ผู้จัดการรายวัน – กระทรวงการคลังให้แบงก์กรุงเทพและกรุงศรีฯ ออกพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษเพื่อคนสูงอายุ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ เผยยอดจัดจำหน่ายธนาคารละ 6,000 ล้านบาท ในวันที่ 2 –11 เม.ษ. 2551 นี้
นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า การออกพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยสร้างรายได้ให้ผู้สูงอายุ ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มไม่ดี ด้วยความตระหนักว่าผู้สูงอายุไม่สามารถแข่งขันเพื่อแย่งซื้อพันธบัตรได้ จึงได้ทำการจำกัดเวลาในช่วง 3 วันแรกให้เฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป และคาดหวังว่าจะเห็นผู้สูงอายุไปซื้อพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษนี้เป็นจำนวนมาก
ส่วนการที่กำหนดอายุพันธบัตรเพียง 2 ปีนั้นเพื่อ ไม่ให้เกิดความเสี่ยง ถึงระยะเวลาจะสั้นแต่ก็ให้ดอกเบี้ยในอัตราพิเศษ และยังได้ขอความร่วมมือจาก ธนาคารกรุงเทพ (BBL) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ให้จัดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษนี้นอกเหนือจากลูกค้าของธนาคารด้วย
นายสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์ กรรมการผู้อำนวยการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด มหาชน เปิดเผยถึง การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษในปีงบประมาณ พ.ศ.2551 อายุพันธบัตร 2 ปี วงเงินรวม 12,000 ล้านบาท จำนวน 1 รุ่น ที่จะทำการจัดจำหน่ายในวันที่ 2 – 11 เมษายน 2551 นี้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)ได้จัดจำหน่ายร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) แบ่งกันจำหน่ายธนาคารละ 6,000 ล้านบาท
โดย 3 วันทำการแรก จะจำหน่ายให้เฉพาะผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป และ 4 วันถัดมา จึงจะจำหน่ายให้ผู้มีสิทธิซื้อทั่วไปรวมทั้งผู้สูงอายุ สำหรับผู้มีสิทธิซื้อประกอบด้วย บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือมีถิ่นอยู่ในประเทศไทยและนิติบุคคลอื่นใดที่ไม่มีวัตถุประสงค์ ในการแสวงหากำไร วงเงินซื้อขั้นต่ำอยู่ที่ 10,000 บาทต่อราย และซื้อเพิ่มเป็นจำนวนเท่าของ 10,000 บาท และไม่จำกัดวงเงินซื้อขั้นสูง
สำหรับดอกเบี้ยพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2551 คือร้อยละ 3.60 ต่อปี โดยใช้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล อายุ 2 ปีเป็นฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย บวกด้วยส่วนต่างไม่เกินร้อยละ 15 ของอัตราผลตอบแทน
"การที่กระทรวงการคลังออกพันธบัตรออกพันธบัตรออมทรัพย์พ ิเศษโดยให้อัตราดอกเบี้ยที่สูง นับเป็นการส่งเสริมการออมที่ดี ให้โอกาสผู้ลงทุนสูงอายุได้เลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสูง เป็นการให้กำลังใจผู้สูงอายุอีกด้วย และธนาคารกรุงเทพยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษอย่างทั่วถึงรวม 597 สาขา".
นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า การออกพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยสร้างรายได้ให้ผู้สูงอายุ ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มไม่ดี ด้วยความตระหนักว่าผู้สูงอายุไม่สามารถแข่งขันเพื่อแย่งซื้อพันธบัตรได้ จึงได้ทำการจำกัดเวลาในช่วง 3 วันแรกให้เฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป และคาดหวังว่าจะเห็นผู้สูงอายุไปซื้อพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษนี้เป็นจำนวนมาก
ส่วนการที่กำหนดอายุพันธบัตรเพียง 2 ปีนั้นเพื่อ ไม่ให้เกิดความเสี่ยง ถึงระยะเวลาจะสั้นแต่ก็ให้ดอกเบี้ยในอัตราพิเศษ และยังได้ขอความร่วมมือจาก ธนาคารกรุงเทพ (BBL) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ให้จัดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษนี้นอกเหนือจากลูกค้าของธนาคารด้วย
นายสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์ กรรมการผู้อำนวยการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด มหาชน เปิดเผยถึง การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษในปีงบประมาณ พ.ศ.2551 อายุพันธบัตร 2 ปี วงเงินรวม 12,000 ล้านบาท จำนวน 1 รุ่น ที่จะทำการจัดจำหน่ายในวันที่ 2 – 11 เมษายน 2551 นี้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)ได้จัดจำหน่ายร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) แบ่งกันจำหน่ายธนาคารละ 6,000 ล้านบาท
โดย 3 วันทำการแรก จะจำหน่ายให้เฉพาะผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป และ 4 วันถัดมา จึงจะจำหน่ายให้ผู้มีสิทธิซื้อทั่วไปรวมทั้งผู้สูงอายุ สำหรับผู้มีสิทธิซื้อประกอบด้วย บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือมีถิ่นอยู่ในประเทศไทยและนิติบุคคลอื่นใดที่ไม่มีวัตถุประสงค์ ในการแสวงหากำไร วงเงินซื้อขั้นต่ำอยู่ที่ 10,000 บาทต่อราย และซื้อเพิ่มเป็นจำนวนเท่าของ 10,000 บาท และไม่จำกัดวงเงินซื้อขั้นสูง
สำหรับดอกเบี้ยพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2551 คือร้อยละ 3.60 ต่อปี โดยใช้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล อายุ 2 ปีเป็นฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย บวกด้วยส่วนต่างไม่เกินร้อยละ 15 ของอัตราผลตอบแทน
"การที่กระทรวงการคลังออกพันธบัตรออกพันธบัตรออมทรัพย์พ ิเศษโดยให้อัตราดอกเบี้ยที่สูง นับเป็นการส่งเสริมการออมที่ดี ให้โอกาสผู้ลงทุนสูงอายุได้เลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสูง เป็นการให้กำลังใจผู้สูงอายุอีกด้วย และธนาคารกรุงเทพยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษอย่างทั่วถึงรวม 597 สาขา".