ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้(6 มี.ค) นาย เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามสด นาย สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เรื่อง การตั้งบ่อนคาสิโน โดยนายเทพไทกล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ของนายสมัคร ถึงการตั้งบ่อนกาสิโน ท่ามกลางปัญหาเรื่องปากท้องประชาชน ความสับสนอลหม่านเรื่องการโยกย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทำให้สงสัยว่า เจตนาของนายกรัฐมนตรีหยิบประเด็นนี้ขึ้นมากลบกระแสอะไรบางอย่างหรือไม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ท้าทายคุณธรรม และนโยบายการตั้งบ่อนเป็นความคิดส่วนตัว หรือนโยบายของพรรคพลังประชาชน ถ้าเป็นนโยบายของพรรค ทำไมไม่หยิบมา รณรงค์หาเสียงให้ประชาชนตัดสินใจหรือหากเป็นนโยบายของรัฐบาล อยู่ในข้อไหนของหนังสือแถลงนโยบาย
นายสมัคร ชี้แจงว่า ตนประหลาดใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่มีคนเขียนคำถามเข้ามาในรายการ พูดจาประสาสมัคร เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าการตั้งกาสิโนในประเทศไทยจะสร้างได้หรือไม่ ตนก็ตอบว่าน่าจะ ตั้งกันได้ ก็กลายเป็นข่าวใหญ่โตมโหฬาร
“เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในนโยบายอะไรทั้งสิ้นเป็นความเห็นส่วนตัวของคนเป็น นายกรัฐมนตรีเท่านั้น ซึ่งในระบอบประชาธิปไตย คนเป็นนายกรัฐมนตรี ออกความ เห็นได้ ถ้าไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์ก็คงจบเท่านั้น และไม่ต้องการกลบเกลื่อนอะไรทั้งสิ้นเพราะ ไม่เห็นมีอะไรจะต้องน่ากลบเกลื่อน หรือต้องน่าปิดบัง”
นายสมัครกล่าวว่า หลังจากที่ตนกลับมาจากต่างประเทศก็ต้องอธิบายให้ฟังว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น แต่ข่าวไม่ได้รายงานให้ครบถ้วน ว่าตนเคยสัมผัสเรื่องนี้มาตั้งแต่ พ.ศ.2520 สมัยเป็นรมว.มหาดไทย ไปดูงานที่ฟิลิปปินส์ แต่นายกรัฐมนตรีขณะนั้นบอกว่าดีเหมือนกันแต่ให้เก็บไปก่อน เมื่อมาถามตนก็ทบทวนให้ฟังและแสดงความเห็นว่าทั่วไปเขามีกันหมด ทำไมบ้านเราจะมีไม่ได้
“ขณะที่ไปเขมรนั่งคุยกับนายกรัฐมนตรีเขมร ที่กระทรวงการต่างประเทศ ถามว่าตึกนั้นอะไร เขาบอกว่าโฮเต็ลกาสิโนกำลังสร้างใหม่ ขนาดเขมร มีอยู่ข้างบ้านเรา ยังไม่พอไปมีอยู่ข้างกระทรวงการต่างประเทศใจกลางเมืองพนมเปญ เรื่องนี้ไม่ใช่นโยบาย และถ้าจะคิดทำสภาเขามีรายงานไว้ ถ้าสนใจก็ไปอ่าน แต่นายกรัฐมนตรีเมืองไทยต้องมีสิทธิที่จะแสดงความเห็นได้ แต่ต้องฟังศัพท์จะเอาไปกระเดียด หากฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วจับเอาไปกระเดียด หรือถ้าผมพูดเช้าวันนั้นแล้วไม่มีใครไปต่อ ก็จบแค่นั้นเอง แต่ประเทศไทยพูดอะไรกันไม่ได้เลยหรือ ผมจะขอตอบแค่นี้ แต่จะไปคุยรายละเอียดเช้าวันอาทิตย์ เรื่องเสวนาปัญหาคนไทยกับอบายมุข ผมจะคุยของผมในเวลาของผมเอง”
