"หมัก" ตะแบงย้าย "ชัยยะ" เป็นเรื่องของรัฐบาลเก่า ไม่รู้จะร้องแรกแหกอะไร ประกาศลั่นกลางสภา เตรียมย้ายข้าราชการอีกกระบิใหญ่ 2 เม.ย.นี้ ซัดสื่อเลิกประโคมข่าวพันธมิตรฯ ได้แล้ว ระบุเป็นเรื่องน่าอายที่ใครจะไปร่วมกิจกรรมในวันที่ 28 มี.ค. อ้างไม่สนับสนุนม็อบชนม็อบ แต่ลิ่วล้อยังยืนยันจะเดินหน้าท้าชนพันธมิตรฯ
ในการประชุมสภาผู้แทนราฎรเมื่อวานนี้ (20 มี.ค.)ได้มีการพิจารณากระทู้ถามสดของนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรมช.มหาดไทย เงา โดยถามนายกรัฐมนตรีเรื่องการโยกย้ายข้าราชการตำรวจโดยเฉพาะกรณี พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธุ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และพ.ต.อ.สุวรรณ เอกโพธิ์ รอง ผบก.ส.1 ไปช่วยราชการ ที่ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จ.ยะลา (ศปก.ตร.สน.) แบบไม่มีกำหนด
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.ต.ชัยยะได้เคยปฎิบัติหน้าที่ในคดีทุจริตการเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่อกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งการย้ายครั้งนี้อยู่ในความสนใจของประชาชนเป็นอย่างมาก เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของข้าราชการตำรวจอย่างกว้างขวางเนื่องจากมิได้เป็นการย้ายตามความเหมาะสมอย่างที่กล่าวอ้าง จึงขอถามว่า การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ไปเกี่ยวบุคคลในคดีนี้ รัฐบาลต้องการให้ข้าราชการทำงานดีเด่นสยบในอำนาจหรือข้าราชการที่ทำงานสุจริตเกรงกลัว หรือต้องการแก้แค้น
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้แจงว่า การโยกย้ายตำรวจ ไม่อยากบอกตนทำเอง แต่ข้าราชการตำรวจที่ถูกย้ายนั้น เมื่อ พ.ศ.2550 วันที่ 17 ต.ค.50 ตอนนั้นพรรคพลังประชาชน ยังไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ยังไม่ได้มีการเลือกตั้ง โดยรัฐบาลที่แล้วก็ย้ายตำรวจ และพวก 8 คนไปทำงานที่ภาคใต้ เสร็จแล้วก็ไม่รู้นึกอะไร ก็ย้ายไปทำงานนี้ พอเสร็จงานก็ย้ายกลับไปทำงานเดิมแล้วจะมาร้องแรกแหก อะไรกัน
นายถาวร กล่าวต่อว่า การเรียกร้องแหกกะเฌอ ก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เมื่อนายกฯได้แถลงนโยบายไว้ว่า จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ เราก็อยากเห็นการสร้างความปรองดองจากนายกฯ ในการเสริมสร้างจริยธรรม คุณธรรม เพราะทุกครั้งที่มีการย้ายที่ไม่เป็นธรรม รัฐบาลมักอ้างว่า ทีรัฐบาลอื่นไม่มีการพูด ที่สำคัญรัฐบาลมักอ้างว่า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และมีอำนาจในการย้าย เกรงว่าข้าราชการที่สุจริตจะเสียกำลังใจ แต่ที่สำคัญการแก้ปัญหาดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่สร้างความสมานฉันท์ จึงอยากถามว่า อีกหลายคนจะถูกโยกย้ายอีกหรือไม่ จากการลุแก่อำนาจของรัฐบาล
"ผมจะย้ายอีกมาก ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ จะย้ายอีกกระบิใหญ่ การโยกย้ายข้าราชการของรัฐบาล ทำด้วยเหตุผลที่เหมาะสม และตอบคำถามได้ ส่วนกรณีที่สมาชิกถามนั้น ไม่ทราบทำไม เมื่อมีคำสั่งโยกย้าย เมื่อวันที่ 17 ต.ค.50 ซึ่งก็เป็นการพรากลูกพรากเมียเขา ทำไมถึงไม่ร้องเรียน แต่นี่รัฐบาลไม่ได้ออกคำสั่งใหม่ แต่ใช้คำสั่งเดิมกลับมีปัญหา"
นอกจากนี้นายสมัคร ยังได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ในสัปดาห์หน้า วันพุธและพฤหัสบดี ไม่สามารถร่วมประชุมได้ เพราะติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ ทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนฯ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดี ที่สภาได้รับความร่วมมือด้วยดีจากนายกรัฐมนตรีในการมาตอบกระทู้ในสภา แต่อยากบอกว่า สภาเรามีสมัยประชุมสภาชัดเจน ถ้าเป็นไปได้ การจัดภารกิจไปต่างประเทศ ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ตรงกับภารกิจของการทำหน้าที่ของการประชุมสภาด้วย
