เมื่อสามสิบปีที่แล้วมา คนทั่วไปในบ้านเมืองเราคงจะนึกไม่ถึงว่า วันหนึ่งข้างหน้า อาชีพหมอดู หรือการทำนายทายทักในรูปแบบลักษณะต่าง ๆ จะมีการพัฒนาไปอย่างหลากหลายมากขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นธุรกิจที่น่าจับตามองต่อไปในอนาคต…
ในความเป็นจริงของทุก ๆ ชีวิตต่างก็เคยผ่านการดูหมอ หรือให้หมอดู ทำนายทายทักกันมาเกือบทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการดูกันเล่น ๆ ในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง คนรู้จัก หรือแม้กระทั่งมีการดู การทำนายกันอย่างจริงจัง เป็นระบบ มีการนัดหมายกันล่วงหน้าเป็นระยะเวลายาวนาน หรือแม้กระทั่งจองคิวหมอดูที่มีชื่อเสียงที่ปรากฏในสังคม...
หากย้อนไปในอดีต การทำนายทายทักในรูปแบบลักษณะต่าง ๆ เช่น ดูรูปร่างลักษณะทางกายภาพของร่างกาย วันเดือนปีเกิด เวลาตกฟาก มีการดูตั้งแต่สิ่งที่ใกล้ตัวออกไปนอกโลกและจักรวาล อาทิ ดวงดาวต่าง ๆ ที่มีผลต่อวิถีชีวิตมนุษย์ในแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิต อาชีพหมอดูเกิดขึ้นในโลกนี้มานานกว่า 2,500 ปีที่แล้ว...
ในชีวิตประจำวันของหลาย ๆ คนต้องวนเวียนเกี่ยวข้องกับหมอดูทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ดูว่าลูกในท้องจะเกิดวัน เวลาอะไรดี บางครั้งกระทบไปถึงอาชีพแพทย์ที่จะต้องผ่าเอาลูกออกตามฤกษ์ยาม ดูฤกษ์การแต่งงาน บวช ทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ ออกรถใหม่ สอบเข้ามหาวิทยาลัย เข้าทำงานสำหรับคนทั่วไป ถ้าเป็นนักการเมืองก็ดูฤกษ์เพื่อเข้าทำงานในทำเนียบ ดูว่าใครมีดวงจะเป็นหัวหน้ารัฐบาล หรือว่าเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วจะอยู่นานแค่ไหน บ้างก็ดูว่าอนาคตของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร อยู่ได้นานเพียงใด มีอุปสรรคอะไรบ้าง...
ผู้เขียนเห็นว่า คงจะมีเมืองไทย ประเทศเดียวในโลกที่ ผู้นำของรัฐบาล คณะรัฐมนตรี รวมทั้งคนในครอบครัว บริวารบางคนจะมีการดูดวงกันเป็นชีวิตจิตใจ ในการที่จะทำงานบริหารกิจการของประเทศ อันเป็นงานส่วนรวมที่จะยังประโยชน์ไปสู่ประชาชนอย่างถ้วนหน้า
อะไรที่ทำให้มนุษย์ทั้งหลาย ต่างก็ให้ความสนใจในหมอดู จะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โหราศาสตร์ หรือจะมีคำอื่นที่เรียกอย่างมากมายที่แตกเป็นสาขา มีความชำนาญเฉพาะทางอย่างมากมาย...
การแตกเป็นหลายสาขา เช่น ดูลายมือ ลายเท้า ลายเซ็น ดูฮวงจุ้ย
โหงวเฮ้ง วันเดือนปีเกิด เวลาตกฟาก ดูเลขรหัสของชีวิต ทะเบียนรถ ใบไม้ ทำนายการฝัน ดูกรุ๊ปเลือด ดูอีการ้องตีกัน หรือแม้กระทั่งตัวเงินตัวทองที่คลานไปในสถานที่สำคัญ หรือแม้กระทั่งคลานเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาลบ่อยครั้ง...
ภาษาในทางธรรม เรียกว่า ความอยากของมนุษย์นั้นไม่มีขอบเขตจำกัด ไม่ว่าในเรื่องใด ๆ ก็ตาม ที่สามารถจะรู้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ หรือวิธีอื่นใดที่นอกเหนือจากที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ ส่วนจะจริงเท็จแค่ไหนนั้น ก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ต่างก็โหยหา หาสิ่งยึดเหนี่ยว พึ่งพิงได้มาโดยตลอดนั่นก็คือ หมอดู...
