xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวตก! พรรคพลังประชาชนจะร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน (2)

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ถ้าท่านคิดว่าผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยความเกลียด และด้วยความคิดที่อยากทำลายสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จะเป็นบุคคลก็ดี เป็นพรรคก็ดี ผมขอเรียนว่าท่านคิดผิด ผมหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเขียนด้วยความรักและเป็นห่วงลูกหลานบ้านเมือง ตัวผมเองอีกไม่นานก็ไปแล้ว แต่ผมไม่อยากเห็นบ้านเมืองและประเทศชาติอยู่อย่างไร้อนาคต แต่ตราบใดสังคมของเรายังเป็นอยู่อย่างนี้ คือขี้เกียจคิด ขี้เกียจอ่าน ขี้เกียจค้าน ขี้เกียจถาม ขี้เกียจค้นหาความจริง ตราบนั้นเราก็ยังต้องห่วง

ท่านคิดผิดถนัด ถ้าท่านคิดว่าผมกำลังปลุกผีคอมมิวนิสต์ หรือผมต้องการทำลายล้างพรรคพลังประชาชน หรือแม้กระทั่งประชาธิปไตยของประเทศไทย ผมขยะแขยงและเจ็บปวดกับการต่อต้านและปลุกผีคอมมิวนิสต์ตลอดมา ในพรรคพลังประชาชนนั้นมีบุคคลที่ผมรักใคร่อยู่ไม่น้อย รวมทั้ง น.อ.อนุดิษฐ์ หลานชายแท้ๆ ของผม ครอบครัวและคุณแม่ของจักรภพ เพ็ญแข ผมก็รู้จักดี ไม่มีอย่างอื่นนอกจากความรักและปรารถนาดี

ผมย้ำเสมอว่าผมสนใจระบบ มิใช่ตัวบุคคลซึ่งเป็นเพียงตัวอย่าง ผมเป็นนักเรียนวิชาการเมืองที่ติดตามศึกษาการเมืองไทยมาตลอดชีวิต ผมจึงไม่ยอมตกหลุมง่ายๆ ว่า การเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2549 นี้ทำให้ไทยเป็นประชาธิปไตยแล้ว ทุกอย่างกำลังเข้ารูปเข้ารอย ต้องให้เวลารัฐบาลหน่อย เพิ่งได้ 2 เดือนเท่านั้นเอง

ผมรู้มานานแล้วว่าในประเทศไทย พรรคการเมืองที่หัวหน้าตั้งไม่มีวันยั่งยืน มาแล้วก็ไปตามหัวหน้า เพราะฉะนั้นจะมาบอกว่าพรรคหนึ่งพรรคใดเป็นพรรคถาวรถึงกับเป็นสถาบัน ผมไม่มีวันเชื่อ พรรคไทยรักไทยหรือพรรคพลังประชาชนไม่มีทักษิณจะมีความหมายอะไร

อีกอย่าง องค์ประกอบ โครงสร้างและพฤติกรรมต่างๆ ของพรรคนี้ถูกศาลพิพากษาก่อนการยึดอำนาจและกำลังถูกกล่าวหาขณะนี้ว่ามิชอบด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เท็จหรือจริงประการใดจำต้องคิดและพิสูจน์ ให้เห็น มิใช่สักแต่ว่าเชื่อตามๆ กันไป

บทความ “ข่าวตก! พรรคพลังประชาชนจะร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน” ตอนที่ (1) ผมเพียงแต่ปูพื้นฐาน ด้วยข้อมูลและข้อคิด มิได้ปรักปรำใส่ร้ายหรือบังคับท่านให้เชื่อตามผมแต่อย่างไร

ตอนที่ (2) คือ บทความฉบับนี้มีความสำคัญกว่าเดิมหลายเท่า แต่ผมจะเขียนแบบเล่าสู่กันฟัง ฟังแล้วอย่าเชื่อ ต้องค่อยๆ เอาไปคิด จะทำอะไรต่อไปก็สุดแท้แต่ความคิดของแต่ละคน แต่ละกลุ่ม ขอให้กลั่นกรองให้ดีเสียก่อนก็แล้วกัน

1. ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งที่หมอสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ท่านที่ได้อ่านบทความของดร.อมร และของผมแล้ว คงจะเห็นว่ารัฐธรรมนูญไม่สมประกอบ ไม่เป็นประชาธิปไตยเพียงใด ข้อสำคัญ ขออย่าให้เป็นการแก้ตามอำเภอใจของพรรคพลังประชาชน และเมื่อแก้เสร็จแล้วก็สมควรยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามจารีตประชาธิปไตย ทำไมผมจึงบอกว่าแก้ตามอำเภอใจของพรรคพลังประชาชนไม่ได้ ก็เพราะว่าพรรคนี้เมื่อครั้งเถลิงอำนาจในนามพรรคไทยรักไทย ได้พากันทำลายหลักรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยอย่างหนัก รวมทั้งการใช้กลไกของรัฐ ของอันธพาล ขององค์การจัดตั้งนอกระบบทั้งในกรุงและชนบท เข้าคุกคามทำลายเสรีภาพของประชาชนและฝ่ายตรงกันข้ามที่ไม่เห็นด้วยกับตน และภายหลังการยึดอำนาจก็มีการปลุกระดมในแบบเดิมอย่างไม่ลดละ โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและระบบยุติธรรม ถ้าหากสิ่งนั้นๆ ขัดกับอำนาจและผลประโยชน์ของพวกตน

2. ขณะนี้ได้เกิดวิกฤตทางการเมืองขึ้นแล้วอย่างจริงจัง พวกเราคงได้ยินข่าวจาก กกต.จากผู้นำรัฐบาลและพรรคต่างๆ ที่ต่างก็พากันลนลานจุ้นจ้าน เพื่อหาทางป้องกันและรักษาความได้เปรียบของตนเองกับพวก เหตุที่เกิดขึ้นและวิธีแก้แบบผันวิกฤตให้เป็นโอกาส ผมได้เขียนไว้หมดแล้ว ใน “ผู้จัดการรายวัน” และในหนังสือ “เลือกตั้งน้ำเน่าเราจะพากันไปตาย” ขณะนี้หนังสือยังเหลืออยู่ 2-3 ร้อยเล่ม ท่านสามารถโทรสาร ไปขอได้ ที่มูลนิธิส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น คือ 0-2579-7472 โปรดสอดไปรษณียากร 10 บาทไปด้วยเพื่อเป็นค่าซองและค่าจัดส่ง

3. ตอนหนึ่งในหนังสือดังกล่าว “ขอพูดสั้นๆ ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคการเมืองเก่าที่เพิ่งรวมตัวกันขึ้นใหม่ 3-4 พรรคใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคพลังประชาชน มีองค์ประกอบและพฤติกรรมที่ไม่มีทางที่จะไม่ขัดเจตนารมณ์คำวินิจฉัยของศาล ขัดเจตนารมณ์ของคณะปฏิรูปการปกครองซึ่งต้องการปกป้องประชาธิปไตยและสถาบันกษัตริย์ ขัดรัฐธรรมนูญ กฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายเลือกตั้งนับไม่ถ้วนมาตรา ตามที่ผมเขียนไว้ในบทความในหนังสือนี้ ครั้นจะปล่อยให้เลยตามเลยก็ดี หรือตีความให้เคร่งครัดกำจัดพรรคออกไปจากการเลือกตั้งก็ดี ผลพลอยเสียและการต่อสู้ทางการเมืองอย่างดุเดือดเลือดพล่านก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

*อนึ่ง ขณะนี้การที่พรรคการเมืองน้อยใหญ่พากันละเมิดคำพิพากษาของศาลปฏิบัติการทั้งทางตรงทางอ้อมขัดกับรัฐธรรมนูญ กฎหมายพรรคการเมือง และกฎหมายเลือกตั้ง ต้องนับเป็นการกระทำผิดกฎหมายที่สำเร็จแล้ว จะงุบงิบปิดบังปล่อยไปเลยตามเลยหาได้ไม่ เมื่อจำเป็นต้องมีการรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด พรรคเหล่านี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะเข้าร่วมการเลือกตั้ง หรือเข้าร่วมแล้วก็จะเป็นโมฆะทีหลัง จะทำให้เกิดการฟ้องร้อง ต่อต้านและขับเคี่ยวต่อสู้กันจนบ้านเมืองวุ่นวาย หนักยิ่งกว่าการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย 2 เมษายน 2549 อีก”

การประกาศความร่วมมือระหว่างพรรคพลังประชาชนกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนของนายจักรภพ เพ็ญแข นั้น หากใครไม่มีพื้นและไม่เข้าใจถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมืองต่างประเทศ คงจะเข้าใจได้ยากยิ่ง ผมขออธิบายเป็นข้อย่อยสั้นๆ ให้ท่านที่สนใจเอาไปศึกษาต่อดังนี้

3.1 ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนและเวียดนามนั้น ส่วนใหญ่ไม่ราบรื่นและบางครั้งถึงกับต้องต่อสู้กันด้วยอาวุธ พรรคคอมมิวนิสต์ไทยมีความสัมพันธ์กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนดีกว่า แต่ต้องอาศัยทางผ่านเวียดนามและลาวที่ใกล้ชิดกับพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต (ซึ่งหมดอำนาจแล้ว) ส่วนพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชานั้นใกล้ชิดพรรคจีน พรรคคอมมิวนิสต์ไทยที่ปฏิบัติการในอีสานใต้จึงยังคงสัมพันธ์กับคอมมิวนิสต์จีนได้ดีกว่าส่วนอื่น ทั้งๆ ที่จีนได้สัญญากับไทยว่าจะงดความช่วยเหลือใดๆ แก่พรรคคอมมิวนิสต์ไทย

3.2 พลพรรคของพรรคคอมมิวนิสต์ไทยรวมทั้งกองกำลังปลดอาวุธจากอีสานใต้เข้าร่วมเป็นกองกำลังจัดตั้งสยบฝ่ายตรงกันข้ามให้กับพรรคไทยรักไทยหลายครั้งในนามองค์กรบังหน้าต่างๆ เช่น สหพันธ์ชาวนาภายใต้การนำของคำตา เป็นต้น บุคคลเหล่านี้มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้นำระดับสูงของพรรคไทยรักไทยที่ออกมาจากป่า

3.3 ความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการโดยตรงของผู้นำพรรคไทยรักไทยหรือผ่านพลเอกชวลิตไปสู่พรรคจีนก็ดี น่าจะมีความราบรื่นต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากการเชิญนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาฯ ไปบรรยายในโรงเรียนการเมืองชั้นสูงของพรรคจีน แต่ทั้งนี้จะหมายความว่าพรรคจีนกับพรรคไทยใดๆ จะมีสัญญาร่วมมือกันโค่นล้มรัฐบาลหรือระบบการปกครองไทยก็หาไม่ แต่ความสัมพันธ์และการใช้นายเหยินปิน ในทางที่ล่อแหลมต่อการขัดกฎหมายพรรคการเมืองของไทยคงมีอยู่โดยตลอด

3.4 กฎหมายพรรคการเมืองไทยและกกต.เป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย และเป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างพรรคการเมืองประชาธิปไตย พรรคการเมืองประชาธิปไตยในประเทศต่างๆ นั้นมีความสัมพันธ์และช่วยเหลือกันผ่านองค์กรหรือสมาคมกลาง แบ่งกันตามฐานอุดมการณ์ของพรรคนั้นๆ ที่มีอยู่ 3 กระแสหลัก คือ 1. Socialist International สำหรับพรรค Labour และ Social Democrat ของอังกฤษ สวีเดน เดนมาร์ก เป็นต้น และ 2.Conservative Union คือพรรคอนุรักษนิยมต่างๆ รวมทั้งของอังกฤษ กับ 3. Liberal International คือพรรคแนวทางเสรีนิยมของญี่ปุ่น ยุโร และอเมริกา พรรคของลีกวนยู เคยสังกัด Socialist International แต่ถูกขับออกข้อกล่าวหาเป็นเผด็จการพรรคเดียว พรรคการเมืองของไทยไม่สามารถเข้าสังกัดหรือสัมพันธ์กับสมาคมใดเลย เพราะพรรคการเมืองไทยด้อยพัฒนา มีลักษณะเป็นเพียงแก๊งเลือกตั้งชั่วคราวแต่ละสมัยหรือ 2-3 สมัยเลือกตั้งเท่านั้น