**อ้างสัมนาพันธมิตรฯ เรื่องน่าอาย
ในวันเดียวกันนี้ นายสมัคร ยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงการสัมมนาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 28 มี.ค. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า ถ้าผู้สื่อข่าวรักบ้านเมืองก็อย่าประโคมข่าวเรื่องนี้ เพราะถ้าประโคมมาก เขาก็เคลื่อนไหวมาก แต่ตนคิดว่าคงไม่มีอะไร คนที่ไปร่วมจะต้องรู้แล้วว่า ทำอย่างนั้นเพื่ออะไร เพราะบ้านเมืองก็เพิ่งเปลี่ยนมาได้เดือนกว่าๆ คนที่คิดจะทำเช่นนั้นเขาคงอาย แต่คนที่จัดคงไม่อาย แต่คนที่จะไปร่วมต่อไปนี้คงอาย ถ้าสมมติว่าจะต้องชุมนุมกับเขาแล้วจะตอบคนที่บ้านอย่างไร ถ้าไปเจอเพื่อน ก็ถามว่าไปทำไม คนไทยส่วนใหญ่คิดอย่างนี้ ถ้ามันเป็นเหตุเป็นผล หรือสุกงอมจริงๆ มันปลิดจากขั้วได้ ถ้ามันยังห่ามอยู่ แล้วจะไปปลิดได้อย่างไร
เมื่อถามว่า คนของพรรคพลังประชาชน ก็ประกาศจะเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน นายสมัคร กล่าวว่า พรรคพลังประชาชนไม่สนับสนุนเรื่องนี้ แต่สิทธิตามประชาธิปไตย เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า พรรคไม่มีนโยบายที่จะสนับสนุนให้มีการจัดม็อบชนม็อบ คือห้ามอยู่แล้ว แต่เท่าที่ดูก็ไม่เห็น ส.ส.มีปฏิกิริยาอะไรที่ก่อให้เกิดม็อบชนม็อบ และได้ถาม ส.ส.หลายท่านก็ไม่มีใครจะไปทำอะไรที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
เมื่อถามว่า ส.ส.อ้างว่าเป็นสิทธิและออกมาเคลื่อนไหว พรรคจะมีมติหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่าพรรคยืนยันแล้วไม่สนับสนุนในเรื่องดังกล่าว แต่เรื่องสิทธิส่วนตัวเราคงแทรกแซงไม่ได้
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าไม่มีการจัดมวลชนไปกดดันพันธมิตร และหากมี เราก็ได้ตักเตือนกันมาตลอดเราไม่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดการเผชิญหน้ากัน เพราะในกรณีของนายนที สุทินเผือก หรือ กรุง ศรีวิไล ส.ส.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชาชน ก็ได้ออกมายืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่า จะไม่มีการกระทำแบบนี้อย่างแน่นอน
**ประชายันเดินหน้าชนพันธมิตรฯ
ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ในฐานะ กลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย กล่าวถึง กรณีทีแกนนำพรรคพลังประชาชนไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อคัดค้านกิจกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะเกรงว่าจะนำไปสู่การเผชิญหน้า ว่า ตนยังยืนยันในหลักการเดิม เพราะถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถกระทำได้ โดยจะแถลงเปิดตัวพร้อมออกแถลงการณ์ แสดงจุดยืน และวัตถุประสงค์ของการตั้งกลุ่มอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 26 มี.ค. เวลา 09.30 น. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ และจะขับเคลื่อนกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ภายใต้หัวข้อ "เวทีคู่ขนาน สร้างสรรค์สังคม" ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 28 มี.ค.จากนั้นจะจัดเวทีสัญจรทั่วประเทศ เพื่อสะท้อนให้สังคมเห็นว่า กลุ่มพันธมิตรฯไม่เคารพสิทธิประชาชน และกติกา รวมทั้งจะชี้ให้ประชาชนเห็นที่มาที่ไปของการชุมนุมภาค 2 ของกลุ่มพันธมิตรฯ และภูมิหลัง ตลอดจนทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมากของแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯบางคน
อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการพาดพิง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ รวมทั้ง คมช.