เป็นที่น่าตั้งข้อสังเกตว่า ยามใดที่มนุษย์อยู่ดี มีสุข สุขกาย สุขใจ ไม่ว่าจะด้วยมีเครื่องยึดเหนี่ยวที่เป็นศาสนา ในรูปแบบที่แตกต่างกันไปก็ตาม มนุษย์อาจจะไม่ต้องพึ่งสิ่งอื่นนอกจากคำสอนในศาสนา อุดมการณ์ หลักคิด หลักใจที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว แต่มีหลายเหตุการณ์ หลายวิกฤต ที่คำสอนทางศาสนาไม่สามารถเข้าถึง หรืออาจจะเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง คนทั้งหลายก็มีที่พึ่งนั่นก็คือหมอดู หรือผู้ทำนายทายทัก...
ผู้เขียนสนใจในตัวเลขของ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ที่ได้เข้าไปสำรวจ “คนกรุงเทพฯกับการใช้บริการหมอดู” ในช่วงวันที่ 1-16 ธันวาคม 2550 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,824 คน พบว่า มีจำนวนเงินสะพัดในธุรกิจหมอดูถึง 2,500 ล้านบาท
ที่มา : โพลล์ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
อะไรที่เป็นที่ไปที่มาของตัวเลขและระบบดังกล่าว ผู้เขียนเห็นว่า ยามใดบ้านเมืองมีบรรยากาศสีเทา คลุมเครือ ไม่มีความแน่นอน ชัดเจนในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การหาทางออกให้กับชีวิตในการดูดวงแล้วเป็นเรื่องปกติธรรมดา...
ธุรกิจหมอดู ยังโยงใยไปสู่กิจการอื่น ๆ อาทิ การทำบุญ สะเดาะเคราะห์ หนังสือพยากรณ์ดวงชะตา ธุรกิจสื่อสารประเภทอินเทอร์เน็ต ออดิโอเท็กซ์ หรือแม้กระทั่งเอสเอ็มเอส โทรศัพท์มือถือ สื่อสิ่งพิมพ์ วารสาร นิตยสาร หนังสือทำนายดวงชะตา เทป ซีดีทำนายดวง อุปกรณ์ทำนายไพ่ป๊อก ไพ่ทาโรต์หรือไพ่ยิปซี แว่นขยาย ปฏิทิน 100 ปีสำหรับดูตำแหน่งของดวงดาวต่าง ๆ เครื่องดูหมอไฮเทคที่หยอดเหรียญได้ รวมทั้งการจัดทัวร์ตระเวนไหว้พระ สะเดาะเคราะห์ทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนั้นในปัจจุบันคนที่จะมาประกอบเป็นอาชีพหมอดูมีหลากหลายอาชีพ ความรู้ สถานะ มีทั้งแพทย์ พระ วิศวะ หมอฟัน ตำรวจ ทหาร นักธุรกิจ ตลอดไปถึงนักศึกษาที่มีความใฝ่ฝันว่าจะยึดเป็นอาชีพหลักในการดำรงชีพ
สถานที่ของหมอดูเริ่มตั้งแต่ริมกำแพงวัด ในวัด ในห้างสรรพสินค้า โรงเรียนสำหรับสอนพยากรณ์ดวงชะตา ในโรงแรมที่มีชื่อเสียง หมอดูบางคนมีสำนักงานเป็นของตนเอง หมอดูบางคนต้องออกเดินทางตระเวนไปยังบ้านลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
และพบว่า คนรุ่นใหม่หรือวัยรุ่นยุคปัจจุบันนิยมดูหมอกันในมิติต่าง ๆ อาทิ เป็นสมาชิกเครือข่ายกันทางโทรศัพท์มือถือ ติดตามการดูดวงตามนิตยสารดารา บันเทิง มีเครือข่ายเพื่อนฝูงที่นิยมการดูดวง รวมกระทั่งสนใจในการเรียนดูดวงเพิ่มขึ้น อะไรที่เป็นเหตุปัจจัยให้คนรุ่นนี้สนใจ...
