บอร์ด STPI อนุมติลงทุนก่อสร้างโรงประกอบท่าเรือแหลมฉบัง และโรงงานประกอบท่อ รวมมูลค่า 745 ล้านบาท โดยว่าจ้าง ซิโน-ไทย ของตระกูลชาญวีรกูล เป็นผู้ก่อสร้างโรงงานบางส่วนในราคา 210 ล้านบาท ระบุลงทุนเพื่อขยายงานด้านธุรกิจ Module และประกอบท่อเหล็ก พร้อมงดจ่ายปันผลปี 50
นายมาศถวิน ชาญวีรกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) (STPI) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2551 ว่าบอร์ดอนุมัติลงทุนก่อสร้างโรงประกอบโครงสร้างเหล็ก (โรงประกอบท่าเรือแหลมฉบัง) และโรงงานประกอบท่อ (โรงงานศรีราชา) โดยว่าจ้างบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (ซิโน-ไทย) ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ทำงานก่อสร้างโรงงานบางส่วน โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท และซิโน-ไทย เป็นบุคคลในครอบครัวชาญวีรกูล โดยมีการถือหุ้นในบริษัท 13.3% และในซิโน-ไทย 21.92%
โดยโรงประกอบท่าเรือแหลมฉบังนั้น ลักษณะของโรงงานเป็นพื้นที่โล่งเพื่อการประกอบ และสำนักงาน เพื่อดำเนินการประกอบโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่พร้อมอุปกรณ์ และให้สามารถขนส่งทางเรือ ส่งออกต่างประเทศได้ และเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายงานด้านธุรกิจ Module ในอนาคต ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ดิน 192 ไร่ บริษัทได้เช่าที่ดินดังกล่าวจาก การท่าเรือแหลมฉบัง มีกำหนดเวลา 3 ปี โดยจะลงทุนประมาณ 490 ล้านบาท ส่วนโรงงานศรีราชา เป็นโรงงานพร้อมติดตั้งเครื่องจักร เพื่อใช้เชื่อมงานท่อเหล็ก ประกอบท่อเหล็กตามลูกค้ากำหนด ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 51 ไร่ 2 งาน 50 ตร.วา โดยจะลงทุนประมาณ 255 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทตกลงว่าจ้างซิโน-ไทย ทำการก่อสร้างโรงงานเป็นเงินประมาณ 210 ล้านบาท แบ่งออกเป็น โรงประกอบท่าเรือแหลมฉบัง 120 ล้านบาท และโรงงานศรีราชา 90 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาตลาดประเมินโดยบริษัท เท็น คอนซัลแตนส์ จำกัด และบริษัท ไดนามิค เอ็นยิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด ผู้ประเมินอิสระ โดยการชำระเงินจะชำระเป็นเช็ค โดยการแบ่งจ่ายตามความคืบหน้าของงาน
สำหรับการลงทุนก่อสร้างโรงงานดังกล่าวถือเป็นการเข้าทำรายการประเภทที่ 2 ตามประกาศการได้มาและจําหน่ายไปซึ่งเมื่อคํานวณขนาดของรายการตามเกณฑ์มูลค่าของสิน ทรัพย์ที่ได้มา เปรียบเทียบกับมูลค่าของสินทรัพย์ของบริษัทและบริษัทย่อยรวมกันแล้ว มีมูลค่ารายการคิดเป็น 32% ของมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทและบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ซึ่งมีจำนวนเท่ากับ 2,345 ล้านบาท
นอกจากนี้ บอร์ดมีมติงดการประกาศจ่ายเงินปันผล ประจำปี 2550 โดยกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 13/2551 ในวันที่ 25 เมษายน 2551 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2551 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมจะแล้วเสร็จ รวมถึงอนุมัติให้แต่งตั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นกรรมการเข้าใหม่แทนที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล กรรมการที่ลาออก และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท
นายมาศถวิน ชาญวีรกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) (STPI) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2551 ว่าบอร์ดอนุมัติลงทุนก่อสร้างโรงประกอบโครงสร้างเหล็ก (โรงประกอบท่าเรือแหลมฉบัง) และโรงงานประกอบท่อ (โรงงานศรีราชา) โดยว่าจ้างบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (ซิโน-ไทย) ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ทำงานก่อสร้างโรงงานบางส่วน โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท และซิโน-ไทย เป็นบุคคลในครอบครัวชาญวีรกูล โดยมีการถือหุ้นในบริษัท 13.3% และในซิโน-ไทย 21.92%
โดยโรงประกอบท่าเรือแหลมฉบังนั้น ลักษณะของโรงงานเป็นพื้นที่โล่งเพื่อการประกอบ และสำนักงาน เพื่อดำเนินการประกอบโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่พร้อมอุปกรณ์ และให้สามารถขนส่งทางเรือ ส่งออกต่างประเทศได้ และเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายงานด้านธุรกิจ Module ในอนาคต ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ดิน 192 ไร่ บริษัทได้เช่าที่ดินดังกล่าวจาก การท่าเรือแหลมฉบัง มีกำหนดเวลา 3 ปี โดยจะลงทุนประมาณ 490 ล้านบาท ส่วนโรงงานศรีราชา เป็นโรงงานพร้อมติดตั้งเครื่องจักร เพื่อใช้เชื่อมงานท่อเหล็ก ประกอบท่อเหล็กตามลูกค้ากำหนด ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 51 ไร่ 2 งาน 50 ตร.วา โดยจะลงทุนประมาณ 255 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทตกลงว่าจ้างซิโน-ไทย ทำการก่อสร้างโรงงานเป็นเงินประมาณ 210 ล้านบาท แบ่งออกเป็น โรงประกอบท่าเรือแหลมฉบัง 120 ล้านบาท และโรงงานศรีราชา 90 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาตลาดประเมินโดยบริษัท เท็น คอนซัลแตนส์ จำกัด และบริษัท ไดนามิค เอ็นยิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด ผู้ประเมินอิสระ โดยการชำระเงินจะชำระเป็นเช็ค โดยการแบ่งจ่ายตามความคืบหน้าของงาน
สำหรับการลงทุนก่อสร้างโรงงานดังกล่าวถือเป็นการเข้าทำรายการประเภทที่ 2 ตามประกาศการได้มาและจําหน่ายไปซึ่งเมื่อคํานวณขนาดของรายการตามเกณฑ์มูลค่าของสิน ทรัพย์ที่ได้มา เปรียบเทียบกับมูลค่าของสินทรัพย์ของบริษัทและบริษัทย่อยรวมกันแล้ว มีมูลค่ารายการคิดเป็น 32% ของมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทและบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ซึ่งมีจำนวนเท่ากับ 2,345 ล้านบาท
นอกจากนี้ บอร์ดมีมติงดการประกาศจ่ายเงินปันผล ประจำปี 2550 โดยกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 13/2551 ในวันที่ 25 เมษายน 2551 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2551 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมจะแล้วเสร็จ รวมถึงอนุมัติให้แต่งตั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นกรรมการเข้าใหม่แทนที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล กรรมการที่ลาออก และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท