"สมัคร"ไม่ทิ้งนิสัยเดิม โทษสื่อต้นเหตุสร้างข่าวปฎิวัติ แล้วถามจี้ให้ตกหลุมพราง แถมนำไปขยายผลกับทหาร จนเป็นข่าวใหญ่ พร้อมโวยถูกปูดข่าวหน้าห้องทุจริต จี้ให้นำหลักฐานมาให้ภายใน 3 วัน ขณะเดียวกันบ่นเบื่อ เป็นนายกฯไร้อิสระภาพ รปภ.ล้อมหน้าล้อมหลัง วิจารณ์แทนพม่าก็ไม่ได้ ด้าน "อนุพงษ์"รับปากกับนายกฯ หากมีปฎิวัติพร้อมรับผิดชอบ ด้าน ปชป.ตะเพิดส่ง บอกหากเบื่อก็ลาออกไปแผ่นดินจะได้สูงขึ้น แฉที่สติแตกเพราะเครียดต้องเผชิญกับแรงกดดันภายใน และกลัวถูกยุบพรรค "นิพิฎฐ์"ชี้ "แม้ว" รีบกลับเตรียมแผนปฏิวัติ ทำนายยุบสภาฯ ก่อนพรรคถูกยุบ 1 วัน
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร โดยยกตัวอย่างพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ถึงประเด็นการปฏิวัติว่า นี่บ้าอะไรกันขนาดนี้ นี่วงการสื่อสารมวลชนทำกันอย่างนี้ นี่ผมมีพาดหัวหนังสือพิมพ์มาให้ดู "จี้หมักล่าไอ้โม่งล้มรัฐบาล จับเท็จปฏิวัติ ปชป.ฮึ่มอย่าทำเฉยผิดรัฐธรรมนูญ" "หมักเลี้ยงแกะปฏิวัติ ลุ้นออกทีวีตีหน้าเศร้าเล่าความทุกข์" วันนี้ผมหน้าเศร้าหรือ แต่นี่ผมยังไม่ทันได้เล่าเลยนี่มาแล้ว เขียนอย่างนี้เป็นทำนองว่าสถานการณ์อย่างนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องกระโดดเข้ามาด้วย นี่บ้าอะไรกันอย่างนี้ มีคนสั่งสอนผมว่าอย่าไปพูดจาว่ากล่าวอะไรเขา แต่มันสุดกลั้นอย่างนี้ถ้าท่านเป็นผมท่านจะทำอย่างไร
นายสมัคร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาสื่อมวลชนมาถามว่ามีข่าวว่ามีการแจกใบปลิว ตนบอกว่าก็ได้รับมีคนส่งไปให้อ่านใน ครม.ใส่ซองไปให้ ก็เท่านั้น อ่านแล้วไปพูดรายละเอียดกับเขาได้ไหม ไม่ได้ เพราะอะไรก็มันขุดหลุมล่อกันไว้อย่างนี้ จุดถามด้วยอันนี้เท่านั้นเอง แล้วก็ล่อไปล่อมาจะล่อตน ทำไมคิดกันได้เท่านี้ มีสติปัญญาจะช่วยดูแลบ้านเมืองกันอย่างนี้หรือ แล้วที่ตนไปทำงานทำการ มาเล่าให้ฟัง กำลังช่วยกันทำตัวเป็นเกลียว บ้านเมืองก็ล้มลุกคลุกคลานเพิ่งจะเงยหัวขึ้นกำลังทำงาน เอากันแล้วหรือนี่ น่าเสียดายจริงๆ คนดีมีสติปัญญาไม่พูดจาอะไรดูให้ตนทำงานสักพัก ถ้าทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงอะไรอย่างไรก็ยังไม่ว่า นี่ยังไม่ได้ทันทำอะไรเลย มาคุย ตนต้องตำหนิคนทางสื่อสารมวลชน ต้องไปหมั่นสัมมนากันหน่อย
นายสมัคร กล่าวว่า ตนจะบอกให้ฟัง โปรดดูตรงนี้ตนทำงานตามกฎหมายคือวันที่ 6 ก.พ.2551 เริ่มรับ ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้วก็นับวันนั้น 6 กุมภาพันธ์ – 6 มีนาคม นี่ยังไม่ 6 เมษายน ยังไม่เต็ม 2 เดือนเลย ดูนะมีหนังสือพิมพ์เขียนอย่างนี้ ว่า "มาถึงวันนี้ครม.ขี้เหร่ของรัฐบาลสมัคร 1 ชื่อสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมคุยโวว่าทำงานได้ กำลังแสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็นหลายคน และยังไม่รวมถึงคนแถวหน้าห้องนายกฯสมัครบางคนที่เริ่มแสดงสันดานชั่วออกมาให้เห็น ด้วยการติดต่อเรียกร้องผลประโยชน์จากโครงการต่างๆ แบบไม่ละอายต่อฟ้าดิน ตรวจสอบดูเถอะ เมื่อเป็นเช่นนี้ให้ถูกมองว่ารัฐบาลนี้อาจจะอยู่ไม่ครบเทอม และรัฐมนตรีรวมถึงเลขาฯกับผู้ติดตามอาจจะต้องกระเด็นจากตำแหน่ง จึงต้องรีบสวาปาม ผลประโยชน์ต่างๆ กันไว้เนิ่นๆ พี่น้องชาวไทยเตรียมใจสวดมนต์สาปแช่งไว้ได ้ล่วงหน้าเลย ถ้าเป็นเช่นนั้น กลายเป็นรัฐมนตรีที่ถูกมองว่าลุแก่อำนาจ สำหรับจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็พูดจาก้าวร้าวเกินตัว แถมยังแสดงธาตุแท้ที่จะเล่นงานพวกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่แยแสใคร ผู้เจนเวทีการเมืองมองท่าทีน่าสงสารและเวทนา"
นายสมัคร กล่าวว่า เรื่องพาดพิงนายจักรภพต้องให้เจ้าตัวชี้แจงเอง แต่สำหรับตนอย่างนี้ต้องบอกว่าภายใน 3 วัน ถ้าหนังสือพิมพ์ที่ได้อ่านฉบับที่เขียนอย่างนี้ ไม่ส่งเอกสารการที่ไปเรียกร้องทุจริตให้ตนก็จะถือว่าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เสนอความเท็จ เอาความเท็จสาดใส่คนอื่น เขียนกันได้ตามใจชอบ แต่ก่อนคุณเขียนไป คนที่ถูกเขียนถึงไม่เสียหาย แต่บัดนี้คนที่เขียนถึงไม่ยอมแบบนี้แล้ว
บ่นอึดอัดเป็นนายกฯไร้อิสรภาพ
