“บรรยิน”ออกโรงสอนมวย “มิ่งขวัญ” เรื่องข้าวอีกรอบ หลังฉะเรื่องหมูไปก่อนหน้านี้ ชี้ต้นทุนค่าทำข้าวถุง 5 กิโลถุงละ 10.15 บาทแพงเกินไป ควรจะลดลงได้อีก หากลดได้ราคาขายก็จะถูกลงกว่านี้ พร้อมแนะให้รีบขายข้าวในสต๊อกทำกำไร หาเงินคืนหลวงบ้าง เหตุข้าวใหม่กำลังจะออกมา เผยนโยบาย”มิ่ง”ปั่นราคาข้าวได้ผล คนแห่กักตุนจนทำข้าวถุงขาดตลาด แถมพบภาวะผิดปกติข้าวในห้างฯ เริ่มไม่มีขาย แต่ห้างฯ กับผู้ผลิตโบ้ยกันนัว ต่างคนต่างยืนยันนำข้าวออกขาย ผู้ส่งออกระบุข้าวมีโอกาสราคาพุ่งอีก แฉข้าวธงฟ้ามีคนกลางได้ประโยชน์
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่าเป็นผู้ท้วงติงการนำข้าวในสต๊อกรัฐบาลมาทำข้าวถุงราคาถูกจำหน่ายให้กับประชาชนในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า เป็นผู้ท้วงติงจริง เพราะเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์น่าลดต้นทุนในการบรรจุข้าวถุงลงได้อีก โดยตัวเลขที่เสนอเป็นค่าใช้จ่ายในการบรรจุถุงสูงถึง 10.15 บาท/ถุง 5 กิโลกรัมนั้น แพงเกินไป ซึ่งหากลดลงมาได้ ก็จะทำให้ข้าวถุงที่นำมาจำหน่ายให้กับประชาชนมีราคาถูกลงอีก
“ผมไม่ได้ออกมาคัดค้านอะไร ผมเห็นด้วยกับการทำข้าวถุงราคาถูกออกมาขายให้กับประชาชน เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าครองชีพ เพียงแต่อยากให้มันถูกลงกว่านี้ อยากให้ไปดูว่ารายละเอียดของกระบวนการทำจนเป็นข้าวถุงมันลดตรงไหนได้อีก เพราะราคาค่าโน่นค่านี่จนเป็นข้าวถุง 5 กิโลกรัม สูงถึงถุงละ 10.15 บาท แพงมาก ในจำนวนนี้ เป็นค่าปรับปรุง 4.60 บาท เป็นค่าถุง 2.80 บาท ค่าขนย้าย 2.25 บาท เป็นไปได้ยังไง ผมว่าลดได้อีก ถ้าตรงนี้ลดได้ ราคาข้าวก็ลดได้”พ.ต.ท.บรรยินกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เสนอครม. ว่าจะนำข้าวสาร 5% ในสต๊อกรัฐบาลจำนวน 6.5 แสนตันมาบรรจุถุง 5 กิโลกรัม ขายราคาถูกให้กับประชาชนถุงละ 72-86 บาท ซึ่งแล้วแต่ว่าเป็นข้าวที่รับจำนำมาในปีไหน เป็นข้าวนาปีหรือนาปรัง ทำออกมาจำหน่ายเดือนละ 1 แสนตัน โดยราคาราคาข้าวถุงในตลาดขณะนี้อยู่ที่ 76-88 บาท
สำหรับปริมาณข้าวในสต๊อกที่จะนำออกมาบรรจุถุง 6.5 แสนตันนั้น เห็นว่าเป็นปริมาณที่มากเกินไป ควรจะแทรกแซงตลาดในปริมาณที่ไม่มาก เพราะถ้ามากกลไกตลาดจะปั่นป่วน โดยการแทรกแซงไม่ควรจะทำนาน แค่ 1-2 เดือนก็เพียงพอ เนื่องจากข้าวฤดูกาลใหม่จะออกมาแล้วในเร็วๆ นี้ ทำให้ปริมาณข้าวมีเพียงพอที่จะบริโภคแน่นอน
“ตอนนี้ข้าวในสต๊อกรัฐบาลที่จะนำมาขายมีต้นทุนตันละ 15,000 บาท แต่ราคาขายตอนนี้ตันละ 19,000 บาท รัฐต้องคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรบ้าง ถ้าเอาไปขายก็กำไรตันละ 4,000 บาท มันก็เหมือนเล่นหุ้น ตอนนี้หุ้นขึ้น ถ้าขายก็กำไร ก็ควรจะขาย มันพีคสุดๆ แล้ว เดี๋ยวข้าวใหม่ก็ออกมา ไม่รู้ว่าราคาจะเป็นยังไง แต่ถ้าเราเอาไปขายบ้าง ได้กำไรมาก็เอาเงินคืนรัฐบาล ผมพูด ผมห่วงประโยชน์ประชาชน ผมห่วงประโยชน์ประเทศชาติ ไม่ได้จ้องโจมตีใคร”พ.ต.ท.บรรยินกล่าว
ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.บรรยินได้เคยออกมาให้ข่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหมูแล้วรอบหนึ่ง โดยในครั้งนั้นระบุว่า การแก้ปัญหาหมูแพง ควรจะทำทั้งระบบ ไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการนำหมูราคาถูกกิโลกรัมละ 98 บาทมาขาย และขายแค่บางจุดเท่านั้น แต่หากต้องการให้ราคาหมูถูกลงจริงๆ ก็ต้องดูแลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการสำรวจตลาดจำหน่ายข้าวถุงตามร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ และร้านค้า พบว่าข้าวถุงเริ่มขาดตลาด โดยเฉพาะข้าว 5% และข้าวหอมมะลิ ที่หลายยี่ห้อหมดสต๊อกและไม่มีจำหน่ายเพิ่ม โดยพบว่ามีการซื้อข้าวในปริมาณมากกว่าปกติจากเดิม 2-4 ถุง เป็น 6 ถุง จนบางห้างฯ ต้องจำกัดปริมาณการซื้อต่อครอบครัว เพื่อต้องการให้ข้าวถุงถึงมือผู้บริโภคจริงๆ แทนที่จะตกไปยังมือพ่อค้าคนกลางที่จะซื้อไปเก็งกำไร
ทั้งนี้ ผลจากการที่ข้าวถุงขาดตลาด เป็นเพราะตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าราคาข้าวจะสูงขึ้นต่อเนื่อง และมีโอกาสถึงตันละ 30,000 บาท หรือกระสอบละ 3,000 บาท ทำให้มีการรีบกักตุนข้าว เพราะกลัวว่าจะต้องบริโภคข้าวในราคาที่แพงขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบพบความผิดปกติของราคาจำหน่ายข้าวถุงของบางห้างฯ ที่ราคาข้างถุงกับราคาจำหน่ายไม่ตรงกัน โดยราคาหน้าถุงเพียง 95 บาท แต่ราคาป้าย 121 บาท ซึ่งทำให้เกิดความสับสนต่อผู้บริโภค และมีการสอบถามเจ้าหน้าที่ห้างฯ จนต้องนำสินค้าเก็บเข้าสต๊อกทั้งหมด
ผู้บริโภคตื่นแห่ซื้อข้าวจากห้างตุน
นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จํากัด ผู้บริหารเทสโก้ โลตัส กล่าวว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ประชาชนตื่นตระหนก และมีการซื้อข้าวถุงเพื่อบริโภคเกินความจำเป็น แต่ห้างฯ ก็ได้นำข้าวในสต๊อกออกมาจำหน่ายอย่างเพียงพอ แต่เกรงว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจทำให้ข้าวถุงขาดแคลนได้ จึงอยากให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการชี้แจง เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าปริมาณข้าวยังมีเพียงพอต่อการบริโภคไม่ได้ขาดแคลนและไม่จำเป็นซื้อเกินความจำเป็น
ข้าวถุงยังส่งขายในห้างราคาเดิม
นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ผลิตข้าวถุงได้มีการผลิตข้าวถุงและจัดส่งเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม และยังจัดส่งให้ในราคาเดิม โดยบางห้างฯ ได้ขอสั่งซื้อเพิ่ม 10-20% ทางผู้ผลิตก็จัดส่งไปให้ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหาการขาดแคลนข้าวถุงเพื่อการบริโภค และไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนกจากกระแสข่าวว่าราคาข้าวจะแพงขึ้น จนต้องรีบซื้อข้าวไปกักตุนไว้
“กรณีที่มีการพูดว่าข้าวถุงในห้างฯ ขาดแคลน หาซื้อไม่ได้นั้น ผมยืนยันได้เลยว่าไม่เกี่ยวกับผู้ผลิต ผมถามสมาชิกทุกคนก็ยังจัดส่งข้าวให้ตามปกติ บางคนก็ผลิตและจัดส่งเพิ่มขึ้น 10-20% ผมเองก็ผลิตเพิ่มตามที่ห้างฯ ขอมา และตอนนี้ยังขายในราคาเดิมด้วย”นายสมฤกษ์กล่าว
แฉนโยบายข้าวธงฟ้าคนกลางได้ประโยชน์
แหล่งข้าวจากวงการค้าข้าว กล่าวถึงนโยบายของกรม การค้าภายใน ที่จะนำสต๊อกข้าวของรัฐมาบรรจุถุงขายในราคาถูกนั้น เห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เพราะ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โมเดิร์นเทรดขายข้างถุงราคาถูก กรมการค้าภายใน กลับสั่งให้ยุติการจำหน่าย และมีการตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อเอาผิดกับโมเดิร์นเทรด แต่ตอนนี้ราคาข้าวสูงขึ้น พ่อค้าคนกลาง เริ่มกักตุนข้าวโดยส่งข้าวถุงออกมาสู่ตลาดน้อยลง เพื่อกักตุนไว้จำหน่ายภายหลัง และส่วนหนึ่งส่งออก เพราะได้ราคาดีกว่าจำหน่ายในประเทศ แทนที่กรมการค้าภายใน จะดำเนินการตรวจสอบสต๊อกข้าวเอกชน และหามาตรการห้ามการกักตุนข้าวของพ่อค้าคนกลาง แต่กลับมาทำหน้าที่พ่อค้าเสียค้าข้าวรายย่อยเอง เท่ากับกรมการค้าภายใน เปิดช่องให้พ่อค้าข้าว เอาข้าวที่ควรใช้บริโภคภายในประเทศ นำออกไปจำหน่ายหากำไรในตลาดต่างประเทศ โดยให้รัฐเข้ามาแบกรับภาระขาดทุนจากการจำหน่ายข้าวราคาถูกไว้แทนกรมการค้าภายในควรจะแสดงบทบาทในการปกป้องประโยชน์ของผู้บริโภค ไม่ใช่เอาเงินภาษีของประชาชนมาจัดการข้าวราคาถูกมาขายกลับไปให้ประชาชนอีกต่อหนึ่ง ขณะเดียวกันพวกพ่อค้าคนกลางก็ลอยนวลอีกตามเคย หน่วยงานของรัฐควรจะเข้าใจบทบาทของตนเองให้ดีกว่านี้
แฉมีขบวนการกักตุนข้าว
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่าขณะนี้กำลังมีการกักตุนข้าวอย่างชัดเจนโดยกลุ่มผู้ส่งออก ซึ่งก็คือเจ้าของเดียวกันกับผู้ผลิตข้าวถุง เพราะโดยปกติแล้ว บริษัทเหล่านี้จะส่งออก 70% และขายในประเทศ 30% แต่ในปัจจุบันประมาณการณ์ว่า บริษัทเหล่านี้มีเป้าที่จะส่งออก 90% และขายภายในประเทศเพียง 5-10% เท่านั้น
นอกจากนี้ ก็มีพ่อค้านักเก็งกำไรที่อยู่ตรงกลางระหว่างผู้บริโภคกับร้านค้ามาหลายปี นั่นก็คือกลุ่มพ่อค้าคนกลาง กลุ่มพ่อค้าคนกลางนี่กักตุนข้าวกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันมาเป็นเดือนแล้ว ทำให้ข้าวสารขาดตลาดและมีราคาสูงขึ้น 20-30% โดยเฉลี่ยในระยะเวลาเพียงแค่ 2-3 สัปดาห์