**ทหารไม่ห่วงเหตุบานปลาย
พล.ท. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการสัมมนาของพันธมิตรฯ และการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ในวันที่ 28 มี.ค. ว่า ไม่มีอะไรที่ต้อห่วง เพราะสถานการณ์ตนคิดว่าน่าจะเรียบร้อยดี ประชาชนก็เข้าใจ
ส่วนที่หลายคนออกมาเป็นห่วงการจัดม็อบชนม็อบ เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบ และอย่าเพิ่งไปพูดก่อน เพราะอาจจะไม่มีก็ได้ และไม่เกรงว่าเหตุการณ์จะบานปลาย ทหารจะออกมาหรือไม่ อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการ ทั้งนี้ ทหารพร้อมที่จะดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน
ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเวลา แต่ไม่ได้ซีเรียส เรื่องนี้ เพราะเรามีการพูดคุยกับตำรวจอยู่แล้ว อย่าไปให้ความสำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้น
***'พันธมิตรสงขลา' จัดทัพเข้ากรุง
นายเอกชัย อิสระทะ ผู้ประสานงานพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า แกนนนำพันธมิตรสงขลาได้ประชุมหารือกันมาหลายระลอกแล้ว ทั้งอย่างเป็นทางการที่เป็นที่มีแกนนำจากหลายเครือข่ายเข้าร่วมและอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งขณะนี้เป็นที่ตกลงกันแล้วว่า พันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย จะเดินหน้าทำงานการเมืองภาคประชาชนและจะเป็นมิตรร่วมรบกับ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในส่วนกลางด้วยอย่างแน่นอน
โดยในวันที่ 28 ม.ค.นี้ ซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มอบหมายให้ มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน จัดรายการ ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมีการเชิญชวนประชาชนจากทั่วประเทศเข้าร่วม อีกทั้งมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ด้วยนั้น พันธมิตรสงขลาก็ได้มีการจัดทัพเพื่อรองรับในเรื่องนี้แล้ว ทั้งในรูปของการส่งตัวแทนนำชาวสงขลาเข้าร่วมกิจกรรมที่กรุงเทพฯ และเครือข่ายในพื้นที่จัดถ่ายทอดสดให้กับประชาชนชาวสงขลาได้ชม
ในส่วนของการนำชาวสงขลาเข้าร่วมสัมมนายามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันที่ 28 มี.ค.นั้น ได้มอบหมายให้แกนนำพันธมิตรสงขลาเป็นอย่างน้อย 2-3 คนเป็นแกนหลักนำคณะเดินทางไป อาทิ นายอติวัณณ์ ปานเพ็ชร นายเอกสิทธิ์ เบญจสุตะณรงค์ เป็นต้น ซึ่งลักษณะการเดินทางไปนั้นมีทั้งกลุ่มที่เดินทางไปเอง หรือต่างคนต่างไป กับที่จะร่วมเดินทางไปเป็นคณะด้วยกัน แล้วจากนั้นก็จะไปพบและรวมตัวกันบริเวณหน้าเวทีในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
"ตอนนี้ผมก็กำลังติดต่อพี่น้องพันธมิตรทั้งในหาดใหญ่และสงขลาว่าจะมีใครไปบ้าง ใครจะไปเองหรือจะร่วมคณะกับเรา ก็ประมาณการไว้ว่าในส่วนคณะเราถ้าคนไม่มากก็อาจจะไปด้วยรถตู้ หรือหากมีมากก็เป็นรถบัสหรือไม่ก็รถไฟ ในนามพันธมิตรสงขลาเราจะมีธงใหญ่สีส้มตัวอักษรดำที่ทำขึ้นมาใหม่โบกสะบัด ใครที่แยกย้ายกันไปเองก็คอยสังเกตว่าธงสีส้มโบกอยู่มุมไหนของเวทีเพื่อที่จะไปร่วมกันในนามพันธมิตรสงขลา" นายอติวัณณ์กว่า