จากนั้นนายเทพไทได้ถามต่อว่า เมื่อบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัว แต่เมื่อดูหนังสือพิมพ์ มีรัฐมนตรีในรัฐบาลออกมากระโดดรับแนวความคิดนี้ หากเรื่องนี้ เป็นความเห็นส่วนตัว อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่คิดเรื่องนี้ และจะดำเนินการเรื่องนี้ อย่างไร
นายสมัครกล่าวว่าจะมีอะไรบันดาลใจตรงไหน ถามปัญหามาก็ตอบไปก็เท่านั้น ไม่มีแรงบันดาลใจอะไร และสมาชิกที่ออกมาตอบรับก็เป็นวิสัยของคนที่อยู่พรรคเดียวกัน บางคนก็เห็นด้วยบางคนก็ไม่เห็นด้วย นั่นเป็นระบอบประชาธิปไตย ไม่มีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ตามนายเทพไทได้ถามอีกครั้งว่า แนวความคิดที่จะตั้งบ่อนกาสิโน จะทำหรือไม่ ถ้าจะทำ อยากให้ดูว่าเรื่องนี้ขัดกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่ อย่างน้อย 3 มาตรา ที่หมิ่นเหม่ต่อนโยบายการเปิดบ่อน ได้แก่ 78 (1) 83 และ 84 (2) และถ้าหากขัดรัฐธรรมนูญจะทำอย่างไร เลิกแนวความคิดนี้หรือ แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ความคิดของท่านทำได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีการพูดว่าขัดรัฐธรรมนูญ และเรื่องพอเพียง ซึ่งตนไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด แต่โรงแรมค่าที่พักคืนละ 5 หมื่น ถึง 1 แสน บังคับให้ใครไปพักหรือเปล่า ไม่ได้บังคับให้ใครไปพักเลย แต่ก็มีโรงแรมอย่างนี้ อยู่ในประเทศไทย เพราะฉะนั้นหากเรื่องนี้จะขัดรัฐธรรมนูญ แล้วถึงกับแก้รัฐธรรมนูญ ตนไม่ขนาดนั้น แม้ในพรรคพลังประชาชน มีคนเสนอให้ศึกษาเรื่องรัฐธรรมนูญ แค่นั้นก็เอิกเกริกโวยวายกันใหญ่ เขามีสิทธิของเขาที่จะเข้าประชุมพรรค คนยังไม่ครบขอให้ครบค่อยออกความคิดเห็น แต่ไม่ทันใจเขามายื่นขอให้พิจารณารัฐธรรมนูญ เท่านั้นกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬารว่า จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่ออดีตนายกรัฐมนตรีจะได้ไม่ต้องขึ้นศาล บ้านเมืองนี้เป็นอะไรไปก็ไม่ทราบได้
“ไม่มีปัญหาหรอกครับ ผมไม่บ้าพอที่จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อจะตั้งกาสิโน หากเขาห้ามไม่ให้ทำ แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครคิดเขียนไว้ในนั้นหรอกครับ จะเฉียดไป เฉียดมาก็สุดแล้วแต่ แต่ผมไม่จำเป็นต้องเป็นคนเริ่มทำ สภาเขามีรายงาน ไว้เสร็จเรียบร้อยหมด หากวันข้างหน้ารัฐบาลนี้เห็นชอบมีรายงานประเมินการได้ ผมก็จะเอารายงานของสภาไปดำเนินการ”
ตัวเงินตัวทองบุกสภาขณะมีประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเวลา17.30น. ได้เกิดความโกลาหลในบริเวณ ชั้น1 อาคารรัฐสภา1 เนื่องจากมีตัวเงินตัวทอง 1ตัว ยาวประมาณ1 เมตร โผ่ลวิ่งเข้ามาภายในอาคารทางประตูทางเข้าด้านทิศเหนือ เลื้อยผ่านห้องน้ำ ไปยังหน้าห้องของฝ่ายทะเบียน บริเวณกล่องรับเอกสารของสมาชิก หรือรังนกกระจอก สร้างความแตกตื่นให้แก่ข้าราชการในห้อง จนตะโกนเรียกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ให้มาช่วยกันจับออกไปสร้างความโกลาหล เพราะกำลังพยายามปีนป่ายกล่องรับเอกสาร ไม่มีใครกล้าจับ เนื่องจากตัวเงินตัวทองหันมาขู่