สำหรับการเก็งกำไรราคาข้าวโดยทั้งสองฝ่ายดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตปฏิเสธที่จะส่งสินค้าให้กับห้างค้าปลีกสมัยใหม่ โดยปัจจุบันส่งให้เพียงประมาณ 20% ของออร์เดอร์ปกติ ปลีก ผู้ผลิตบางรายไม่ยอมส่งสินค้าไปเลย ทำให้ข้าวไม่มีขายในห้างค้า ส่วนที่ส่งนั้นก็ปรับราคาสูงขึ้นประมาณ 20-25% โดยไม่ให้เหตุผลใด ๆ
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่าเป็นผู้ท้วงติงการนำข้าวในสต๊อกรัฐบาลมาทำข้าวถุงราคาถูกจำหน่ายให้กับประชาชนในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า เป็นผู้ท้วงติงจริง เพราะเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์น่าลดต้นทุนในการบรรจุข้าวถุงลงได้อีก โดยตัวเลขที่เสนอเป็นค่าใช้จ่ายในการบรรจุถุงสูงถึง 10.15 บาท/ถุง 5 กิโลกรัมนั้น แพงเกินไป ซึ่งหากลดลงมาได้ ก็จะทำให้ข้าวถุงที่นำมาจำหน่ายให้กับประชาชนมีราคาถูกลงอีก
“ผมไม่ได้ออกมาคัดค้านอะไร ผมเห็นด้วยกับการทำข้าวถุงราคาถูกออกมาขายให้กับประชาชน เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าครองชีพ เพียงแต่อยากให้มันถูกลงกว่านี้ อยากให้ไปดูว่ารายละเอียดของกระบวนการทำจนเป็นข้าวถุงมันลดตรงไหนได้อีก เพราะราคาค่าโน่นค่านี่จนเป็นข้าวถุง 5 กิโลกรัม สูงถึงถุงละ 10.15 บาท แพงมาก ในจำนวนนี้ เป็นค่าปรับปรุง 4.60 บาท เป็นค่าถุง 2.80 บาท ค่าขนย้าย 2.25 บาท เป็นไปได้ยังไง ผมว่าลดได้อีก ถ้าตรงนี้ลดได้ ราคาข้าวก็ลดได้”พ.ต.ท.บรรยินกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เสนอครม. ว่าจะนำข้าวสาร 5% ในสต๊อกรัฐบาลจำนวน 6.5 แสนตันมาบรรจุถุง 5 กิโลกรัม ขายราคาถูกให้กับประชาชนถุงละ 72-86 บาท ซึ่งแล้วแต่ว่าเป็นข้าวที่รับจำนำมาในปีไหน เป็นข้าวนาปีหรือนาปรัง ทำออกมาจำหน่ายเดือนละ 1 แสนตัน โดยราคาราคาข้าวถุงในตลาดขณะนี้อยู่ที่ 76-88 บาท
สำหรับปริมาณข้าวในสต๊อกที่จะนำออกมาบรรจุถุง 6.5 แสนตันนั้น เห็นว่าเป็นปริมาณที่มากเกินไป ควรจะแทรกแซงตลาดในปริมาณที่ไม่มาก เพราะถ้ามากกลไกตลาดจะปั่นป่วน โดยการแทรกแซงไม่ควรจะทำนาน แค่ 1-2 เดือนก็เพียงพอ เนื่องจากข้าวฤดูกาลใหม่จะออกมาแล้วในเร็วๆ นี้ ทำให้ปริมาณข้าวมีเพียงพอที่จะบริโภคแน่นอน
“ตอนนี้ข้าวในสต๊อกรัฐบาลที่จะนำมาขายมีต้นทุนตันละ 15,000 บาท แต่ราคาขายตอนนี้ตันละ 19,000 บาท รัฐต้องคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรบ้าง ถ้าเอาไปขายก็กำไรตันละ 4,000 บาท มันก็เหมือนเล่นหุ้น ตอนนี้หุ้นขึ้น ถ้าขายก็กำไร ก็ควรจะขาย มันพีคสุดๆ แล้ว เดี๋ยวข้าวใหม่ก็ออกมา ไม่รู้ว่าราคาจะเป็นยังไง แต่ถ้าเราเอาไปขายบ้าง ได้กำไรมาก็เอาเงินคืนรัฐบาล ผมพูด ผมห่วงประโยชน์ประชาชน ผมห่วงประโยชน์ประเทศชาติ ไม่ได้จ้องโจมตีใคร”พ.ต.ท.บรรยินกล่าว
ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.บรรยินได้เคยออกมาให้ข่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหมูแล้วรอบหนึ่ง โดยในครั้งนั้นระบุว่า การแก้ปัญหาหมูแพง ควรจะทำทั้งระบบ ไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการนำหมูราคาถูกกิโลกรัมละ 98 บาทมาขาย และขายแค่บางจุดเท่านั้น แต่หากต้องการให้ราคาหมูถูกลงจริงๆ ก็ต้องดูแลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการสำรวจตลาดจำหน่ายข้าวถุงตามร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ และร้านค้า พบว่าข้าวถุงเริ่มขาดตลาด โดยเฉพาะข้าว 5% และข้าวหอมมะลิ ที่หลายยี่ห้อหมดสต๊อกและไม่มีจำหน่ายเพิ่ม โดยพบว่ามีการซื้อข้าวในปริมาณมากกว่าปกติจากเดิม 2-4 ถุง เป็น 6 ถุง จนบางห้างฯ ต้องจำกัดปริมาณการซื้อต่อครอบครัว เพื่อต้องการให้ข้าวถุงถึงมือผู้บริโภคจริงๆ แทนที่จะตกไปยังมือพ่อค้าคนกลางที่จะซื้อไปเก็งกำไร
ทั้งนี้ ผลจากการที่ข้าวถุงขาดตลาด เป็นเพราะตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าราคาข้าวจะสูงขึ้นต่อเนื่อง และมีโอกาสถึงตันละ 30,000 บาท หรือกระสอบละ 3,000 บาท ทำให้มีการรีบกักตุนข้าว เพราะกลัวว่าจะต้องบริโภคข้าวในราคาที่แพงขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบพบความผิดปกติของราคาจำหน่ายข้าวถุงของบางห้างฯ ที่ราคาข้างถุงกับราคาจำหน่ายไม่ตรงกัน โดยราคาหน้าถุงเพียง 95 บาท แต่ราคาป้าย 121 บาท ซึ่งทำให้เกิดความสับสนต่อผู้บริโภค และมีการสอบถามเจ้าหน้าที่ห้างฯ จนต้องนำสินค้าเก็บเข้าสต๊อกทั้งหมด
ผู้บริโภคตื่นแห่ซื้อข้าวจากห้างตุน
นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จํากัด ผู้บริหารเทสโก้ โลตัส กล่าวว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ประชาชนตื่นตระหนก และมีการซื้อข้าวถุงเพื่อบริโภคเกินความจำเป็น แต่ห้างฯ ก็ได้นำข้าวในสต๊อกออกมาจำหน่ายอย่างเพียงพอ แต่เกรงว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจทำให้ข้าวถุงขาดแคลนได้ จึงอยากให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการชี้แจง เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าปริมาณข้าวยังมีเพียงพอต่อการบริโภคไม่ได้ขาดแคลนและไม่จำเป็นซื้อเกินความจำเป็น
ข้าวถุงยังส่งขายในห้างราคาเดิม
นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ผลิตข้าวถุงได้มีการผลิตข้าวถุงและจัดส่งเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม และยังจัดส่งให้ในราคาเดิม โดยบางห้างฯ ได้ขอสั่งซื้อเพิ่ม 10-20% ทางผู้ผลิตก็จัดส่งไปให้ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหาการขาดแคลนข้าวถุงเพื่อการบริโภค และไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนกจากกระแสข่าวว่าราคาข้าวจะแพงขึ้น จนต้องรีบซื้อข้าวไปกักตุนไว้
“กรณีที่มีการพูดว่าข้าวถุงในห้างฯ ขาดแคลน หาซื้อไม่ได้นั้น ผมยืนยันได้เลยว่าไม่เกี่ยวกับผู้ผลิต ผมถามสมาชิกทุกคนก็ยังจัดส่งข้าวให้ตามปกติ บางคนก็ผลิตและจัดส่งเพิ่มขึ้น 10-20% ผมเองก็ผลิตเพิ่มตามที่ห้างฯ ขอมา และตอนนี้ยังขายในราคาเดิมด้วย”นายสมฤกษ์กล่าว
แฉนโยบายข้าวธงฟ้าคนกลางได้ประโยชน์
แหล่งข้าวจากวงการค้าข้าว กล่าวถึงนโยบายของกรม การค้าภายใน ที่จะนำสต๊อกข้าวของรัฐมาบรรจุถุงขายในราคาถูกนั้น เห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เพราะ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โมเดิร์นเทรดขายข้างถุงราคาถูก กรมการค้าภายใน กลับสั่งให้ยุติการจำหน่าย และมีการตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อเอาผิดกับโมเดิร์นเทรด แต่ตอนนี้ราคาข้าวสูงขึ้น พ่อค้าคนกลาง เริ่มกักตุนข้าวโดยส่งข้าวถุงออกมาสู่ตลาดน้อยลง เพื่อกักตุนไว้จำหน่ายภายหลัง และส่วนหนึ่งส่งออก เพราะได้ราคาดีกว่าจำหน่ายในประเทศ แทนที่กรมการค้าภายใน จะดำเนินการตรวจสอบสต๊อกข้าวเอกชน และหามาตรการห้ามการกักตุนข้าวของพ่อค้าคนกลาง แต่กลับมาทำหน้าที่พ่อค้าเสียค้าข้าวรายย่อยเอง เท่ากับกรมการค้าภายใน เปิดช่องให้พ่อค้าข้าว เอาข้าวที่ควรใช้บริโภคภายในประเทศ นำออกไปจำหน่ายหากำไรในตลาดต่างประเทศ โดยให้รัฐเข้ามาแบกรับภาระขาดทุนจากการจำหน่ายข้าวราคาถูกไว้แทนกรมการค้าภายในควรจะแสดงบทบาทในการปกป้องประโยชน์ของผู้บริโภค ไม่ใช่เอาเงินภาษีของประชาชนมาจัดการข้าวราคาถูกมาขายกลับไปให้ประชาชนอีกต่อหนึ่ง ขณะเดียวกันพวกพ่อค้าคนกลางก็ลอยนวลอีกตามเคย หน่วยงานของรัฐควรจะเข้าใจบทบาทของตนเองให้ดีกว่านี้
แฉมีขบวนการกักตุนข้าว
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่าขณะนี้กำลังมีการกักตุนข้าวอย่างชัดเจนโดยกลุ่มผู้ส่งออก ซึ่งก็คือเจ้าของเดียวกันกับผู้ผลิตข้าวถุง เพราะโดยปกติแล้ว บริษัทเหล่านี้จะส่งออก 70% และขายในประเทศ 30% แต่ในปัจจุบันประมาณการณ์ว่า บริษัทเหล่านี้มีเป้าที่จะส่งออก 90% และขายภายในประเทศเพียง 5-10% เท่านั้น
นอกจากนี้ ก็มีพ่อค้านักเก็งกำไรที่อยู่ตรงกลางระหว่างผู้บริโภคกับร้านค้ามาหลายปี นั่นก็คือกลุ่มพ่อค้าคนกลาง กลุ่มพ่อค้าคนกลางนี่กักตุนข้าวกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันมาเป็นเดือนแล้ว ทำให้ข้าวสารขาดตลาดและมีราคาสูงขึ้น 20-30% โดยเฉลี่ยในระยะเวลาเพียงแค่ 2-3 สัปดาห์
สำหรับการเก็งกำไรราคาข้าวโดยทั้งสองฝ่ายดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตปฏิเสธที่จะส่งสินค้าให้กับห้างค้าปลีกสมัยใหม่ โดยปัจจุบันส่งให้เพียงประมาณ 20% ของออร์เดอร์ปกติ ปลีก ผู้ผลิตบางรายไม่ยอมส่งสินค้าไปเลย ทำให้ข้าวไม่มีขายในห้างค้า ส่วนที่ส่งนั้นก็ปรับราคาสูงขึ้นประมาณ 20-25% โดยไม่ให้เหตุผลใด ๆ