับตัวสูงขึ้นไปประมาณ 3% โดยจากการคำนวนโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้มในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งพบว่าจะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้น และแม้จะมีเรื่องของอัตราค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แต่ก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อย
ทั้งนี้ จากราคาขายส่งที่ปรับสูงขึ้นนี้ ผู้ค้าก๊าซหุงต้ม อาจจะพิจารณาปรับราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ราคาขายปลีก ภาครัฐไม่ได้ควบคุมราคาไว้แล้ว โดยหากผู้ค้าก๊าซหุงต้ม จะปรับราคาขายปลีกขึ้น ก็คาดว่าจะส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นเป็น 18.20 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมราคาก๊าซหุงต้มอยู่ที่ระดับ 18.01 บาทต่อกิโลกรัม หรือเพิ่มขึ้น 2.87 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม โดยจะมีผลทันทีในเช้าวันที่ 30 ม.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ สนพ.มีความจำเป็นในการปรับราคาก๊าซหุงต้มในครั้งนี้ เนื่องจาก เป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่ได้เห็นชอบการปรับสูตรราคา ณ โรงกลั่นก๊าซหุงต้ม เท่ากับ ต้นทุนการผลิตจากโรงแยกก๊าซ ร้อยละ 95 บวก ราคาส่งออกก๊าซหุงต้ม ร้อยละ 5 ประกอบกับเพื่อให้ราคาก๊าซหุงต้มในประเทศ ไปสู่การสะท้อนต้นทุนราคาที่แท้จริง และไม่เกี่ยวกับกรณีที่นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมก๊าซปิโตรเลียม ทำหนังสือถึงกรมการค้าภายในเพื่อขอปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