ผู้เขียนเห็นว่า หมอดู หรือนักดูดวงผู้อื่น อีกนัยหนึ่งก็คือ ผู้ให้คำปรึกษา หรือผู้ที่รับฟังปัญหาในชีวิตประจำวัน แล้ววิเคราะห์ คาดประมาณอาจจะทั้งที่อยู่ในศาสตร์หรือนอกเหนือจากศาสตร์ที่มีอยู่ แล้วพยายามช่วยแก้ปัญหาในชีวิตของผู้ที่กำลังตกอยู่ในความทุกข์ที่ต้องการความช่วยเหลือ
ในบ้านเรามีหมอดูหลายคนที่ประพฤติผิดทั้งศีลธรรมและกฎหมาย ล่วงละเมิดทางเพศ หลอกลวง บางครั้งมีผลประโยชน์อื่น ๆ มาแอบแฝง ดังที่ตกเป็นข่าวที่ปรากฏในสื่อมาเป็นระยะ ๆ ผู้เขียนเห็นว่า คนที่มีอาชีพเป็นหมอดู นอกจากจะด้วยใจรัก ชอบในอาชีพนี้แล้ว สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ จรรยาบรรณของอาชีพหมอดู ซึ่งในเมืองไทยจะมีหน่วยงานในการตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลการทำงานของหมอดูหรือไม่...
ในทางกลับกัน บ้านเรามีหมอดูหลากหลายประเภท หลายคนสนใจหมอดูที่มักจะมีชื่อเสียงที่ปรากฏในสื่อ เขาเหล่านั้นมีเวลาจำกัด หรืออาจจะมีราคาค่าดู ที่แตกต่างไปจากหมอดูบ้านเรา ซึ่งจำนวนอัตรา ราคาค่าดูนั้น บ้านเรามีการตรวจสอบ ในการเก็บภาษีเข้ารัฐด้วยหรือไม่...
ผู้เขียนเห็นว่า อาชีพหมอดูในเมืองไทยยังคงเป็นอาชีพคงอยู่ท่ามกลางของกระแสความสับสนวุ่นวายของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและความเชื่อที่ว่า ณ สังคมที่เป็นอยู่นี้ควรเชื่อสิ่งใดดีที่สุดในชีวิตทั้งปัจจุบันและอนาคต...
ในความเป็นจริงของทุก ๆ ชีวิตต่างก็เคยผ่านการดูหมอ หรือให้หมอดู ทำนายทายทักกันมาเกือบทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการดูกันเล่น ๆ ในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง คนรู้จัก หรือแม้กระทั่งมีการดู การทำนายกันอย่างจริงจัง เป็นระบบ มีการนัดหมายกันล่วงหน้าเป็นระยะเวลายาวนาน หรือแม้กระทั่งจองคิวหมอดูที่มีชื่อเสียงที่ปรากฏในสังคม...
หากย้อนไปในอดีต การทำนายทายทักในรูปแบบลักษณะต่าง ๆ เช่น ดูรูปร่างลักษณะทางกายภาพของร่างกาย วันเดือนปีเกิด เวลาตกฟาก มีการดูตั้งแต่สิ่งที่ใกล้ตัวออกไปนอกโลกและจักรวาล อาทิ ดวงดาวต่าง ๆ ที่มีผลต่อวิถีชีวิตมนุษย์ในแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิต อาชีพหมอดูเกิดขึ้นในโลกนี้มานานกว่า 2,500 ปีที่แล้ว...
ในชีวิตประจำวันของหลาย ๆ คนต้องวนเวียนเกี่ยวข้องกับหมอดูทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ดูว่าลูกในท้องจะเกิดวัน เวลาอะไรดี บางครั้งกระทบไปถึงอาชีพแพทย์ที่จะต้องผ่าเอาลูกออกตามฤกษ์ยาม ดูฤกษ์การแต่งงาน บวช ทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ ออกรถใหม่ สอบเข้ามหาวิทยาลัย เข้าทำงานสำหรับคนทั่วไป ถ้าเป็นนักการเมืองก็ดูฤกษ์เพื่อเข้าทำงานในทำเนียบ ดูว่าใครมีดวงจะเป็นหัวหน้ารัฐบาล หรือว่าเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วจะอยู่นานแค่ไหน บ้างก็ดูว่าอนาคตของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร อยู่ได้นานเพียงใด มีอุปสรรคอะไรบ้าง...