สำหรับการจัดกิจกรรมถ่ายทอดสด ASTV รายการยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ เพื่อให้ชาวสงขลาที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมสัมมนาที่กรุงเทพฯได้ ได้มีโอกาสมารวมตัวกันเพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารและแสดงพลังการเมืองภาคประชาชนนั้น ขณะนี้มีแผนจะตั้งจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ 2 จุดคือ จุดแรกบริเวณลานการเมืองภาคประชาชนหน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่ กับอีกจุดคือที่ห้องเรียนวิทยาลัยวันศุกร์ ห้อง E 105 คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (มอ.หาดใหญ่) ใครสะดวกที่ได้ก็ไปที่นั่น
"อยากชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวหาดใหญ่-สงขลาออกมาร่วมชมการถ่ายทอดสดใน 2 จุดดังกล่าว มากกว่าที่จะนั่งจมปลักชมอยู่ที่บ้านแบบเหงาๆ เพราะการมารวมตัวกันนอกจากจะเป็นกิจกรรมการเมืองภาคประชาชนแล้ว เรายังไม้มีโอกาสเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อให้ได้รับข้อมูลข่าวสารเท่าเทียมกันด้วย หลายคนอึดอัด ขัดข้อง หมองขุ่น กับสถานการณ์ความอึมครึมของชาติบ้านเมือง เรามาเจอกันก็จะได้คลายความรู้สึกเหล่านี้ลงไปบ้าง อยากเรียนเชิญนะครับ" นายเอกชัยกล่าวและว่า
สำหรับจุดถ่ายทอด ณ ลานการเมืองภาคประชาชนหน้าสถานีรถไฟนั้น ตั้งแต่ประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 28 มี.ค.จะมีการตั้งโทรทัศน์ให้ได้ชมกันก่อน พร้อมๆ กับถ่ายทอดเสียงให้ประชาชนทั่วบริเวณได้ฟัง จากนั้นเมื่อสามารถส่งภาพขึ้นจอโปรเจกเตอร์ได้ก็จะดำเนินการทันทีจนจบรายการ ซึ่งช่วงตลอดสัปดาห์หน้านี้จะมีการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบให้ชาวหาดใหญ่-สงขลาได้รับทราบว่าพันธมิตรจะมีการจัดกิจกรรมอะไรบ้าง คาดว่าจะมีคนเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 200-300 คนแน่นอน.
ในการประชุมสภาผู้แทนราฎรเมื่อวานนี้ (20 มี.ค.)ได้มีการพิจารณากระทู้ถามสดของนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรมช.มหาดไทย เงา โดยถามนายกรัฐมนตรีเรื่องการโยกย้ายข้าราชการตำรวจโดยเฉพาะกรณี พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธุ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และพ.ต.อ.สุวรรณ เอกโพธิ์ รอง ผบก.ส.1 ไปช่วยราชการ ที่ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จ.ยะลา (ศปก.ตร.สน.) แบบไม่มีกำหนด
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.ต.ชัยยะได้เคยปฎิบัติหน้าที่ในคดีทุจริตการเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่อกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งการย้ายครั้งนี้อยู่ในความสนใจของประชาชนเป็นอย่างมาก เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของข้าราชการตำรวจอย่างกว้างขวางเนื่องจากมิได้เป็นการย้ายตามความเหมาะสมอย่างที่กล่าวอ้าง จึงขอถามว่า การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ไปเกี่ยวบุคคลในคดีนี้ รัฐบาลต้องการให้ข้าราชการทำงานดีเด่นสยบในอำนาจหรือข้าราชการที่ทำงานสุจริตเกรงกลัว หรือต้องการแก้แค้น
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้แจงว่า การโยกย้ายตำรวจ ไม่อยากบอกตนทำเอง แต่ข้าราชการตำรวจที่ถูกย้ายนั้น เมื่อ พ.ศ.2550 วันที่ 17 ต.ค.50 ตอนนั้นพรรคพลังประชาชน ยังไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ยังไม่ได้มีการเลือกตั้ง โดยรัฐบาลที่แล้วก็ย้ายตำรวจ และพวก 8 คนไปทำงานที่ภาคใต้ เสร็จแล้วก็ไม่รู้นึกอะไร ก็ย้ายไปทำงานนี้ พอเสร็จงานก็ย้ายกลับไปทำงานเดิมแล้วจะมาร้องแรกแหก อะไรกัน