4. สำหรับพรรคคอมมิวนิสต์นั้นมีอยู่ 2 ระบบ คือระบบเผด็จการพรรคเดียว ซึ่งขณะนี้เหลืออยู่เพียง 5 ประเทศ กับคอมมิวนิสต์ในระบบการเมืองหลายพรรค เช่น อังกฤษ สวีเดน เดนมาร์ก อิตาลี ฝรั่งเศส ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้นมีพรรคคอมมิวนิสต์ทุกประเทศ แต่ไม่เคยมีอำนาจเพราะพ่ายแพ้การเลือกตั้งที่มีพรรค Labour และ Social Democratเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

5. เพราะพรรคไทยรักไทยประกาศอย่างเปิดเผยว่าสนับสนุนระบบพรรคเดียว จึงมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ระบบพรรคเดียวของพรรคไทยรักไทย เป็นการรวมตัวกันระหว่างทุนนิยมสามานย์กับเผด็จการพรรคเดียว จริงหรือไม่จริง ดีหรือไม่ดี ผมขอให้เป็นหน้าที่ของนักวิชาการ สื่อ และประชาชนวินิจฉัยเอาเอง

6. ผมขอเสนอ 2 เว็บไซต์ ซึ่งมิใช่เว็บปลุกผีหรือต่อต้านคอมมิวนิสต์ แต่เป็นเว็บของคณะผู้วิจัยติดตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองรอบโลก มีบุคลากร งบประมาณและวิธีการทำงานที่จริงจังน่าเชื่อถือ แต่สมควรที่เราจะเชื่อถือหรือไม่นั้น สุดแต่เราจะเอาอะไรมาเป็นหลักในการพิจารณา นั่นก็คือ

6.1 คือ http://once-upon-a-time-in-the west.blogspot.com/2008/03/red-world-nigerian-presidents-former.html

Country Profile Political Reclassifications

ซึ่งรายงานการเปลี่ยนแปลงของ 8 ประเทศที่กลายเป็นหรือกำลังจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์ อันมีประเทศไทยของเราอยู่ในอันดับ 8 พร้อมกับบรรยายว่า

Thailand: In December 2007 the People’s Power Party won the parliamentary election. The PPP and its predecessor, the banned Thai Rak Thai Party, contain former cadres of the Communist Party of Thailand at the highest levels of party and government. ธันวาคม 2007 พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง พปช.และพรรคดั้งเดิมคือไทยรักไทย ประกอบด้วยสหายระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ไทยอยู่ในระดับสูงสุดของพรรคและของรัฐบาล

6.2 www.red+world+2008+copy ซึ่งนำประเทศไทยไปอยู่ในแผนที่สีแดง มีคำบรรยายว่า Communist government, overt or covert, sole party, in coalition, or communist infiltrated mainstream party แปลว่า รัฐบาลคอมมิวนิสต์ เปิดเผยหรือปิดบัง พรรคเดี่ยวหรือรัฐบาลผสม หรือพรรคกระแสหลักที่ถูกคอมมิวนิสต์แทรกซึม

ทั้งหมดนี้ ถ้าจะถามผมว่าจริงหรือไม่ ผมเชื่อหรือไม่ ผมขอสงวนคำตอบไว้ก่อน ผมเคยเชื่อตรงกันข้ามกับคนไทยที่เดินตามก้นอเมริกันพากันหวาดกลัวทฤษฎีดอมิโน จนกระทั่งฆ่าคนไทยด้วยกันตายเป็นเบือ

ทางที่ดีลองถามพ.ต.ท.ทักษิณ และสหายในพรรคพลังประชาชนดูก่อนจะดีกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น