นายสมัคร กล่าวว่า หัวข้อสารคดีของตนวันนี้คือทุกข์ของนายกฯหน้าใหม่ หน้าเก่าเป็นอย่างไร หน้าเก่าก็อยู่นานๆ อยู่มา 10 ปี 15 ปี อยู่ติดต่อกัน 5-6 ปีก็หน้าเก่า แต่ตนอยู่ยังไม่ชน 2 เดือนก็มีความทุกข์ เป็นความทุกข์ที่ต้องเอามาปรับทุกข์ เป็นทุกข์ที่อยู่ในใจ ซึ่งคนเป็นนายกฯเขาก็ว่ากลายเป็นบุคคลสาธารณะ ใช่ไหม ใครจะดุด่าว่ากล่าวตบตีอะไรได้ทั้งนั้น ก็บอกว่ากับตนคงไม่ได้ทุกอย่างหรอก มีคนบอก นายกฯไปไหนมาไหนต้อง รปภ.(รักษาความปลอดภัย) ตนอยู่ดีๆ อยู่เฉยๆ มาเป็น นายกฯ เสียสิทธิเสรีภาพส่วนตัว จะไปไหนมีรถคุมหน้าคุมหลัง ตนไม่เอา แต่เขาบอกไม่ได้เดี๋ยว รปภ.เขาเดือดร้อน คุมกันแจคุมหัวคุมหางอย่างนี้ไหวไหม นี่ก็เป็นความทุกข์อย่างหนึ่งของคนเป็นนายกฯ ไม่มีอิสรเสรีภาพ ตนเป็นนายกฯ ที่ต้องการอิสรภาพ
นายสมัคร ยังกล่าวปรับทุกข์ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีจะพูดอะไรก็ไม่ได้ จะไปรู้ได้อย่างไรไปบ้านเมืองนี้อยากจะรู้ความเป็นไปของเขา (พม่า) ไปคุยไปฟังความเสร็จแล้วต้องเก็บไว้ พูดไม่ได้เล่าไม่ได้สัมภาษณ์ไม่ได้ เพราะในโลกนี้มีคุณพ่อ อยู่หลายคน เขาแบ่งค่ายกัน แต่ก่อนนี้มีค่ายคอมมิวนิสต์ มีค่ายประชาธิปไตย เดี๋ยวนี้มีค่ายนายทุน แบ่งเป็นค่าย แล้วคนมหาอำนาจทั้งหลายคิดอย่างไร ประเทศเล็กๆ อย่างเราต้องคิดทำอย่างนั้นด้วย
นายสมัคร กล่าวว่าอยากจะแก้ไขปัญหา แต่ไม่ฟังมูลเหตุของปัญหา จะอธิบายมูลเหตุของปัญหาไม่ได้ พูดอย่างไรแปลว่าไปเข้าใจเขา แล้วก็ไปเห็นใจเขา แล้วก็รับฟังเหตุผลไม่ได้ เพราะอะไร เพราะคุณมาจากเลือกตั้งคุณเป็นประชาธิปไตย ทางนั้นป็นเผด็จการ ไปฟังความก็ไม่ได้ เข้าใจก็ไม่ได้ เห็นใจก็ไม่ได้ เอาไปพูดเล่า ให้ใครฟังก็ไม่ได้อีก ต้องแอบเล่าในห้อง ต้องเล่าเป็นการส่วนตัว และยังอาจจะไม่ได้อีก นี่ล่ะความทุกข์ของคนเป็นนายกฯหน้าใหม่
นายสมัคร กล่าวว่า จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องยอมอยู่ในกรอบ ต้องเป็นคนอย่างนี้ คิดก็ไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ แสดงความเห็นก็ไม่ได้ กูเกิ้ลเอาไปลง กลายเป็นว่าถ้านายกฯ ไทยพูด แปลว่านโยบายเป็นอย่างนี้ มันบ้าอะไรกันแบบนี้ ตนก็ไม่ว่าอะไรแต่เป็นความทุกข์ที่ต้องมาบ่น เพราะผมจะต้องทุกข์อยู่ต่อไป เพราะผมเป็นคนประเภทที่อาจจะเป็นนายกฯ ไปไม่ตลอดรอดฝั่งก็เพราะความรู้สึกนึกคิดอันนี้
โทษสื่อถามเองเรื่องการปฎิวัติ
นายสมัคร ยังให้สัมภาษณ์ถึงการปฎิวัติว่า ตนขอถามว่า ใครเป็นคนจุดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาหรือไม่ เพราะเมื่อวันอังคาร(25 มี.ค.) ที่ผ่านมา สื่อมาถามตนว่าได้รับใบปลิวเรื่องปฏิวัติหรือไม่ ซึ่งตนก็ได้บอกไปว่าทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ และก็พูดชัดเจนว่าทหารไม่เกี่ยวข้อง แต่ก็มีคนไปถามทางทหาร ซึ่งตนอยากรู้ว่า เมื่อทหารไม่เกี่ยวข้อง แล้วสื่อไปถามทำไม ไม่เข้าเรื่อง และอยากย้อนถามว่านายกรัฐมนตรีไม่สามารถพูดเรื่องนี้ได้หรือ
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่มีหลายฝ่ายต้องการให้นายกรัฐมนตรีเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่ามีใครอยู่เบื้องหลังบ้าง เพราะจะกระทบต่อความมั่นคง ของประเทศ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่กระทบ แต่ก็ยังมีบางคนพยายามที่จะขุดหลุมตน โดยการนำรัฐธรรมนูญมาตรา 157 ว่าด้วยการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มาเล่นงานตน ซึ่งเป็นเรื่องไม่เข้าท่า ตนพูดชัดเจนว่ามีคนซ่องสุมกัน ต้องดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งคนที่ออกมาพูดนั้นต้องถามกลับว่ามีเวลาว่างมากหรืออย่างไร
ส่วนจะมีการรวบรวมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะไม่ขอตอบคำถามในเรื่องนี้ และจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ไม่ออกความเห็น เพราะพูดอะไรก็ไม่ได้ทั้งสิ้น ส่วนสื่อก็คิดกันแต่เรื่องนี้ เรื่องอย่างอื่นไม่รู้จักช่วยคิด คอยจ้องจับผิดให้รัฐบาลนี้ตกหลุม ต่อไปนี้ใครถามอะไรมาตนจะบอกว่าไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่เห็น อย่างนี้สนุกดีและจะได้ไม่มีเรื่อง
