“ฮิลดิ้ง แอนเดอร์ส” บริษัทแม่ Slumberland เชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจไทยยังไปได้สวย ทุ่ม 100 ล้านสร้างโรงงานใหม่ขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 20% คาดผลักดันยอดขายปีนี้พุ่ง 600 ล้านบาท วางแผนอัดฉีดงบการตลาด 85 ล้านลุยทุกช่องทางจัดจำหน่าย
นายจอห์น อาร์นีย์ ประธานกลุ่มบริษัท ฮิลดิ้ง แอนเดอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาธุรกิจที่มียอดขายของตลาดที่นอนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกในอนาคตอันใกล้นี้ สำหรับการดำเนินงานของบริษัท สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นอีกสาขาหนึ่งที่น่าจับตามองและมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต
นายแอนเดอร์ส พาลส์สัน ประธานบริษัทและประธานบริหารบริษัท ฮิลดิ้ง แอนเดอร์ส กล่าวในพิธีเปิดโรงงานใหม่ของบริษัท สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัดว่า บริษัทฯสนใจขยายธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงร่วมเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาในเอเชีย และปี 2551 นับเป็นปีที่เหมาะอย่างยิ่งในการสร้างโรงงานใหม่ขึ้นในตลาดแห่งนี้ โดยโรงงานใหม่นี้จะสนับสนุน กำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดที่นอนของประเทศไทยที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น โดยเฉพาะในเซ็กเมนต์พรีเมียมที่เน้นที่นอนเพื่อสุขภาพ รวมถึงการขยายตลาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและกัมพูชาในอนาคตอันใกล้
นางนภาพร เสวกวรรณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีที่แล้วบริษัทฯเติบโตจากปี 2549 ประมาณ 10-15% มียอดขาย 500 ล้านบาทจากมูลค่าของตลาดรวมที่นอนประมาณ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกลาง-บน ประมาณ 2,500 ล้านบาท และ ตลาดล่างประมาณ 3,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดกลาง-บน ในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย
ล่าสุดบริษัทฯใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้นบนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิต 20% และจะผลักดันยอดขายในปีนี้ได้ทั้งสิ้นประมาณ 600 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 10-20% โดยสลัมเบอร์แลนด์ ประเทศไทย ตั้งเป้าจะเป็นผู้นำตลาดที่นอนในเกือบทุกเซ็กเมนต์ในประเทศไทยภายใน 2- 3 ปี
ปัจจุบันบริษัท สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) ผลิตและจำหน่ายเครื่องนอนครอบคลุมตลาดกลาง-บน สัดส่วนของรายได้ 70% มาจากแบรนด์ Slumberland เจาะตลาดระดับบน อีก 20% มาจากแบรนด์ Sleepmate เจาะตลาดระดับกลาง ส่วนอีก 10% มาจากแบรนด์ Starry Nite สินค้าที่เน้นดีไซน์ เจาะกลุ่ม Trendy และแบรนด์ Vono เจาะตลาดระดับกลาง แต่เน้นร้านค้าเป็นหลัก
นอกจากนี้มีแผนจะนำแบรนด์ใหม่จากบริษัทแม่ 2-3 แบรนด์เข้ามาทำตลาดในไทย รวมทั้งจะร่วมมือกับบริษัท สลัมเบอร์แลนด์ เอเชียแปซิฟิก ประสานงานกับโรงงานผลิตที่นอน Slumberland อีก 4 แห่งใน 3 ประเทศ เพื่อขยายตลาดส่งออกในประเทศใกล้เคียงให้ครอบคลุม 22 ประเทศในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก
นางนภาพรกล่าวว่า บริษัทฯ จะใช้งบประมาณด้านการตลาดประมาณ 85 ล้านบาทในการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยวางสินค้าผ่านห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์สโตร์ ตัวแทนจำหน่าย ร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ และกลุ่มโรงแรม รวมถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการขายผ่านสื่อต่างๆ
นายจอห์น อาร์นีย์ ประธานกลุ่มบริษัท ฮิลดิ้ง แอนเดอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาธุรกิจที่มียอดขายของตลาดที่นอนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกในอนาคตอันใกล้นี้ สำหรับการดำเนินงานของบริษัท สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นอีกสาขาหนึ่งที่น่าจับตามองและมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต
นายแอนเดอร์ส พาลส์สัน ประธานบริษัทและประธานบริหารบริษัท ฮิลดิ้ง แอนเดอร์ส กล่าวในพิธีเปิดโรงงานใหม่ของบริษัท สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัดว่า บริษัทฯสนใจขยายธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงร่วมเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาในเอเชีย และปี 2551 นับเป็นปีที่เหมาะอย่างยิ่งในการสร้างโรงงานใหม่ขึ้นในตลาดแห่งนี้ โดยโรงงานใหม่นี้จะสนับสนุน กำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดที่นอนของประเทศไทยที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น โดยเฉพาะในเซ็กเมนต์พรีเมียมที่เน้นที่นอนเพื่อสุขภาพ รวมถึงการขยายตลาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและกัมพูชาในอนาคตอันใกล้
นางนภาพร เสวกวรรณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีที่แล้วบริษัทฯเติบโตจากปี 2549 ประมาณ 10-15% มียอดขาย 500 ล้านบาทจากมูลค่าของตลาดรวมที่นอนประมาณ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกลาง-บน ประมาณ 2,500 ล้านบาท และ ตลาดล่างประมาณ 3,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดกลาง-บน ในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย
ล่าสุดบริษัทฯใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้นบนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิต 20% และจะผลักดันยอดขายในปีนี้ได้ทั้งสิ้นประมาณ 600 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 10-20% โดยสลัมเบอร์แลนด์ ประเทศไทย ตั้งเป้าจะเป็นผู้นำตลาดที่นอนในเกือบทุกเซ็กเมนต์ในประเทศไทยภายใน 2- 3 ปี
ปัจจุบันบริษัท สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) ผลิตและจำหน่ายเครื่องนอนครอบคลุมตลาดกลาง-บน สัดส่วนของรายได้ 70% มาจากแบรนด์ Slumberland เจาะตลาดระดับบน อีก 20% มาจากแบรนด์ Sleepmate เจาะตลาดระดับกลาง ส่วนอีก 10% มาจากแบรนด์ Starry Nite สินค้าที่เน้นดีไซน์ เจาะกลุ่ม Trendy และแบรนด์ Vono เจาะตลาดระดับกลาง แต่เน้นร้านค้าเป็นหลัก
นอกจากนี้มีแผนจะนำแบรนด์ใหม่จากบริษัทแม่ 2-3 แบรนด์เข้ามาทำตลาดในไทย รวมทั้งจะร่วมมือกับบริษัท สลัมเบอร์แลนด์ เอเชียแปซิฟิก ประสานงานกับโรงงานผลิตที่นอน Slumberland อีก 4 แห่งใน 3 ประเทศ เพื่อขยายตลาดส่งออกในประเทศใกล้เคียงให้ครอบคลุม 22 ประเทศในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก
นางนภาพรกล่าวว่า บริษัทฯ จะใช้งบประมาณด้านการตลาดประมาณ 85 ล้านบาทในการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยวางสินค้าผ่านห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์สโตร์ ตัวแทนจำหน่าย ร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ และกลุ่มโรงแรม รวมถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการขายผ่านสื่อต่างๆ