นอกจากที่มีสื่อมวลชนและคนที่เห็นเหตุการณ์มามุงดูจำนวนมากแล้ว รวมทั้ง ส.ส.อาทินายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ส.ส.ชัยนาท และ นายสุชาติ โชควัฒนากร ส.ส.มหาสารคราม พรรคพลังประชาชน เป็นต้น ใช้เวลานานประมาณ 15 นาทีจึงสามารถจับออกไปได้
ผู้สื่อข่าวรายงายด้วยว่าหลังจากเจ้าหน้าที่จับตัวเงินตัวทอง ออกจากอาคารรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว โดยนายชัยวัฒน์ ได้เดินเข้าไปพูดหยอกล้อกับข้าราชการ ในห้องว่า “สงสัย...มันจะเข้ามาทำบัตร” อย่างไรก็ตาม ถือเป็นครั้งแรกที่ ตัวเงิน ตัวทอง บุกเข้ามาภายในตัวอาคาร เพราะที่ผ่านมาจะอยู่แค่ภายนอก อาคาร หรือ บริเวณบ่อปลาคร๊าฟ เท่านั้นทั้งนี้มีการวิจารณ์ของข้าราชการไปต่างๆนานาเพราะไม่เคยมีตัวเงินตัวทองเลื้อยเข้ามาในอาคารรัฐสภา
ครม.เงาปชป.ชี้ได้ไม่คุ้มเสีย
นายศิริโชค โสภา โฆษกคณะรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุมครม.เงาว่า ที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐด้วยการเปิดบ่อน เพราะต้นทุนทางสังคมที่รัฐบาลต้องไปบำบัดนั้น เมื่อดูจากต่างประเทศแล้วตัวเลขอาจ สูงกว่าผลลประโยชน์ทางเศรษกิจที่ได้รับ 6 เท่า เนื่องจากจะมีปัญหาในเรื่องอาชญกรรม เศรษฐกิจ และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ญาตที่น้องของผู้ติดการพนั้น
ดังนั้น แนวคิดการเปิดบ่อน จึงเป็นเพียงการโอนรายได้จากกลุ่มคนยากจน ไปให้คนร่ำรวย ซึ่งมักจะเป็นเจ้าของธุรกิจเท่านั้น นอกจากนี้ยังผิดศีลธรรม รัฐบาล ควรเป็นแแบอย่างในการสนับสนุน ให้ทำหลักธรรมของศาสนามาให้ เพื่อเสริมสร้าง คุณธรรมและการพัฒนาคุณภาพชีวิต
อย่างไรก็ตาม เมื่อทางพรรคประชาธิปัตย์ได้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับแนวทางของรัฐบาลในการเปิดบ่อนว่าเป็นอย่างไร ก็จะนำเสนอในที่ประชุมครม.เงา ว่า ถ้าเราไม่เปิดบ่อนจะมีมาตราการไหนที่ดีกว่านี้ ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และขณะนี้ทางพรรคกำลังศึกษาเพื่อดูข้อเท็จจริง เพราะอย่างน้อย เป็นการชี้นำให้ประชาชนได้รับทราบสภาพข้อเท็จจริง
ประมวลชี้ตั้งบ่อนได้ไม่คุ้มเสีย
นายประมวล รุจนเสรี หัวหน้าพรรคประชามติ อดีตรมช.มหาดไทย กล่าวว่า การเปิดบ่อนเสรีพูดกันมานานแล้ว แต่คิดว่าทำไม่ได้เพราะไม่มีใครคิดให้ลึกลงไป ถึงประเด็นที่ว่าถ้าเปิดแล้วจะทำอย่างไร กับคนที่ยังเล่นการพนันอยู่ เพราะคนที่เล่น ไม่ใช่คนที่มีเงินเท่านั้น แต่ยังมีคนยากจนและรายได้น้อยก็เล่นเหมือนกัน
“ถ้าเป็นอย่างนี้บ่อนชนไก่ ชนวัวต้องเปิดเสรีด้วยใช่ไหม อย่าเอาแต่ได้ว่าจะเอาเงินเข้าประเทศอย่างเดียวและสกัดไม่ให้คนเอาเงินออกไปใช้ต่างประเทศ ซึ่งการสกัดเงินเข้าประเทศมีมาตรการทางการเงินการคลังอยู่ การเข้า-ออกชายแดนก็ทำได้ ทำไมไม่ทำ ทำไมต้องอ้างว่าประเทศเพื่อนบ้านก็มีบ่อน ประเด็นไม่ใช่ว่ามีหรือไม่มี แต่ต้องดูว่าเหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่ายังไม่ควรมี”
