“พีทีวี” หมดภารกิจปิดตัวเอง ลอยแพพนักงานกว่า 100 คน “จักรภพ” บอกพบกันใหม่ยามชาติต้องการ “วีระ” ขอจัดรายการช่อง 11 “เจ๊เพ็ญ” อ้างเป็นคนมีอุดมการณ์อ้าแขนรับถามจะจัด 7 วันเลยไหม ปชป.ระบุมีสถานีช่องอื่นแล้วจึงไม่จำเป็นต้องมีพีทีวี เผยเตรียมตั้ง กก.คุ้มครองสื่อเพื่อติดตามปัญหารัฐแทรกแซง-แสวงหาประโยชน์
ที่สถานีโทรทัศน์พีทีวี ย่านลาดพร้าว วานนี้ (30 มี.ค. )นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะอดีตรองประธานกรรมการผู้บริหาร บริษัทฯ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานะอดีตผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์พีทีวี นายก่อแก้ว พิกุลทอง ที่ปรึกษาสถานีโทรทัศน์พีทีวี ร่วมจัดรายการ เพื่อนพ้องน้องพี่ และเปิดใจการยุติการออกอากาศของ สถานีโทรทัศน์พีทีวี
นายวีระ กล่าวว่า สมาชิกสถานีโทรทัศน์และบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ กว่า 100 ชีวิต เกิดขึ้นได้จากการเรี่ยไรเงิน ที่ผ่านมา 1 ปีไม่มีกำไร หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพนักงาน อาจได้รับผลกระทบ จึงตัดสินใจยุติการทำโทรทัศน์พีทีวี ส่วนบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จะหารือกันอีกครั้ง
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า แม้โทรทัศน์พีทีวีจะไม่มี แต่ยังมีชื่ออยู่ และพร้อมที่จะต่อสู้ต่อไป เพราะสถานการณ์ต่อสู้ทางการเมืองจากนี้ไปต้องมีความเหนื่อยยาก และสู้กันไม่มีสิ้นสุด
ขณะที่ นายก่อแก้ว กล่าวว่า การที่มีคนตั้งข้อสังเกตมาตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งพีทีวีนั้นมาจากเงินท่อน้ำเลี้ยง แต่วันที่เราปิดตัวลงเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หากมีท่อน้ำเลี้ยงจริงก็ต้องทำต่อไป แต่เนื่องจากทุนหมดจึงจำเป็นต้องหยุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างรายการออกอากาศ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีวีที ได้โทรศัพท์มา ในรายการ และกล่าวว่า การก่อตั้งสถานีโทรทัศน์พีทีวีไม่ได้คิดถึงธุรกิจ แต่คิดถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และถึงจุดเปลี่ยนต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องบอกว่า "เจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการ"
นายจักรภพ กล่าวว่า คนที่เข้ามาทำสื่อ แท้จริงเป็นนักการเมืองที่ใช้สื่อ เป็นเครื่องมือ ในฐานะดูแลกำลังทำความสะอาด ยอมรับว่า สถานีโทรทัศน์พีทีวี เป็นแหล่งบ่มเพาะความคิด ตนได้รับแรงบันดาลใจในการทำโครงการต่างๆ และจะร่วมสืบสานอุดมการณ์และโครงการต่างๆ ของพีวีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการสนทนา นายวีระ กล่าวติดตลกว่า "ขอไปจัดรายการที่ช่อง 11 หรือทีวีสาธารณะบ้างได้ไหม" นายจักพภพ กล่าวว่า "จะจัดกี่วันครับ 7 วันเลยดีไหม หากเป็นคนมีอุดมการณ์ประชาธิปไตย มีประชาชนค้ำประกัน เราพร้อมเปิดโอกาส เพื่อเพิ่มผู้เล่นให้ความคิดที่ผิดเพี้ยนของคนบางคน ให้สามารถถ่ายทอดออกมาได้สำเร็จ"
จากนั้น นายณัฐวุฒิ ถามว่า พอทราบข่าวที่จะมีคนนำเงิน 1,500 ล้านบาท มาซื้อสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า สมัยนี้ขยะเป็นทอง คนรับซื้อขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล แต่ว่าสำหรับของที่แยกแล้วไม่มีคุณค่า ส่วนตัวคิดว่าจะนำมารวมการเฉพาะกิจเพื่อความแตกแยกก็ใช่เรื่อง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา กล่าวถึงการปิดตัวลงของสถานีโทรทัศน์พีทีวีว่า มองว่ารัฐบาลอาจมีสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นเข้าไปดำเนินการแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้พีทีวี อีกต่อไป
นายองอาจ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีมติให้ตั้งคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพสื่อมวลชน โดยมอบหมายให้ นาย อลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค ฐานะรองนายกรัฐมนตรีเงาเป็นประธาน ให้ตน เป็นรองประธาน นายอภิชาติ ศักดิ์เศรษฐ์ เป็นเลขานุการ และ นายอรรถวิชญ์ สุวรรณภักดี เป็นผู้ช่วยเลขานุการ โดยมีภาะหน้าที่ติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล อย่างใกล้ชิด ที่เกี่ยวกับสื่อสารมวลชนทุกแขนง การเข้าไปแทรกแซงสื่อ โดยใช้อำนาจของรัฐ เพื่อให้ได้ผลประโยชน์มาอย่างมิชอบ
ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะปรับปรุง สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 และมีการนำพนักงาน ทีไอทีวีเดิม เข้าไปทำงาน มองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ต่างตอบแทนหรือไม่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ ต้องติดตามดูต่อไป อย่างไรก็ตาม ยอมรับความจริงว่า คนทีไอทีวี หรือ ไอทีวี หลายคนเป็นคนที่มีศักยภาพ แต่ช่วงที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจเข้ามาแทรกแซง ทำสื่อ เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง ส่วนสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ที่จะปฏิรูปใหม่นั้นก็ต้องติดตามดูต่อไป
ส่วนกรณีที่นาย จักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะการปลด นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผอ.อสมท. โดยอ้างว่าบริษัท อสมท จำกัน (มหาชน) ขาดทุนกว่า 27 ล้านบาทนั้น นายองอาจ กล่าวว่า การปลด ผอ. หรือไม่นั้น ไม่ใช่อำนาจของนายจักรภพ แต่เป็นเรื่องของบอร์ด และผู้ถือหุ้น ส่วนที่ระบุว่าขาดทุน 27 ล้านบาทนั้นเป็นกระบวนการหนึ่งของการสร้างเงื่อนไข และมีเงื่อนไขอื่นๆ ตามมาได้ ซึ่งคนที่เป็นรัฐมนตรี ควรจะรู้ว่าภาระหน้าที่มีมากน้อยแค่ไหน ตนมองว่าเป็นเรื่องของการกดดันมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีกระแสข่าวว่าจะมีการแต่งตั้ง นพ. เหวง โตจิราการ และ นาย จรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เป็นบอร์ด อสมท ตรงนี้ถือเป็นเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทนหรือไม่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ อสมท. และ กรรมการสรรหา ซึ่งตนยังไม่ทราบ ข้อเท็จจริงว่าจะแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวหรือไม่
ส่วนที่พีทีวี (PTV) และบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จะยุติการออกอากาศ และปิดตัวลง ในวันที่ 30 มี.ค.นี้นั้น ตนมองว่าเขาอาจจะมีสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นที่สามารถ ออกอากาศ แทนได้ซึ่งไม่รู้ว่าช่องใด
ที่สถานีโทรทัศน์พีทีวี ย่านลาดพร้าว วานนี้ (30 มี.ค. )นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะอดีตรองประธานกรรมการผู้บริหาร บริษัทฯ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานะอดีตผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์พีทีวี นายก่อแก้ว พิกุลทอง ที่ปรึกษาสถานีโทรทัศน์พีทีวี ร่วมจัดรายการ เพื่อนพ้องน้องพี่ และเปิดใจการยุติการออกอากาศของ สถานีโทรทัศน์พีทีวี
นายวีระ กล่าวว่า สมาชิกสถานีโทรทัศน์และบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ กว่า 100 ชีวิต เกิดขึ้นได้จากการเรี่ยไรเงิน ที่ผ่านมา 1 ปีไม่มีกำไร หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพนักงาน อาจได้รับผลกระทบ จึงตัดสินใจยุติการทำโทรทัศน์พีทีวี ส่วนบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จะหารือกันอีกครั้ง
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า แม้โทรทัศน์พีทีวีจะไม่มี แต่ยังมีชื่ออยู่ และพร้อมที่จะต่อสู้ต่อไป เพราะสถานการณ์ต่อสู้ทางการเมืองจากนี้ไปต้องมีความเหนื่อยยาก และสู้กันไม่มีสิ้นสุด
ขณะที่ นายก่อแก้ว กล่าวว่า การที่มีคนตั้งข้อสังเกตมาตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งพีทีวีนั้นมาจากเงินท่อน้ำเลี้ยง แต่วันที่เราปิดตัวลงเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หากมีท่อน้ำเลี้ยงจริงก็ต้องทำต่อไป แต่เนื่องจากทุนหมดจึงจำเป็นต้องหยุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างรายการออกอากาศ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีวีที ได้โทรศัพท์มา ในรายการ และกล่าวว่า การก่อตั้งสถานีโทรทัศน์พีทีวีไม่ได้คิดถึงธุรกิจ แต่คิดถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และถึงจุดเปลี่ยนต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องบอกว่า "เจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการ"