ผบ.ทบ.ลั่นรับผิดชอบเองหากมีปฎิวัติ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ ถึงกระแสข่าวการเคลื่อนย้ายกำลังพลในช่วงนี้ว่า เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ตนอยากชี้แจงให้สังคมทราบว่ากองทัพบกยืนยันว่าไม่มีการสั่งเคลื่อนย้ายกำลังในลักษณะที่ไม่ใช่ภาวะ ปกติใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกองทัพบกหรือกองทัพภาค โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 ก็ไม่ได้สั่งการให้เคลื่อนย้ายเด็ดขาด ถ้าจะมีการเคลื่อนย้าย ก็เพื่อไปฝึก ซึ่งจะมีเป็นปกติอยู่แล้วก็จะให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ อาจจะผ่านทางโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และโดยปกติแล้วจะมีการแจ้งพื้นที่ ที่มีการฝึกให้ทราบ เช่นผู้ว่าราชการจังหวัด อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนและเข้าใจผิด ตนจะเน้นย้ำให้ทางสำนักงานเลขานุการกองทัพบกได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบในระยะนี้
"กระแสข่าวการปฏิวัติเราไม่ต้องตรวจสอบ ผมมั่นใจ และผมก็ได้รับรองท่านนายกฯ ไปแล้วเมื่อซักครู่นี้ ก็คงไม่ต้องมีการตรวจสอบอะไร เพราะถ้ามีอะไรผมก็รับผิดชอบ เมื่อผมยืนยันไปแล้วผมก็รับผิดชอบอยู่แล้ว และเรื่องนี้เมื่อผมชี้แจงให้นายกฯ ทราบท่านก็ไม่ได้สนใจอะไร
ส่วนจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นหรือไม่ เพราะต่อไปอาจเกิดกระแสข่าวในรูปแบบที่หลากหลายออกไปและอาจก่อให้เกิดการเข้าใจผิดจนกระทบกระเทือนมาถึงกองทัพอีก"
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนคงระวังไม่ได้ ต้องเป็นเรื่องของ สื่อมวลชน และตนได้เรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบหมดแล้วในส่วนที่เป็นความรับผิดชอบของตนว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้นแต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอย่างอื่น ก็ต้องเป็นเรื่องที่สื่อจะต้องช่วยกัน ถ้ามันไม่ใช่ประเด็นก็ไม่ควรจะไปเสนอข่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันได้ใช่หรือไม่ว่าทหารในยุคของท่านจะไม่มีการปฏิวัติอีกอย่างแน่นอน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มี เมื่อถามต่อว่า รู้สึกลำบากใจหรือไม่ที่มีข่าวมากระทบกระเทือนอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่กองทัพไม่ได้ทำอะไร ผบ.ทบ. กล่าวว่า ไม่ลำบากใจ สบายอยู่แล้ว ตนก็ชี้แจงไป คนที่คิดซิลำบาก ตนไม่ได้คิดอะไร และไม่มีวาระซ่อนเร้นอะไร ไม่ได้คิดจะสร้างกระแส ไม่ได้คิดจะทำ รวมทั้งไม่ได้คิดจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เพียงแต่อยากทำให้สังคมได้สบายใจมากกว่า
เตือนสมัครอย่าบ่นถ้าเบื่อก็ลาออก
นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร บ่นว่าเสียสิทธิส่วนตัวหลังจากเข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีว่า การมาเป็นนายกฯของนายสมัครไม่ได้มีใครบีบบังคับ แต่นายสมัครได้ปราศรัยหาเสียงอาสามาเป็นเอง และในวันที่ลงคะแนนเลือกตัวนายกฯ นายสมัคร ก็ใช้ทุกวิธีการให้ได้เข้าสู่ตำแหน่งนี้ให้ได้ เมื่อมาเป็นแล้วการจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ติติงจากฝ่ายต่างๆ ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่นายกฯทุกคนจะต้องเจอ
"เมื่อคุณสมัครไม่ได้ถูกจี้ตัวให้มาเป็นนายกฯจะมาบ่นทำไม เบื่อมากนักก็ลาออกไปตอนนี้ แผ่นดินจะได้สูงขึ้น ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราสามารถสรรหานายกฯ คนใหม่ได้อยู่แล้ว อยากให้ท่านไปดูนายกฯทั่วโลกเขาก็ถูกสื่อซักถาม หรือติดตาม อย่างใกล้ชิด เพราะว่าเป็นนายกฯของประชาชน ถ้าเป็นตาแก่อายุ70 กว่าจัดรายการ โฆษณาอาหารก็ไม่มีใครสนใจติดตาม แต่วันนี้ท่านเป็นนายกฯทุกคนก็ต้องคอยจับตามองอยู่แล้ว"
เผยสติแตกเพราะถูกกดดันภายในพรรค
นายถาวรกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้นายสมัครเกิดอาการสติแตก เพราะเกิดความกดดันภายในสูง มีความเห็นที่ไม่ตรงกันเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ประกอบกับคดีที่ติดตัวกำลังใกล้จะงวดเข้ามาทุกทีซึ่งอาจจะส่งผลถึงขั้นโดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง จึงทำให้เกิดความเครียด และยังเป็นการแก้ตัวล่วงหน้าว่า หากตัดสินใจละทิ้งเก้าอี้นายกฯไม่ได้เป็นเพราะคดี แต่เกิดจากสื่อกดดัน ถือเป็นแนวทาง ที่เตรียมใช้เป็นข้ออ้างกับสังคม