นายถาวร กล่าวต่อว่า การเรียกร้องแหกกะเฌอ ก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เมื่อนายกฯได้แถลงนโยบายไว้ว่า จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ เราก็อยากเห็นการสร้างความปรองดองจากนายกฯ ในการเสริมสร้างจริยธรรม คุณธรรม เพราะทุกครั้งที่มีการย้ายที่ไม่เป็นธรรม รัฐบาลมักอ้างว่า ทีรัฐบาลอื่นไม่มีการพูด ที่สำคัญรัฐบาลมักอ้างว่า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และมีอำนาจในการย้าย เกรงว่าข้าราชการที่สุจริตจะเสียกำลังใจ แต่ที่สำคัญการแก้ปัญหาดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่สร้างความสมานฉันท์ จึงอยากถามว่า อีกหลายคนจะถูกโยกย้ายอีกหรือไม่ จากการลุแก่อำนาจของรัฐบาล
"ผมจะย้ายอีกมาก ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ จะย้ายอีกกระบิใหญ่ การโยกย้ายข้าราชการของรัฐบาล ทำด้วยเหตุผลที่เหมาะสม และตอบคำถามได้ ส่วนกรณีที่สมาชิกถามนั้น ไม่ทราบทำไม เมื่อมีคำสั่งโยกย้าย เมื่อวันที่ 17 ต.ค.50 ซึ่งก็เป็นการพรากลูกพรากเมียเขา ทำไมถึงไม่ร้องเรียน แต่นี่รัฐบาลไม่ได้ออกคำสั่งใหม่ แต่ใช้คำสั่งเดิมกลับมีปัญหา"
นอกจากนี้นายสมัคร ยังได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ในสัปดาห์หน้า วันพุธและพฤหัสบดี ไม่สามารถร่วมประชุมได้ เพราะติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ ทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนฯ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดี ที่สภาได้รับความร่วมมือด้วยดีจากนายกรัฐมนตรีในการมาตอบกระทู้ในสภา แต่อยากบอกว่า สภาเรามีสมัยประชุมสภาชัดเจน ถ้าเป็นไปได้ การจัดภารกิจไปต่างประเทศ ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ตรงกับภารกิจของการทำหน้าที่ของการประชุมสภาด้วย
**อ้างสัมนาพันธมิตรฯ เรื่องน่าอาย
ในวันเดียวกันนี้ นายสมัคร ยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงการสัมมนาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 28 มี.ค. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า ถ้าผู้สื่อข่าวรักบ้านเมืองก็อย่าประโคมข่าวเรื่องนี้ เพราะถ้าประโคมมาก เขาก็เคลื่อนไหวมาก แต่ตนคิดว่าคงไม่มีอะไร คนที่ไปร่วมจะต้องรู้แล้วว่า ทำอย่างนั้นเพื่ออะไร เพราะบ้านเมืองก็เพิ่งเปลี่ยนมาได้เดือนกว่าๆ คนที่คิดจะทำเช่นนั้นเขาคงอาย แต่คนที่จัดคงไม่อาย แต่คนที่จะไปร่วมต่อไปนี้คงอาย ถ้าสมมติว่าจะต้องชุมนุมกับเขาแล้วจะตอบคนที่บ้านอย่างไร ถ้าไปเจอเพื่อน ก็ถามว่าไปทำไม คนไทยส่วนใหญ่คิดอย่างนี้ ถ้ามันเป็นเหตุเป็นผล หรือสุกงอมจริงๆ มันปลิดจากขั้วได้ ถ้ามันยังห่ามอยู่ แล้วจะไปปลิดได้อย่างไร
เมื่อถามว่า คนของพรรคพลังประชาชน ก็ประกาศจะเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน นายสมัคร กล่าวว่า พรรคพลังประชาชนไม่สนับสนุนเรื่องนี้ แต่สิทธิตามประชาธิปไตย เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า พรรคไม่มีนโยบายที่จะสนับสนุนให้มีการจัดม็อบชนม็อบ คือห้ามอยู่แล้ว แต่เท่าที่ดูก็ไม่เห็น ส.ส.มีปฏิกิริยาอะไรที่ก่อให้เกิดม็อบชนม็อบ และได้ถาม ส.ส.หลายท่านก็ไม่มีใครจะไปทำอะไรที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