นายประมวล กล่าวถึงเหตุผลที่จะมีบ่อนข้อแรกคือ ต้องดูว่าจะให้คนไทย หรือต่างชาติเข้ามาเล่น ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการศึกษาเรื่องนี้ หรือถ้าให้คนไทยมาเล่น ก็ยังไม่มีมาตรการป้องกันว่าจะเป็นเฉพาะกลุ่มที่มีเงินเท่านั้น ถือว่าเป็นการสกัดกั้นที่ไม่ถูกจุด มองเอาแต่ได้ ไม่มองข้อเสีย เห็นว่าเรื่องนี้เป็นอบายมุข รัฐไม่ควรส่งเสริม
“การจะแก้ปัญหาโดยเข้าไปเป็นเจ้าของบ่อนเสียเองไม่ถูกต้อง แม้แต่หวย 2 ตัว 3 ตัวบนดิน รัฐแก้หวยไมได้ทั้งๆ ที่หวยต้นทุนถูกที่สุด แต่ก็ยังปล่อยให้ขายได้ ในราคาเป็นร้อยบาททั้งๆ ที่ต้นทุนไม่เท่าไร ซึ่งการแก้ปัญหาไม่ได้มันสะท้อนปัญหาของตัวเองในการบริหารจัดการ สิ่งเหล่านี้ผมคิดว่ามันไม่คุ้ม”
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องมีการทำประชาพิจารณ์หรือไม่ นายประมวล กล่าวว่า หากตนเป็นผู้บริหารจะไม่ทำ เพราะประชาพิจารณ์มันอาจทำไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการได้ ไม่ใช่เป็นการพิจารณาแบบตรงไปตรงมา แต่ถ้ารัฐบาลจะทำแล้วมั่นใจว่า กล้ารับผิดชอบ ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล อย่าไปอ้างเหตุผลอย่างโน้นอย่างนี้
ส่วนที่รัฐบาลบอกว่าจะเปิดเป็นกาสิโนไม่ใช่บ่อนเสรี และมีการจำกัดผู้เล่น นายประมวล กล่าวว่า รัฐบาลเองยังไม่มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ รัฐมนตรีบางคน ยังกลัวๆ กล้าๆ นายกรัฐมนตรีอาจจะต้องการโยนหินถามทางก่อน ตนว่าอาจจะหวังผลทางการเมืองด้านอื่นหรือไม่ หรือหวังเพื่อกลบกระแส
ผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งสำคัญของรัฐบาลชุดนี้ที่ต้องทำคืออะไร นายประมวล กล่าวว่า เรื่องนี้นโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อสภาฯ ไม่มี แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงนำเรื่องนี้มาเล่นเป็นกระแส ตนตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาล กำลังกลบเกลื่อนเรื่องการโยกย้ายข้าราชการ โดยนำเรื่องนี้มาเล่น เพื่อให้เรื่องโยกย้าย พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียาเวช เงียบหายไป เพราะนี่คือลีลาของนักการเมืองยิ่งกว่าขิงแก่เสียอีก
ผบ.สส.แนะต้องประเมินให้ดี
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.กล่าวถึงแนวคิดของรัฐบาลที่จะเปิดคาสิโนว่า เรื่อนี้ต้องพิจารณาก่อนพูดตอนนี้จะสับสน คนที่ไม่มีหน้าที่ อะไรโดยตรง พูดไปก็สับสน บางเรื่องกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ต้องฟังหลายฝ่ายทั้งเรื่องกฎหมายเรื่องคดีที่เละเทะไปหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องคำนึงถึงคุณธรรมจริยธรรมใช่หรือไม่พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงทุกเรื่องที่เราทำ แต่การเปิดบ่อน ตรงไหนจะเป็นคุณธรรมหรือไม่ต้องมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ต้องดูว่าลงเอยแล้วอะไรดีกว่ากัน ซึ่งในโลกของเราไม่สมบูรณ์แบบและสังคมของเราไม่สมบูรณ์แบบ และต้องยอมรับความจริงหลายๆ อย่าง และเขาจะต้องประเมิน และเมื่อเขาประเมินจะเดินไปทางไหน เขาจะต้องคิดเรื่องอย่างนี้ เพราะถ้าไม่ประเมินคงไม่ดี ต้องประเมิน