"การที่ท่านด่ากราดผู้หญิงที่ก้มลงกราบเท้า ถือเป็นอาการประสาทอ่อนๆ พอเครียดจัดเลยต้องระบายออกมาแต่พออารมณ์ดีก็ยิ้มหัวกับนักข่าว แสดงให้เห็นชัดว่าคุณสมัครกำลังถูกกดดันอย่างหนัก จากแรงเสียดทานทางการเมืองในพรรค เพราะการเมืองภายนอกท่านไม่กลัวใครอยู่แล้ว ด่าได้หมด แต่กลัวสิ่งที่ลูกพรรคกำลังทำอยู่ตอนนี้"
เชื่อสมัครยุบสภาหนีพรรคถูกยุบ
ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส. พัทลุง กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สภาพของนายสมัครเวลานี้เหมือนนักโทษที่รู้วันตายของตัวเอง ซึ่งตนมั่นใจว่า การยุบพรรคจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนภายใน4 เดือนนี้ แม้จะมีความพยายามแก้รัฐธรรมนูญ แต่ถึงแม้จะทำสำเร็จ ก็จะมีบางกลุ่มยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ ถึงความถูกต้องชอบธรรมในการแก้ไขดังกล่าว ซึ่งอาจจะลากยาวออกไปอีกมาก จึงไม่สามารถมาช่วยหลบหนีการถูกยุบพรรคได้ ดังนั้นนายสมัครจึงเกิดอาการสติแตก และกำลังขอความเห็นใจจากประชาชนตามบทที่ถนัด
"การได้มาเป็นนายกฯของนายสมัครเหมือนสามล้อถูกหวย จู่ๆก็ได้เก้าอี้มา อย่างไม่ทันตั้งตัว ประกอบกับร้างเวทีการเมืองไปนาน เลยเกิดอาการเกร็ง ทำอะไรไม่ถูก เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องหลุดจากตำแหน่งจึงเกิดอาการห่วงเก้าอี้ไม่อยากสูญเสีย อำนาจ เลยพยายามออกมาตีโพยพีพายโทษคนอื่น ผมมั่นใจว่านายกฯคนนี้ อยู่ไม่ครบเทอมแน่ และจะจบลงด้วยการยุบสภาหนีการถูกตัดสินให้ยุบพรรค ล่วงหน้า1 วัน โดยจะมีข้ออ้างกับประชาชนว่าได้พยายามกอบกู้ประเทศชาติแล้ว แต่ถูกกดดันจากมือที่มองไม่เห็น การลงจากตำแหน่งด้วยการยุบสภาจะเป็นทางออกที่ดีกว่าถูกออกเพราะยุบพรรค"
ชี้สมัครค้านแก้ม.309ต้นเหตุปูดปฎิวัติ
นายนิพิฏฐ์ยังวิเคราะห์ว่า การออกมาปูดเรื่องการปฏิวัติเป็นเรื่องที่น่าจะมีมูล แต่ตนไม่ได้มองไปที่คณะปฏิรูปชุดเดิม แต่จะเป็นความเคลื่อนไหวของฝ่ายที่หนุน อำนาจเก่า โดยมีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลัง โดยเหตุผลคือ ความพยายาม ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 และ มาตรา 309 ของนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อหนีการถูกยุบพรรคและช่วยพ.ต.ท.ทักษิณพ้นคดีอาญา ของคตส. แต่นายสมัครกลับไม่เห็นด้วย เพราะไม่ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณหลุดพ้นคดี เนื่องจากยิ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ถูกดำเนินคดีเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีกับตัวนายสมัคร หากจะรอแก้รัฐธรรมนูญอาจจะไม่ทันการณ์
อีกทั้งนายสมัครยังจ้องจะยุบสภาซึ่งจะเป็นอุปสรรค์ต่อการแก้รัฐธรรมนูญอีกด้วย ดังนั้นวิธีเดียวที่จะช่วยพ.ต.ท.ทักษิณได้ ในเวลานี้คือต้องฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร
"การออกมาพูดเรื่องรัฐประหารโดยมือที่มองไม่เห็นของคุณสมัครจึงน่าจะต้องจับตามองให้ดี เพราะท่าทีของนายกฯกลับ ผบ.ทบ.ก็เป็นมิตรสัมพันธ์กันดี ไม่มีเหตุอะไรที่ต้องยึดอำนาจ ดังนั้นจึงต้องจบตามองการรีบกลับมาของพ.ต.ท.ทักษิณในครั้งนี้ให้ดี"
ชี้คนพปช.ปล่อยข่าวปฎิวัติป่วนสมัคร
นายสุริยะใส กตะศิลา ในฐานะผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่มีการปล่อยข่าวการปฏิวัติของนายกรัฐมนตรีว่า เท่าที่ทราบเป็นข้อมูลที่ปั้นเรื่องมาจากคนในพรรคพลังประชาชนเอง โดยหวังผลสองทางคือ หวังสกัดและทำลายความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ และหวังทำลายเสถียรภาพการนำของนายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะนายกรัฐมนตรี
"อยากเตือนนายสมัคร ว่าต้องระมัดระวังเพราะท่านเป็นนายกฯ ไม่ใช่อธิบดีกรมปั้นน้ำเป็นตัว ข่าวสารหรือข้อมูลที่เข้ามาต้องกลั่นกรองและคิดให้มากก่อนพูด เพราะอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ส่วนเรื่องการปฏิวัตินั้นเงื่อนไขมาจากการบริหารงานของรัฐบาลเป็นสำคัญ หากลุแก่อำนาจ ทุจริตคอรัปชั่น และใช้อำนาจไม่มีธรรมาภิบาล เหมือนในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร การรัฐประหารก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน แม้ประชาชนจะไม่เห็นด้วย แต่ทหารก็คงไม่มาขออนุญาตประชาชนเพื่อทำรัฐประหาร"