ผู้เขียนเห็นว่า คงจะมีเมืองไทย ประเทศเดียวในโลกที่ ผู้นำของรัฐบาล คณะรัฐมนตรี รวมทั้งคนในครอบครัว บริวารบางคนจะมีการดูดวงกันเป็นชีวิตจิตใจ ในการที่จะทำงานบริหารกิจการของประเทศ อันเป็นงานส่วนรวมที่จะยังประโยชน์ไปสู่ประชาชนอย่างถ้วนหน้า
อะไรที่ทำให้มนุษย์ทั้งหลาย ต่างก็ให้ความสนใจในหมอดู จะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โหราศาสตร์ หรือจะมีคำอื่นที่เรียกอย่างมากมายที่แตกเป็นสาขา มีความชำนาญเฉพาะทางอย่างมากมาย...
การแตกเป็นหลายสาขา เช่น ดูลายมือ ลายเท้า ลายเซ็น ดูฮวงจุ้ย
โหงวเฮ้ง วันเดือนปีเกิด เวลาตกฟาก ดูเลขรหัสของชีวิต ทะเบียนรถ ใบไม้ ทำนายการฝัน ดูกรุ๊ปเลือด ดูอีการ้องตีกัน หรือแม้กระทั่งตัวเงินตัวทองที่คลานไปในสถานที่สำคัญ หรือแม้กระทั่งคลานเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาลบ่อยครั้ง...
ภาษาในทางธรรม เรียกว่า ความอยากของมนุษย์นั้นไม่มีขอบเขตจำกัด ไม่ว่าในเรื่องใด ๆ ก็ตาม ที่สามารถจะรู้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ หรือวิธีอื่นใดที่นอกเหนือจากที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ ส่วนจะจริงเท็จแค่ไหนนั้น ก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ต่างก็โหยหา หาสิ่งยึดเหนี่ยว พึ่งพิงได้มาโดยตลอดนั่นก็คือ หมอดู...
เป็นที่น่าตั้งข้อสังเกตว่า ยามใดที่มนุษย์อยู่ดี มีสุข สุขกาย สุขใจ ไม่ว่าจะด้วยมีเครื่องยึดเหนี่ยวที่เป็นศาสนา ในรูปแบบที่แตกต่างกันไปก็ตาม มนุษย์อาจจะไม่ต้องพึ่งสิ่งอื่นนอกจากคำสอนในศาสนา อุดมการณ์ หลักคิด หลักใจที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว แต่มีหลายเหตุการณ์ หลายวิกฤต ที่คำสอนทางศาสนาไม่สามารถเข้าถึง หรืออาจจะเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง คนทั้งหลายก็มีที่พึ่งนั่นก็คือหมอดู หรือผู้ทำนายทายทัก...
ผู้เขียนสนใจในตัวเลขของ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ที่ได้เข้าไปสำรวจ “คนกรุงเทพฯกับการใช้บริการหมอดู” ในช่วงวันที่ 1-16 ธันวาคม 2550 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,824 คน พบว่า มีจำนวนเงินสะพัดในธุรกิจหมอดูถึง 2,500 ล้านบาท
ที่มา : โพลล์ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
อะไรที่เป็นที่ไปที่มาของตัวเลขและระบบดังกล่าว ผู้เขียนเห็นว่า ยามใดบ้านเมืองมีบรรยากาศสีเทา คลุมเครือ ไม่มีความแน่นอน ชัดเจนในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การหาทางออกให้กับชีวิตในการดูดวงแล้วเป็นเรื่องปกติธรรมดา...