ส่วนจำเป็นที่จะต้องทำประชาพิจารณ์หรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ทุกคนคงแสดงความเห็นได้เพราะเกี่ยวกับทุกคน เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฟังหลายๆฝ่าย เรื่องการเมืองเกี่ยวกับทุกคน
นายสมัคร ชี้แจงว่า ตนประหลาดใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่มีคนเขียนคำถามเข้ามาในรายการ พูดจาประสาสมัคร เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าการตั้งกาสิโนในประเทศไทยจะสร้างได้หรือไม่ ตนก็ตอบว่าน่าจะ ตั้งกันได้ ก็กลายเป็นข่าวใหญ่โตมโหฬาร
“เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในนโยบายอะไรทั้งสิ้นเป็นความเห็นส่วนตัวของคนเป็น นายกรัฐมนตรีเท่านั้น ซึ่งในระบอบประชาธิปไตย คนเป็นนายกรัฐมนตรี ออกความ เห็นได้ ถ้าไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์ก็คงจบเท่านั้น และไม่ต้องการกลบเกลื่อนอะไรทั้งสิ้นเพราะ ไม่เห็นมีอะไรจะต้องน่ากลบเกลื่อน หรือต้องน่าปิดบัง”
นายสมัครกล่าวว่า หลังจากที่ตนกลับมาจากต่างประเทศก็ต้องอธิบายให้ฟังว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น แต่ข่าวไม่ได้รายงานให้ครบถ้วน ว่าตนเคยสัมผัสเรื่องนี้มาตั้งแต่ พ.ศ.2520 สมัยเป็นรมว.มหาดไทย ไปดูงานที่ฟิลิปปินส์ แต่นายกรัฐมนตรีขณะนั้นบอกว่าดีเหมือนกันแต่ให้เก็บไปก่อน เมื่อมาถามตนก็ทบทวนให้ฟังและแสดงความเห็นว่าทั่วไปเขามีกันหมด ทำไมบ้านเราจะมีไม่ได้
“ขณะที่ไปเขมรนั่งคุยกับนายกรัฐมนตรีเขมร ที่กระทรวงการต่างประเทศ ถามว่าตึกนั้นอะไร เขาบอกว่าโฮเต็ลกาสิโนกำลังสร้างใหม่ ขนาดเขมร มีอยู่ข้างบ้านเรา ยังไม่พอไปมีอยู่ข้างกระทรวงการต่างประเทศใจกลางเมืองพนมเปญ เรื่องนี้ไม่ใช่นโยบาย และถ้าจะคิดทำสภาเขามีรายงานไว้ ถ้าสนใจก็ไปอ่าน แต่นายกรัฐมนตรีเมืองไทยต้องมีสิทธิที่จะแสดงความเห็นได้ แต่ต้องฟังศัพท์จะเอาไปกระเดียด หากฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วจับเอาไปกระเดียด หรือถ้าผมพูดเช้าวันนั้นแล้วไม่มีใครไปต่อ ก็จบแค่นั้นเอง แต่ประเทศไทยพูดอะไรกันไม่ได้เลยหรือ ผมจะขอตอบแค่นี้ แต่จะไปคุยรายละเอียดเช้าวันอาทิตย์ เรื่องเสวนาปัญหาคนไทยกับอบายมุข ผมจะคุยของผมในเวลาของผมเอง”
จากนั้นนายเทพไทได้ถามต่อว่า เมื่อบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัว แต่เมื่อดูหนังสือพิมพ์ มีรัฐมนตรีในรัฐบาลออกมากระโดดรับแนวความคิดนี้ หากเรื่องนี้ เป็นความเห็นส่วนตัว อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่คิดเรื่องนี้ และจะดำเนินการเรื่องนี้ อย่างไร