นายสุริยะใส กล่าวว่าพันธมิตรฯ สนับสนุนจุดยืนของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการปฏิวัติและจะแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้าหากมีการ เคลื่อนกำลังในกิจการต่างๆ ของกองทัพ และไม่ให้การเมืองใช้กองทัพเป็นเครื่องมือ ทางการเมืองเหมือนที่ผ่านๆ มา
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร โดยยกตัวอย่างพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ถึงประเด็นการปฏิวัติว่า นี่บ้าอะไรกันขนาดนี้ นี่วงการสื่อสารมวลชนทำกันอย่างนี้ นี่ผมมีพาดหัวหนังสือพิมพ์มาให้ดู "จี้หมักล่าไอ้โม่งล้มรัฐบาล จับเท็จปฏิวัติ ปชป.ฮึ่มอย่าทำเฉยผิดรัฐธรรมนูญ" "หมักเลี้ยงแกะปฏิวัติ ลุ้นออกทีวีตีหน้าเศร้าเล่าความทุกข์" วันนี้ผมหน้าเศร้าหรือ แต่นี่ผมยังไม่ทันได้เล่าเลยนี่มาแล้ว เขียนอย่างนี้เป็นทำนองว่าสถานการณ์อย่างนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องกระโดดเข้ามาด้วย นี่บ้าอะไรกันอย่างนี้ มีคนสั่งสอนผมว่าอย่าไปพูดจาว่ากล่าวอะไรเขา แต่มันสุดกลั้นอย่างนี้ถ้าท่านเป็นผมท่านจะทำอย่างไร
นายสมัคร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาสื่อมวลชนมาถามว่ามีข่าวว่ามีการแจกใบปลิว ตนบอกว่าก็ได้รับมีคนส่งไปให้อ่านใน ครม.ใส่ซองไปให้ ก็เท่านั้น อ่านแล้วไปพูดรายละเอียดกับเขาได้ไหม ไม่ได้ เพราะอะไรก็มันขุดหลุมล่อกันไว้อย่างนี้ จุดถามด้วยอันนี้เท่านั้นเอง แล้วก็ล่อไปล่อมาจะล่อตน ทำไมคิดกันได้เท่านี้ มีสติปัญญาจะช่วยดูแลบ้านเมืองกันอย่างนี้หรือ แล้วที่ตนไปทำงานทำการ มาเล่าให้ฟัง กำลังช่วยกันทำตัวเป็นเกลียว บ้านเมืองก็ล้มลุกคลุกคลานเพิ่งจะเงยหัวขึ้นกำลังทำงาน เอากันแล้วหรือนี่ น่าเสียดายจริงๆ คนดีมีสติปัญญาไม่พูดจาอะไรดูให้ตนทำงานสักพัก ถ้าทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงอะไรอย่างไรก็ยังไม่ว่า นี่ยังไม่ได้ทันทำอะไรเลย มาคุย ตนต้องตำหนิคนทางสื่อสารมวลชน ต้องไปหมั่นสัมมนากันหน่อย
นายสมัคร กล่าวว่า ตนจะบอกให้ฟัง โปรดดูตรงนี้ตนทำงานตามกฎหมายคือวันที่ 6 ก.พ.2551 เริ่มรับ ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้วก็นับวันนั้น 6 กุมภาพันธ์ – 6 มีนาคม นี่ยังไม่ 6 เมษายน ยังไม่เต็ม 2 เดือนเลย ดูนะมีหนังสือพิมพ์เขียนอย่างนี้ ว่า "มาถึงวันนี้ครม.ขี้เหร่ของรัฐบาลสมัคร 1 ชื่อสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมคุยโวว่าทำงานได้ กำลังแสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็นหลายคน และยังไม่รวมถึงคนแถวหน้าห้องนายกฯสมัครบางคนที่เริ่มแสดงสันดานชั่วออกมาให้เห็น ด้วยการติดต่อเรียกร้องผลประโยชน์จากโครงการต่างๆ แบบไม่ละอายต่อฟ้าดิน ตรวจสอบดูเถอะ เมื่อเป็นเช่นนี้ให้ถูกมองว่ารัฐบาลนี้อาจจะอยู่ไม่ครบเทอม และรัฐมนตรีรวมถึงเลขาฯกับผู้ติดตามอาจจะต้องกระเด็นจากตำแหน่ง จึงต้องรีบสวาปาม ผลประโยชน์ต่างๆ กันไว้เนิ่นๆ พี่น้องชาวไทยเตรียมใจสวดมนต์สาปแช่งไว้ได ้ล่วงหน้าเลย ถ้าเป็นเช่นนั้น กลายเป็นรัฐมนตรีที่ถูกมองว่าลุแก่อำนาจ สำหรับจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็พูดจาก้าวร้าวเกินตัว แถมยังแสดงธาตุแท้ที่จะเล่นงานพวกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่แยแสใคร ผู้เจนเวทีการเมืองมองท่าทีน่าสงสารและเวทนา"
นายสมัคร กล่าวว่า เรื่องพาดพิงนายจักรภพต้องให้เจ้าตัวชี้แจงเอง แต่สำหรับตนอย่างนี้ต้องบอกว่าภายใน 3 วัน ถ้าหนังสือพิมพ์ที่ได้อ่านฉบับที่เขียนอย่างนี้ ไม่ส่งเอกสารการที่ไปเรียกร้องทุจริตให้ตนก็จะถือว่าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เสนอความเท็จ เอาความเท็จสาดใส่คนอื่น เขียนกันได้ตามใจชอบ แต่ก่อนคุณเขียนไป คนที่ถูกเขียนถึงไม่เสียหาย แต่บัดนี้คนที่เขียนถึงไม่ยอมแบบนี้แล้ว
บ่นอึดอัดเป็นนายกฯไร้อิสรภาพ
นายสมัคร กล่าวว่า หัวข้อสารคดีของตนวันนี้คือทุกข์ของนายกฯหน้าใหม่ หน้าเก่าเป็นอย่างไร หน้าเก่าก็อยู่นานๆ อยู่มา 10 ปี 15 ปี อยู่ติดต่อกัน 5-6 ปีก็หน้าเก่า แต่ตนอยู่ยังไม่ชน 2 เดือนก็มีความทุกข์ เป็นความทุกข์ที่ต้องเอามาปรับทุกข์ เป็นทุกข์ที่อยู่ในใจ ซึ่งคนเป็นนายกฯเขาก็ว่ากลายเป็นบุคคลสาธารณะ ใช่ไหม ใครจะดุด่าว่ากล่าวตบตีอะไรได้ทั้งนั้น ก็บอกว่ากับตนคงไม่ได้ทุกอย่างหรอก มีคนบอก นายกฯไปไหนมาไหนต้อง รปภ.(รักษาความปลอดภัย) ตนอยู่ดีๆ อยู่เฉยๆ มาเป็น นายกฯ เสียสิทธิเสรีภาพส่วนตัว จะไปไหนมีรถคุมหน้าคุมหลัง ตนไม่เอา แต่เขาบอกไม่ได้เดี๋ยว รปภ.เขาเดือดร้อน คุมกันแจคุมหัวคุมหางอย่างนี้ไหวไหม นี่ก็เป็นความทุกข์อย่างหนึ่งของคนเป็นนายกฯ ไม่มีอิสรเสรีภาพ ตนเป็นนายกฯ ที่ต้องการอิสรภาพ