นายจักรภพ กล่าวว่า คนที่เข้ามาทำสื่อ แท้จริงเป็นนักการเมืองที่ใช้สื่อ เป็นเครื่องมือ ในฐานะดูแลกำลังทำความสะอาด ยอมรับว่า สถานีโทรทัศน์พีทีวี เป็นแหล่งบ่มเพาะความคิด ตนได้รับแรงบันดาลใจในการทำโครงการต่างๆ และจะร่วมสืบสานอุดมการณ์และโครงการต่างๆ ของพีวีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการสนทนา นายวีระ กล่าวติดตลกว่า "ขอไปจัดรายการที่ช่อง 11 หรือทีวีสาธารณะบ้างได้ไหม" นายจักพภพ กล่าวว่า "จะจัดกี่วันครับ 7 วันเลยดีไหม หากเป็นคนมีอุดมการณ์ประชาธิปไตย มีประชาชนค้ำประกัน เราพร้อมเปิดโอกาส เพื่อเพิ่มผู้เล่นให้ความคิดที่ผิดเพี้ยนของคนบางคน ให้สามารถถ่ายทอดออกมาได้สำเร็จ"
จากนั้น นายณัฐวุฒิ ถามว่า พอทราบข่าวที่จะมีคนนำเงิน 1,500 ล้านบาท มาซื้อสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า สมัยนี้ขยะเป็นทอง คนรับซื้อขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล แต่ว่าสำหรับของที่แยกแล้วไม่มีคุณค่า ส่วนตัวคิดว่าจะนำมารวมการเฉพาะกิจเพื่อความแตกแยกก็ใช่เรื่อง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา กล่าวถึงการปิดตัวลงของสถานีโทรทัศน์พีทีวีว่า มองว่ารัฐบาลอาจมีสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นเข้าไปดำเนินการแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้พีทีวี อีกต่อไป
นายองอาจ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีมติให้ตั้งคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพสื่อมวลชน โดยมอบหมายให้ นาย อลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค ฐานะรองนายกรัฐมนตรีเงาเป็นประธาน ให้ตน เป็นรองประธาน นายอภิชาติ ศักดิ์เศรษฐ์ เป็นเลขานุการ และ นายอรรถวิชญ์ สุวรรณภักดี เป็นผู้ช่วยเลขานุการ โดยมีภาะหน้าที่ติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล อย่างใกล้ชิด ที่เกี่ยวกับสื่อสารมวลชนทุกแขนง การเข้าไปแทรกแซงสื่อ โดยใช้อำนาจของรัฐ เพื่อให้ได้ผลประโยชน์มาอย่างมิชอบ
ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะปรับปรุง สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 และมีการนำพนักงาน ทีไอทีวีเดิม เข้าไปทำงาน มองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ต่างตอบแทนหรือไม่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ ต้องติดตามดูต่อไป อย่างไรก็ตาม ยอมรับความจริงว่า คนทีไอทีวี หรือ ไอทีวี หลายคนเป็นคนที่มีศักยภาพ แต่ช่วงที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจเข้ามาแทรกแซง ทำสื่อ เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง ส่วนสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ที่จะปฏิรูปใหม่นั้นก็ต้องติดตามดูต่อไป
ส่วนกรณีที่นาย จักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะการปลด นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผอ.อสมท. โดยอ้างว่าบริษัท อสมท จำกัน (มหาชน) ขาดทุนกว่า 27 ล้านบาทนั้น นายองอาจ กล่าวว่า การปลด ผอ. หรือไม่นั้น ไม่ใช่อำนาจของนายจักรภพ แต่เป็นเรื่องของบอร์ด และผู้ถือหุ้น ส่วนที่ระบุว่าขาดทุน 27 ล้านบาทนั้นเป็นกระบวนการหนึ่งของการสร้างเงื่อนไข และมีเงื่อนไขอื่นๆ ตามมาได้ ซึ่งคนที่เป็นรัฐมนตรี ควรจะรู้ว่าภาระหน้าที่มีมากน้อยแค่ไหน ตนมองว่าเป็นเรื่องของการกดดันมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีกระแสข่าวว่าจะมีการแต่งตั้ง นพ. เหวง โตจิราการ และ นาย จรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เป็นบอร์ด อสมท ตรงนี้ถือเป็นเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทนหรือไม่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ อสมท. และ กรรมการสรรหา ซึ่งตนยังไม่ทราบ ข้อเท็จจริงว่าจะแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวหรือไม่
ส่วนที่พีทีวี (PTV) และบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จะยุติการออกอากาศ และปิดตัวลง ในวันที่ 30 มี.ค.นี้นั้น ตนมองว่าเขาอาจจะมีสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นที่สามารถ ออกอากาศ แทนได้ซึ่งไม่รู้ว่าช่องใด