นายสมัครกล่าวว่าจะมีอะไรบันดาลใจตรงไหน ถามปัญหามาก็ตอบไปก็เท่านั้น ไม่มีแรงบันดาลใจอะไร และสมาชิกที่ออกมาตอบรับก็เป็นวิสัยของคนที่อยู่พรรคเดียวกัน บางคนก็เห็นด้วยบางคนก็ไม่เห็นด้วย นั่นเป็นระบอบประชาธิปไตย ไม่มีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ตามนายเทพไทได้ถามอีกครั้งว่า แนวความคิดที่จะตั้งบ่อนกาสิโน จะทำหรือไม่ ถ้าจะทำ อยากให้ดูว่าเรื่องนี้ขัดกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่ อย่างน้อย 3 มาตรา ที่หมิ่นเหม่ต่อนโยบายการเปิดบ่อน ได้แก่ 78 (1) 83 และ 84 (2) และถ้าหากขัดรัฐธรรมนูญจะทำอย่างไร เลิกแนวความคิดนี้หรือ แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ความคิดของท่านทำได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีการพูดว่าขัดรัฐธรรมนูญ และเรื่องพอเพียง ซึ่งตนไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด แต่โรงแรมค่าที่พักคืนละ 5 หมื่น ถึง 1 แสน บังคับให้ใครไปพักหรือเปล่า ไม่ได้บังคับให้ใครไปพักเลย แต่ก็มีโรงแรมอย่างนี้ อยู่ในประเทศไทย เพราะฉะนั้นหากเรื่องนี้จะขัดรัฐธรรมนูญ แล้วถึงกับแก้รัฐธรรมนูญ ตนไม่ขนาดนั้น แม้ในพรรคพลังประชาชน มีคนเสนอให้ศึกษาเรื่องรัฐธรรมนูญ แค่นั้นก็เอิกเกริกโวยวายกันใหญ่ เขามีสิทธิของเขาที่จะเข้าประชุมพรรค คนยังไม่ครบขอให้ครบค่อยออกความคิดเห็น แต่ไม่ทันใจเขามายื่นขอให้พิจารณารัฐธรรมนูญ เท่านั้นกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬารว่า จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่ออดีตนายกรัฐมนตรีจะได้ไม่ต้องขึ้นศาล บ้านเมืองนี้เป็นอะไรไปก็ไม่ทราบได้
“ไม่มีปัญหาหรอกครับ ผมไม่บ้าพอที่จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อจะตั้งกาสิโน หากเขาห้ามไม่ให้ทำ แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครคิดเขียนไว้ในนั้นหรอกครับ จะเฉียดไป เฉียดมาก็สุดแล้วแต่ แต่ผมไม่จำเป็นต้องเป็นคนเริ่มทำ สภาเขามีรายงาน ไว้เสร็จเรียบร้อยหมด หากวันข้างหน้ารัฐบาลนี้เห็นชอบมีรายงานประเมินการได้ ผมก็จะเอารายงานของสภาไปดำเนินการ”
ตัวเงินตัวทองบุกสภาขณะมีประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเวลา17.30น. ได้เกิดความโกลาหลในบริเวณ ชั้น1 อาคารรัฐสภา1 เนื่องจากมีตัวเงินตัวทอง 1ตัว ยาวประมาณ1 เมตร โผ่ลวิ่งเข้ามาภายในอาคารทางประตูทางเข้าด้านทิศเหนือ เลื้อยผ่านห้องน้ำ ไปยังหน้าห้องของฝ่ายทะเบียน บริเวณกล่องรับเอกสารของสมาชิก หรือรังนกกระจอก สร้างความแตกตื่นให้แก่ข้าราชการในห้อง จนตะโกนเรียกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ให้มาช่วยกันจับออกไปสร้างความโกลาหล เพราะกำลังพยายามปีนป่ายกล่องรับเอกสาร ไม่มีใครกล้าจับ เนื่องจากตัวเงินตัวทองหันมาขู่
นอกจากที่มีสื่อมวลชนและคนที่เห็นเหตุการณ์มามุงดูจำนวนมากแล้ว รวมทั้ง ส.ส.อาทินายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ส.ส.ชัยนาท และ นายสุชาติ โชควัฒนากร ส.ส.มหาสารคราม พรรคพลังประชาชน เป็นต้น ใช้เวลานานประมาณ 15 นาทีจึงสามารถจับออกไปได้