นายสมัคร ยังกล่าวปรับทุกข์ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีจะพูดอะไรก็ไม่ได้ จะไปรู้ได้อย่างไรไปบ้านเมืองนี้อยากจะรู้ความเป็นไปของเขา (พม่า) ไปคุยไปฟังความเสร็จแล้วต้องเก็บไว้ พูดไม่ได้เล่าไม่ได้สัมภาษณ์ไม่ได้ เพราะในโลกนี้มีคุณพ่อ อยู่หลายคน เขาแบ่งค่ายกัน แต่ก่อนนี้มีค่ายคอมมิวนิสต์ มีค่ายประชาธิปไตย เดี๋ยวนี้มีค่ายนายทุน แบ่งเป็นค่าย แล้วคนมหาอำนาจทั้งหลายคิดอย่างไร ประเทศเล็กๆ อย่างเราต้องคิดทำอย่างนั้นด้วย
นายสมัคร กล่าวว่าอยากจะแก้ไขปัญหา แต่ไม่ฟังมูลเหตุของปัญหา จะอธิบายมูลเหตุของปัญหาไม่ได้ พูดอย่างไรแปลว่าไปเข้าใจเขา แล้วก็ไปเห็นใจเขา แล้วก็รับฟังเหตุผลไม่ได้ เพราะอะไร เพราะคุณมาจากเลือกตั้งคุณเป็นประชาธิปไตย ทางนั้นป็นเผด็จการ ไปฟังความก็ไม่ได้ เข้าใจก็ไม่ได้ เห็นใจก็ไม่ได้ เอาไปพูดเล่า ให้ใครฟังก็ไม่ได้อีก ต้องแอบเล่าในห้อง ต้องเล่าเป็นการส่วนตัว และยังอาจจะไม่ได้อีก นี่ล่ะความทุกข์ของคนเป็นนายกฯหน้าใหม่
นายสมัคร กล่าวว่า จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องยอมอยู่ในกรอบ ต้องเป็นคนอย่างนี้ คิดก็ไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ แสดงความเห็นก็ไม่ได้ กูเกิ้ลเอาไปลง กลายเป็นว่าถ้านายกฯ ไทยพูด แปลว่านโยบายเป็นอย่างนี้ มันบ้าอะไรกันแบบนี้ ตนก็ไม่ว่าอะไรแต่เป็นความทุกข์ที่ต้องมาบ่น เพราะผมจะต้องทุกข์อยู่ต่อไป เพราะผมเป็นคนประเภทที่อาจจะเป็นนายกฯ ไปไม่ตลอดรอดฝั่งก็เพราะความรู้สึกนึกคิดอันนี้
โทษสื่อถามเองเรื่องการปฎิวัติ
นายสมัคร ยังให้สัมภาษณ์ถึงการปฎิวัติว่า ตนขอถามว่า ใครเป็นคนจุดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาหรือไม่ เพราะเมื่อวันอังคาร(25 มี.ค.) ที่ผ่านมา สื่อมาถามตนว่าได้รับใบปลิวเรื่องปฏิวัติหรือไม่ ซึ่งตนก็ได้บอกไปว่าทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ และก็พูดชัดเจนว่าทหารไม่เกี่ยวข้อง แต่ก็มีคนไปถามทางทหาร ซึ่งตนอยากรู้ว่า เมื่อทหารไม่เกี่ยวข้อง แล้วสื่อไปถามทำไม ไม่เข้าเรื่อง และอยากย้อนถามว่านายกรัฐมนตรีไม่สามารถพูดเรื่องนี้ได้หรือ
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่มีหลายฝ่ายต้องการให้นายกรัฐมนตรีเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่ามีใครอยู่เบื้องหลังบ้าง เพราะจะกระทบต่อความมั่นคง ของประเทศ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่กระทบ แต่ก็ยังมีบางคนพยายามที่จะขุดหลุมตน โดยการนำรัฐธรรมนูญมาตรา 157 ว่าด้วยการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มาเล่นงานตน ซึ่งเป็นเรื่องไม่เข้าท่า ตนพูดชัดเจนว่ามีคนซ่องสุมกัน ต้องดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งคนที่ออกมาพูดนั้นต้องถามกลับว่ามีเวลาว่างมากหรืออย่างไร
ส่วนจะมีการรวบรวมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะไม่ขอตอบคำถามในเรื่องนี้ และจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ไม่ออกความเห็น เพราะพูดอะไรก็ไม่ได้ทั้งสิ้น ส่วนสื่อก็คิดกันแต่เรื่องนี้ เรื่องอย่างอื่นไม่รู้จักช่วยคิด คอยจ้องจับผิดให้รัฐบาลนี้ตกหลุม ต่อไปนี้ใครถามอะไรมาตนจะบอกว่าไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่เห็น อย่างนี้สนุกดีและจะได้ไม่มีเรื่อง
ผบ.ทบ.ลั่นรับผิดชอบเองหากมีปฎิวัติ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ ถึงกระแสข่าวการเคลื่อนย้ายกำลังพลในช่วงนี้ว่า เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ตนอยากชี้แจงให้สังคมทราบว่ากองทัพบกยืนยันว่าไม่มีการสั่งเคลื่อนย้ายกำลังในลักษณะที่ไม่ใช่ภาวะ ปกติใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกองทัพบกหรือกองทัพภาค โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 ก็ไม่ได้สั่งการให้เคลื่อนย้ายเด็ดขาด ถ้าจะมีการเคลื่อนย้าย ก็เพื่อไปฝึก ซึ่งจะมีเป็นปกติอยู่แล้วก็จะให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ อาจจะผ่านทางโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และโดยปกติแล้วจะมีการแจ้งพื้นที่ ที่มีการฝึกให้ทราบ เช่นผู้ว่าราชการจังหวัด อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนและเข้าใจผิด ตนจะเน้นย้ำให้ทางสำนักงานเลขานุการกองทัพบกได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบในระยะนี้