เมื่อถามว่า ส.ส.อ้างว่าเป็นสิทธิและออกมาเคลื่อนไหว พรรคจะมีมติหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่าพรรคยืนยันแล้วไม่สนับสนุนในเรื่องดังกล่าว แต่เรื่องสิทธิส่วนตัวเราคงแทรกแซงไม่ได้
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าไม่มีการจัดมวลชนไปกดดันพันธมิตร และหากมี เราก็ได้ตักเตือนกันมาตลอดเราไม่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดการเผชิญหน้ากัน เพราะในกรณีของนายนที สุทินเผือก หรือ กรุง ศรีวิไล ส.ส.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชาชน ก็ได้ออกมายืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่า จะไม่มีการกระทำแบบนี้อย่างแน่นอน
**ประชายันเดินหน้าชนพันธมิตรฯ
ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ในฐานะ กลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย กล่าวถึง กรณีทีแกนนำพรรคพลังประชาชนไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อคัดค้านกิจกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะเกรงว่าจะนำไปสู่การเผชิญหน้า ว่า ตนยังยืนยันในหลักการเดิม เพราะถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถกระทำได้ โดยจะแถลงเปิดตัวพร้อมออกแถลงการณ์ แสดงจุดยืน และวัตถุประสงค์ของการตั้งกลุ่มอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 26 มี.ค. เวลา 09.30 น. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ และจะขับเคลื่อนกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ภายใต้หัวข้อ "เวทีคู่ขนาน สร้างสรรค์สังคม" ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 28 มี.ค.จากนั้นจะจัดเวทีสัญจรทั่วประเทศ เพื่อสะท้อนให้สังคมเห็นว่า กลุ่มพันธมิตรฯไม่เคารพสิทธิประชาชน และกติกา รวมทั้งจะชี้ให้ประชาชนเห็นที่มาที่ไปของการชุมนุมภาค 2 ของกลุ่มพันธมิตรฯ และภูมิหลัง ตลอดจนทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมากของแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯบางคน
อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการพาดพิง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ รวมทั้ง คมช.
**ทหารไม่ห่วงเหตุบานปลาย
พล.ท. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการสัมมนาของพันธมิตรฯ และการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ในวันที่ 28 มี.ค. ว่า ไม่มีอะไรที่ต้อห่วง เพราะสถานการณ์ตนคิดว่าน่าจะเรียบร้อยดี ประชาชนก็เข้าใจ
ส่วนที่หลายคนออกมาเป็นห่วงการจัดม็อบชนม็อบ เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบ และอย่าเพิ่งไปพูดก่อน เพราะอาจจะไม่มีก็ได้ และไม่เกรงว่าเหตุการณ์จะบานปลาย ทหารจะออกมาหรือไม่ อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการ ทั้งนี้ ทหารพร้อมที่จะดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน
ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเวลา แต่ไม่ได้ซีเรียส เรื่องนี้ เพราะเรามีการพูดคุยกับตำรวจอยู่แล้ว อย่าไปให้ความสำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้น