ผู้สื่อข่าวรายงายด้วยว่าหลังจากเจ้าหน้าที่จับตัวเงินตัวทอง ออกจากอาคารรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว โดยนายชัยวัฒน์ ได้เดินเข้าไปพูดหยอกล้อกับข้าราชการ ในห้องว่า “สงสัย...มันจะเข้ามาทำบัตร” อย่างไรก็ตาม ถือเป็นครั้งแรกที่ ตัวเงิน ตัวทอง บุกเข้ามาภายในตัวอาคาร เพราะที่ผ่านมาจะอยู่แค่ภายนอก อาคาร หรือ บริเวณบ่อปลาคร๊าฟ เท่านั้นทั้งนี้มีการวิจารณ์ของข้าราชการไปต่างๆนานาเพราะไม่เคยมีตัวเงินตัวทองเลื้อยเข้ามาในอาคารรัฐสภา
ครม.เงาปชป.ชี้ได้ไม่คุ้มเสีย
นายศิริโชค โสภา โฆษกคณะรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุมครม.เงาว่า ที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐด้วยการเปิดบ่อน เพราะต้นทุนทางสังคมที่รัฐบาลต้องไปบำบัดนั้น เมื่อดูจากต่างประเทศแล้วตัวเลขอาจ สูงกว่าผลลประโยชน์ทางเศรษกิจที่ได้รับ 6 เท่า เนื่องจากจะมีปัญหาในเรื่องอาชญกรรม เศรษฐกิจ และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ญาตที่น้องของผู้ติดการพนั้น
ดังนั้น แนวคิดการเปิดบ่อน จึงเป็นเพียงการโอนรายได้จากกลุ่มคนยากจน ไปให้คนร่ำรวย ซึ่งมักจะเป็นเจ้าของธุรกิจเท่านั้น นอกจากนี้ยังผิดศีลธรรม รัฐบาล ควรเป็นแแบอย่างในการสนับสนุน ให้ทำหลักธรรมของศาสนามาให้ เพื่อเสริมสร้าง คุณธรรมและการพัฒนาคุณภาพชีวิต
อย่างไรก็ตาม เมื่อทางพรรคประชาธิปัตย์ได้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับแนวทางของรัฐบาลในการเปิดบ่อนว่าเป็นอย่างไร ก็จะนำเสนอในที่ประชุมครม.เงา ว่า ถ้าเราไม่เปิดบ่อนจะมีมาตราการไหนที่ดีกว่านี้ ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และขณะนี้ทางพรรคกำลังศึกษาเพื่อดูข้อเท็จจริง เพราะอย่างน้อย เป็นการชี้นำให้ประชาชนได้รับทราบสภาพข้อเท็จจริง
ประมวลชี้ตั้งบ่อนได้ไม่คุ้มเสีย
นายประมวล รุจนเสรี หัวหน้าพรรคประชามติ อดีตรมช.มหาดไทย กล่าวว่า การเปิดบ่อนเสรีพูดกันมานานแล้ว แต่คิดว่าทำไม่ได้เพราะไม่มีใครคิดให้ลึกลงไป ถึงประเด็นที่ว่าถ้าเปิดแล้วจะทำอย่างไร กับคนที่ยังเล่นการพนันอยู่ เพราะคนที่เล่น ไม่ใช่คนที่มีเงินเท่านั้น แต่ยังมีคนยากจนและรายได้น้อยก็เล่นเหมือนกัน
“ถ้าเป็นอย่างนี้บ่อนชนไก่ ชนวัวต้องเปิดเสรีด้วยใช่ไหม อย่าเอาแต่ได้ว่าจะเอาเงินเข้าประเทศอย่างเดียวและสกัดไม่ให้คนเอาเงินออกไปใช้ต่างประเทศ ซึ่งการสกัดเงินเข้าประเทศมีมาตรการทางการเงินการคลังอยู่ การเข้า-ออกชายแดนก็ทำได้ ทำไมไม่ทำ ทำไมต้องอ้างว่าประเทศเพื่อนบ้านก็มีบ่อน ประเด็นไม่ใช่ว่ามีหรือไม่มี แต่ต้องดูว่าเหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่ายังไม่ควรมี”
นายประมวล กล่าวถึงเหตุผลที่จะมีบ่อนข้อแรกคือ ต้องดูว่าจะให้คนไทย หรือต่างชาติเข้ามาเล่น ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการศึกษาเรื่องนี้ หรือถ้าให้คนไทยมาเล่น ก็ยังไม่มีมาตรการป้องกันว่าจะเป็นเฉพาะกลุ่มที่มีเงินเท่านั้น ถือว่าเป็นการสกัดกั้นที่ไม่ถูกจุด มองเอาแต่ได้ ไม่มองข้อเสีย เห็นว่าเรื่องนี้เป็นอบายมุข รัฐไม่ควรส่งเสริม