"กระแสข่าวการปฏิวัติเราไม่ต้องตรวจสอบ ผมมั่นใจ และผมก็ได้รับรองท่านนายกฯ ไปแล้วเมื่อซักครู่นี้ ก็คงไม่ต้องมีการตรวจสอบอะไร เพราะถ้ามีอะไรผมก็รับผิดชอบ เมื่อผมยืนยันไปแล้วผมก็รับผิดชอบอยู่แล้ว และเรื่องนี้เมื่อผมชี้แจงให้นายกฯ ทราบท่านก็ไม่ได้สนใจอะไร
ส่วนจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นหรือไม่ เพราะต่อไปอาจเกิดกระแสข่าวในรูปแบบที่หลากหลายออกไปและอาจก่อให้เกิดการเข้าใจผิดจนกระทบกระเทือนมาถึงกองทัพอีก"
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนคงระวังไม่ได้ ต้องเป็นเรื่องของ สื่อมวลชน และตนได้เรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบหมดแล้วในส่วนที่เป็นความรับผิดชอบของตนว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้นแต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอย่างอื่น ก็ต้องเป็นเรื่องที่สื่อจะต้องช่วยกัน ถ้ามันไม่ใช่ประเด็นก็ไม่ควรจะไปเสนอข่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันได้ใช่หรือไม่ว่าทหารในยุคของท่านจะไม่มีการปฏิวัติอีกอย่างแน่นอน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มี เมื่อถามต่อว่า รู้สึกลำบากใจหรือไม่ที่มีข่าวมากระทบกระเทือนอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่กองทัพไม่ได้ทำอะไร ผบ.ทบ. กล่าวว่า ไม่ลำบากใจ สบายอยู่แล้ว ตนก็ชี้แจงไป คนที่คิดซิลำบาก ตนไม่ได้คิดอะไร และไม่มีวาระซ่อนเร้นอะไร ไม่ได้คิดจะสร้างกระแส ไม่ได้คิดจะทำ รวมทั้งไม่ได้คิดจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เพียงแต่อยากทำให้สังคมได้สบายใจมากกว่า
เตือนสมัครอย่าบ่นถ้าเบื่อก็ลาออก
นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร บ่นว่าเสียสิทธิส่วนตัวหลังจากเข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีว่า การมาเป็นนายกฯของนายสมัครไม่ได้มีใครบีบบังคับ แต่นายสมัครได้ปราศรัยหาเสียงอาสามาเป็นเอง และในวันที่ลงคะแนนเลือกตัวนายกฯ นายสมัคร ก็ใช้ทุกวิธีการให้ได้เข้าสู่ตำแหน่งนี้ให้ได้ เมื่อมาเป็นแล้วการจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ติติงจากฝ่ายต่างๆ ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่นายกฯทุกคนจะต้องเจอ
"เมื่อคุณสมัครไม่ได้ถูกจี้ตัวให้มาเป็นนายกฯจะมาบ่นทำไม เบื่อมากนักก็ลาออกไปตอนนี้ แผ่นดินจะได้สูงขึ้น ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราสามารถสรรหานายกฯ คนใหม่ได้อยู่แล้ว อยากให้ท่านไปดูนายกฯทั่วโลกเขาก็ถูกสื่อซักถาม หรือติดตาม อย่างใกล้ชิด เพราะว่าเป็นนายกฯของประชาชน ถ้าเป็นตาแก่อายุ70 กว่าจัดรายการ โฆษณาอาหารก็ไม่มีใครสนใจติดตาม แต่วันนี้ท่านเป็นนายกฯทุกคนก็ต้องคอยจับตามองอยู่แล้ว"
เผยสติแตกเพราะถูกกดดันภายในพรรค
นายถาวรกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้นายสมัครเกิดอาการสติแตก เพราะเกิดความกดดันภายในสูง มีความเห็นที่ไม่ตรงกันเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ประกอบกับคดีที่ติดตัวกำลังใกล้จะงวดเข้ามาทุกทีซึ่งอาจจะส่งผลถึงขั้นโดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง จึงทำให้เกิดความเครียด และยังเป็นการแก้ตัวล่วงหน้าว่า หากตัดสินใจละทิ้งเก้าอี้นายกฯไม่ได้เป็นเพราะคดี แต่เกิดจากสื่อกดดัน ถือเป็นแนวทาง ที่เตรียมใช้เป็นข้ออ้างกับสังคม
"การที่ท่านด่ากราดผู้หญิงที่ก้มลงกราบเท้า ถือเป็นอาการประสาทอ่อนๆ พอเครียดจัดเลยต้องระบายออกมาแต่พออารมณ์ดีก็ยิ้มหัวกับนักข่าว แสดงให้เห็นชัดว่าคุณสมัครกำลังถูกกดดันอย่างหนัก จากแรงเสียดทานทางการเมืองในพรรค เพราะการเมืองภายนอกท่านไม่กลัวใครอยู่แล้ว ด่าได้หมด แต่กลัวสิ่งที่ลูกพรรคกำลังทำอยู่ตอนนี้"
