xs
xsm
sm
md
lg

“ราดิ เมดิคอล”ลงทุนอีก 50 ล้านผลิตเส้นห้ามเลือดชนิดฝัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต -“บริษัท ราดิ เมดิคอล ซิสเต็ม”ลงทุนเพิ่มอีก 50 ล้านบาท ผลิตเส้นห้ามเลือดชนิดฝังที่ภูเก็ต ภายหลังตลาดขยายตัวกว่า 20% ส่งขายสหรัฐอเมริกาและยุโรป

นายลาร์ส ทีเนอรซ์ ประธาน บริษัท ราดิ เมดิคอล ซิสเต็ม จำกัด เปิดเผยถึงการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทราดิฯที่จังหวัดภูเก็ต ว่า หลังจากที่บริษัทราดิ ฯ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรคหัวจากประเทศสวีเดน ได้ขยายการลงทุนก่อสร้างโรงงานมายังจังหวัดภูเก็ต เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดยการผลิตสายสวนหลอดเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก

ที่ผ่านมาการผลิตที่จังหวัดภูเก็ตประสบความสำเร็จมาก บริษัทจึงได้เพิ่มการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่เกี่ยวกับการรักษาโรคหัวใจเพิ่มอีก 1 ชนิด คือ เส้นห้ามเลือดชนิดฝัง (FEMOSEAL) ที่มีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงมากและไม่มีผลข้างเคียงตามมา ด้วยการลงทุนเพิ่มอีก 50 ล้านบาทในการก่อสร้างอาคาร เพื่อผลิตตัวห้ามเลือดชนิดฝังโดยเฉพาะ

อย่างไรก็ตาม ขณะที่กำลังรอการก่อสร้างอาคารโรงงานผลิตใหม่ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2551 บริษัทได้เริ่มการผลิตตัวห้ามเลือดชนิดฝังแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป โดยได้วางเป้าการผลิตไว้ที่ 100,000 ชิ้นต่อปี เพื่อส่งไปประเทศสวีเดน

“ตลาดการส่งออกเส้นห้ามเลือดชนิดฝังนี้ ตลาดหลักอยู่ในประเทศยุโรป และเอเชีย แต่หลังจากนี้ 3 ปี จะขยายตลาดต่อไปยังสหรัฐอเมริกา”

นายลาร์ส กล่าวอีกว่า ขณะนี้โรงงานที่จังหวัดภูเก็ต มีผลิตภัณฑ์ที่ผลิต 2 ชนิด คือ สายสวนหลอดเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจและเส้นห้ามเลือดชนิดฝัง ซึ่งการที่บริษัทตัดสินใจเพิ่มการผลิตตัวห้ามเลือดชนิดฝังที่ภูเก็ต เนื่องจากความต้องการของผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดมีสูงกว่า 20% ตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้ และการการผลิตที่ภูเก็ตค่าแรงงานถูกกว่าโรงงานที่ประเทศสวีเดน รวมทั้งจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว แพทย์ทางด้านหัวใจ ผู้ที่เกี่ยวข้องนิยมเดินทางมาอบรม และฝีมือคนไทยเป็นที่ยอมรับทั่วโลก

สำหรับกำลังการผลิตสายสวนหลอดเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ของบริษัทอยู่ที่เดือนละ 6,000 เส้น ตัวห้ามเลือดชนิดฝังสัปดาห์ละ 900 ชิ้น และจะขยายเพิ่มขึ้นหลังอาคารใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ โดยกำลังการผลิต 80% ที่จังหวัดภูเก็ต ตลาดหลักในการส่งออกอยู่ที่ สหรัฐอเมริกา 60% รองลงมาเป็นยุโรปและออสเตรเลียและตลาดที่กำลังมาแรงคือ จีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีประชากรจำนวนมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น