ธุรกิจหมอดู ยังโยงใยไปสู่กิจการอื่น ๆ อาทิ การทำบุญ สะเดาะเคราะห์ หนังสือพยากรณ์ดวงชะตา ธุรกิจสื่อสารประเภทอินเทอร์เน็ต ออดิโอเท็กซ์ หรือแม้กระทั่งเอสเอ็มเอส โทรศัพท์มือถือ สื่อสิ่งพิมพ์ วารสาร นิตยสาร หนังสือทำนายดวงชะตา เทป ซีดีทำนายดวง อุปกรณ์ทำนายไพ่ป๊อก ไพ่ทาโรต์หรือไพ่ยิปซี แว่นขยาย ปฏิทิน 100 ปีสำหรับดูตำแหน่งของดวงดาวต่าง ๆ เครื่องดูหมอไฮเทคที่หยอดเหรียญได้ รวมทั้งการจัดทัวร์ตระเวนไหว้พระ สะเดาะเคราะห์ทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนั้นในปัจจุบันคนที่จะมาประกอบเป็นอาชีพหมอดูมีหลากหลายอาชีพ ความรู้ สถานะ มีทั้งแพทย์ พระ วิศวะ หมอฟัน ตำรวจ ทหาร นักธุรกิจ ตลอดไปถึงนักศึกษาที่มีความใฝ่ฝันว่าจะยึดเป็นอาชีพหลักในการดำรงชีพ
สถานที่ของหมอดูเริ่มตั้งแต่ริมกำแพงวัด ในวัด ในห้างสรรพสินค้า โรงเรียนสำหรับสอนพยากรณ์ดวงชะตา ในโรงแรมที่มีชื่อเสียง หมอดูบางคนมีสำนักงานเป็นของตนเอง หมอดูบางคนต้องออกเดินทางตระเวนไปยังบ้านลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
และพบว่า คนรุ่นใหม่หรือวัยรุ่นยุคปัจจุบันนิยมดูหมอกันในมิติต่าง ๆ อาทิ เป็นสมาชิกเครือข่ายกันทางโทรศัพท์มือถือ ติดตามการดูดวงตามนิตยสารดารา บันเทิง มีเครือข่ายเพื่อนฝูงที่นิยมการดูดวง รวมกระทั่งสนใจในการเรียนดูดวงเพิ่มขึ้น อะไรที่เป็นเหตุปัจจัยให้คนรุ่นนี้สนใจ...
ผู้เขียนเห็นว่า หมอดู หรือนักดูดวงผู้อื่น อีกนัยหนึ่งก็คือ ผู้ให้คำปรึกษา หรือผู้ที่รับฟังปัญหาในชีวิตประจำวัน แล้ววิเคราะห์ คาดประมาณอาจจะทั้งที่อยู่ในศาสตร์หรือนอกเหนือจากศาสตร์ที่มีอยู่ แล้วพยายามช่วยแก้ปัญหาในชีวิตของผู้ที่กำลังตกอยู่ในความทุกข์ที่ต้องการความช่วยเหลือ
ในบ้านเรามีหมอดูหลายคนที่ประพฤติผิดทั้งศีลธรรมและกฎหมาย ล่วงละเมิดทางเพศ หลอกลวง บางครั้งมีผลประโยชน์อื่น ๆ มาแอบแฝง ดังที่ตกเป็นข่าวที่ปรากฏในสื่อมาเป็นระยะ ๆ ผู้เขียนเห็นว่า คนที่มีอาชีพเป็นหมอดู นอกจากจะด้วยใจรัก ชอบในอาชีพนี้แล้ว สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ จรรยาบรรณของอาชีพหมอดู ซึ่งในเมืองไทยจะมีหน่วยงานในการตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลการทำงานของหมอดูหรือไม่...
ในทางกลับกัน บ้านเรามีหมอดูหลากหลายประเภท หลายคนสนใจหมอดูที่มักจะมีชื่อเสียงที่ปรากฏในสื่อ เขาเหล่านั้นมีเวลาจำกัด หรืออาจจะมีราคาค่าดู ที่แตกต่างไปจากหมอดูบ้านเรา ซึ่งจำนวนอัตรา ราคาค่าดูนั้น บ้านเรามีการตรวจสอบ ในการเก็บภาษีเข้ารัฐด้วยหรือไม่...
ผู้เขียนเห็นว่า อาชีพหมอดูในเมืองไทยยังคงเป็นอาชีพคงอยู่ท่ามกลางของกระแสความสับสนวุ่นวายของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและความเชื่อที่ว่า ณ สังคมที่เป็นอยู่นี้ควรเชื่อสิ่งใดดีที่สุดในชีวิตทั้งปัจจุบันและอนาคต...