“การจะแก้ปัญหาโดยเข้าไปเป็นเจ้าของบ่อนเสียเองไม่ถูกต้อง แม้แต่หวย 2 ตัว 3 ตัวบนดิน รัฐแก้หวยไมได้ทั้งๆ ที่หวยต้นทุนถูกที่สุด แต่ก็ยังปล่อยให้ขายได้ ในราคาเป็นร้อยบาททั้งๆ ที่ต้นทุนไม่เท่าไร ซึ่งการแก้ปัญหาไม่ได้มันสะท้อนปัญหาของตัวเองในการบริหารจัดการ สิ่งเหล่านี้ผมคิดว่ามันไม่คุ้ม”
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องมีการทำประชาพิจารณ์หรือไม่ นายประมวล กล่าวว่า หากตนเป็นผู้บริหารจะไม่ทำ เพราะประชาพิจารณ์มันอาจทำไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการได้ ไม่ใช่เป็นการพิจารณาแบบตรงไปตรงมา แต่ถ้ารัฐบาลจะทำแล้วมั่นใจว่า กล้ารับผิดชอบ ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล อย่าไปอ้างเหตุผลอย่างโน้นอย่างนี้
ส่วนที่รัฐบาลบอกว่าจะเปิดเป็นกาสิโนไม่ใช่บ่อนเสรี และมีการจำกัดผู้เล่น นายประมวล กล่าวว่า รัฐบาลเองยังไม่มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ รัฐมนตรีบางคน ยังกลัวๆ กล้าๆ นายกรัฐมนตรีอาจจะต้องการโยนหินถามทางก่อน ตนว่าอาจจะหวังผลทางการเมืองด้านอื่นหรือไม่ หรือหวังเพื่อกลบกระแส
ผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งสำคัญของรัฐบาลชุดนี้ที่ต้องทำคืออะไร นายประมวล กล่าวว่า เรื่องนี้นโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อสภาฯ ไม่มี แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงนำเรื่องนี้มาเล่นเป็นกระแส ตนตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาล กำลังกลบเกลื่อนเรื่องการโยกย้ายข้าราชการ โดยนำเรื่องนี้มาเล่น เพื่อให้เรื่องโยกย้าย พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียาเวช เงียบหายไป เพราะนี่คือลีลาของนักการเมืองยิ่งกว่าขิงแก่เสียอีก
ผบ.สส.แนะต้องประเมินให้ดี
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.กล่าวถึงแนวคิดของรัฐบาลที่จะเปิดคาสิโนว่า เรื่อนี้ต้องพิจารณาก่อนพูดตอนนี้จะสับสน คนที่ไม่มีหน้าที่ อะไรโดยตรง พูดไปก็สับสน บางเรื่องกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ต้องฟังหลายฝ่ายทั้งเรื่องกฎหมายเรื่องคดีที่เละเทะไปหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องคำนึงถึงคุณธรรมจริยธรรมใช่หรือไม่พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงทุกเรื่องที่เราทำ แต่การเปิดบ่อน ตรงไหนจะเป็นคุณธรรมหรือไม่ต้องมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ต้องดูว่าลงเอยแล้วอะไรดีกว่ากัน ซึ่งในโลกของเราไม่สมบูรณ์แบบและสังคมของเราไม่สมบูรณ์แบบ และต้องยอมรับความจริงหลายๆ อย่าง และเขาจะต้องประเมิน และเมื่อเขาประเมินจะเดินไปทางไหน เขาจะต้องคิดเรื่องอย่างนี้ เพราะถ้าไม่ประเมินคงไม่ดี ต้องประเมิน
ส่วนจำเป็นที่จะต้องทำประชาพิจารณ์หรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ทุกคนคงแสดงความเห็นได้เพราะเกี่ยวกับทุกคน เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฟังหลายๆฝ่าย เรื่องการเมืองเกี่ยวกับทุกคน