เชื่อสมัครยุบสภาหนีพรรคถูกยุบ
ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส. พัทลุง กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สภาพของนายสมัครเวลานี้เหมือนนักโทษที่รู้วันตายของตัวเอง ซึ่งตนมั่นใจว่า การยุบพรรคจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนภายใน4 เดือนนี้ แม้จะมีความพยายามแก้รัฐธรรมนูญ แต่ถึงแม้จะทำสำเร็จ ก็จะมีบางกลุ่มยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ ถึงความถูกต้องชอบธรรมในการแก้ไขดังกล่าว ซึ่งอาจจะลากยาวออกไปอีกมาก จึงไม่สามารถมาช่วยหลบหนีการถูกยุบพรรคได้ ดังนั้นนายสมัครจึงเกิดอาการสติแตก และกำลังขอความเห็นใจจากประชาชนตามบทที่ถนัด
"การได้มาเป็นนายกฯของนายสมัครเหมือนสามล้อถูกหวย จู่ๆก็ได้เก้าอี้มา อย่างไม่ทันตั้งตัว ประกอบกับร้างเวทีการเมืองไปนาน เลยเกิดอาการเกร็ง ทำอะไรไม่ถูก เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องหลุดจากตำแหน่งจึงเกิดอาการห่วงเก้าอี้ไม่อยากสูญเสีย อำนาจ เลยพยายามออกมาตีโพยพีพายโทษคนอื่น ผมมั่นใจว่านายกฯคนนี้ อยู่ไม่ครบเทอมแน่ และจะจบลงด้วยการยุบสภาหนีการถูกตัดสินให้ยุบพรรค ล่วงหน้า1 วัน โดยจะมีข้ออ้างกับประชาชนว่าได้พยายามกอบกู้ประเทศชาติแล้ว แต่ถูกกดดันจากมือที่มองไม่เห็น การลงจากตำแหน่งด้วยการยุบสภาจะเป็นทางออกที่ดีกว่าถูกออกเพราะยุบพรรค"
ชี้สมัครค้านแก้ม.309ต้นเหตุปูดปฎิวัติ
นายนิพิฏฐ์ยังวิเคราะห์ว่า การออกมาปูดเรื่องการปฏิวัติเป็นเรื่องที่น่าจะมีมูล แต่ตนไม่ได้มองไปที่คณะปฏิรูปชุดเดิม แต่จะเป็นความเคลื่อนไหวของฝ่ายที่หนุน อำนาจเก่า โดยมีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลัง โดยเหตุผลคือ ความพยายาม ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 และ มาตรา 309 ของนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อหนีการถูกยุบพรรคและช่วยพ.ต.ท.ทักษิณพ้นคดีอาญา ของคตส. แต่นายสมัครกลับไม่เห็นด้วย เพราะไม่ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณหลุดพ้นคดี เนื่องจากยิ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ถูกดำเนินคดีเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีกับตัวนายสมัคร หากจะรอแก้รัฐธรรมนูญอาจจะไม่ทันการณ์
อีกทั้งนายสมัครยังจ้องจะยุบสภาซึ่งจะเป็นอุปสรรค์ต่อการแก้รัฐธรรมนูญอีกด้วย ดังนั้นวิธีเดียวที่จะช่วยพ.ต.ท.ทักษิณได้ ในเวลานี้คือต้องฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร
"การออกมาพูดเรื่องรัฐประหารโดยมือที่มองไม่เห็นของคุณสมัครจึงน่าจะต้องจับตามองให้ดี เพราะท่าทีของนายกฯกลับ ผบ.ทบ.ก็เป็นมิตรสัมพันธ์กันดี ไม่มีเหตุอะไรที่ต้องยึดอำนาจ ดังนั้นจึงต้องจบตามองการรีบกลับมาของพ.ต.ท.ทักษิณในครั้งนี้ให้ดี"
ชี้คนพปช.ปล่อยข่าวปฎิวัติป่วนสมัคร
นายสุริยะใส กตะศิลา ในฐานะผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่มีการปล่อยข่าวการปฏิวัติของนายกรัฐมนตรีว่า เท่าที่ทราบเป็นข้อมูลที่ปั้นเรื่องมาจากคนในพรรคพลังประชาชนเอง โดยหวังผลสองทางคือ หวังสกัดและทำลายความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ และหวังทำลายเสถียรภาพการนำของนายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะนายกรัฐมนตรี
"อยากเตือนนายสมัคร ว่าต้องระมัดระวังเพราะท่านเป็นนายกฯ ไม่ใช่อธิบดีกรมปั้นน้ำเป็นตัว ข่าวสารหรือข้อมูลที่เข้ามาต้องกลั่นกรองและคิดให้มากก่อนพูด เพราะอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ส่วนเรื่องการปฏิวัตินั้นเงื่อนไขมาจากการบริหารงานของรัฐบาลเป็นสำคัญ หากลุแก่อำนาจ ทุจริตคอรัปชั่น และใช้อำนาจไม่มีธรรมาภิบาล เหมือนในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร การรัฐประหารก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน แม้ประชาชนจะไม่เห็นด้วย แต่ทหารก็คงไม่มาขออนุญาตประชาชนเพื่อทำรัฐประหาร"
นายสุริยะใส กล่าวว่าพันธมิตรฯ สนับสนุนจุดยืนของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการปฏิวัติและจะแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้าหากมีการ เคลื่อนกำลังในกิจการต่างๆ ของกองทัพ และไม่ให้การเมืองใช้กองทัพเป็นเครื่องมือ ทางการเมืองเหมือนที่ผ่านๆ มา