***'พันธมิตรสงขลา' จัดทัพเข้ากรุง
นายเอกชัย อิสระทะ ผู้ประสานงานพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า แกนนนำพันธมิตรสงขลาได้ประชุมหารือกันมาหลายระลอกแล้ว ทั้งอย่างเป็นทางการที่เป็นที่มีแกนนำจากหลายเครือข่ายเข้าร่วมและอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งขณะนี้เป็นที่ตกลงกันแล้วว่า พันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย จะเดินหน้าทำงานการเมืองภาคประชาชนและจะเป็นมิตรร่วมรบกับ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในส่วนกลางด้วยอย่างแน่นอน
โดยในวันที่ 28 ม.ค.นี้ ซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มอบหมายให้ มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน จัดรายการ ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมีการเชิญชวนประชาชนจากทั่วประเทศเข้าร่วม อีกทั้งมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ด้วยนั้น พันธมิตรสงขลาก็ได้มีการจัดทัพเพื่อรองรับในเรื่องนี้แล้ว ทั้งในรูปของการส่งตัวแทนนำชาวสงขลาเข้าร่วมกิจกรรมที่กรุงเทพฯ และเครือข่ายในพื้นที่จัดถ่ายทอดสดให้กับประชาชนชาวสงขลาได้ชม
ในส่วนของการนำชาวสงขลาเข้าร่วมสัมมนายามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันที่ 28 มี.ค.นั้น ได้มอบหมายให้แกนนำพันธมิตรสงขลาเป็นอย่างน้อย 2-3 คนเป็นแกนหลักนำคณะเดินทางไป อาทิ นายอติวัณณ์ ปานเพ็ชร นายเอกสิทธิ์ เบญจสุตะณรงค์ เป็นต้น ซึ่งลักษณะการเดินทางไปนั้นมีทั้งกลุ่มที่เดินทางไปเอง หรือต่างคนต่างไป กับที่จะร่วมเดินทางไปเป็นคณะด้วยกัน แล้วจากนั้นก็จะไปพบและรวมตัวกันบริเวณหน้าเวทีในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
"ตอนนี้ผมก็กำลังติดต่อพี่น้องพันธมิตรทั้งในหาดใหญ่และสงขลาว่าจะมีใครไปบ้าง ใครจะไปเองหรือจะร่วมคณะกับเรา ก็ประมาณการไว้ว่าในส่วนคณะเราถ้าคนไม่มากก็อาจจะไปด้วยรถตู้ หรือหากมีมากก็เป็นรถบัสหรือไม่ก็รถไฟ ในนามพันธมิตรสงขลาเราจะมีธงใหญ่สีส้มตัวอักษรดำที่ทำขึ้นมาใหม่โบกสะบัด ใครที่แยกย้ายกันไปเองก็คอยสังเกตว่าธงสีส้มโบกอยู่มุมไหนของเวทีเพื่อที่จะไปร่วมกันในนามพันธมิตรสงขลา" นายอติวัณณ์กว่า
สำหรับการจัดกิจกรรมถ่ายทอดสด ASTV รายการยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ เพื่อให้ชาวสงขลาที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมสัมมนาที่กรุงเทพฯได้ ได้มีโอกาสมารวมตัวกันเพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารและแสดงพลังการเมืองภาคประชาชนนั้น ขณะนี้มีแผนจะตั้งจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ 2 จุดคือ จุดแรกบริเวณลานการเมืองภาคประชาชนหน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่ กับอีกจุดคือที่ห้องเรียนวิทยาลัยวันศุกร์ ห้อง E 105 คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (มอ.หาดใหญ่) ใครสะดวกที่ได้ก็ไปที่นั่น
"อยากชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวหาดใหญ่-สงขลาออกมาร่วมชมการถ่ายทอดสดใน 2 จุดดังกล่าว มากกว่าที่จะนั่งจมปลักชมอยู่ที่บ้านแบบเหงาๆ เพราะการมารวมตัวกันนอกจากจะเป็นกิจกรรมการเมืองภาคประชาชนแล้ว เรายังไม้มีโอกาสเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อให้ได้รับข้อมูลข่าวสารเท่าเทียมกันด้วย หลายคนอึดอัด ขัดข้อง หมองขุ่น กับสถานการณ์ความอึมครึมของชาติบ้านเมือง เรามาเจอกันก็จะได้คลายความรู้สึกเหล่านี้ลงไปบ้าง อยากเรียนเชิญนะครับ" นายเอกชัยกล่าวและว่า
สำหรับจุดถ่ายทอด ณ ลานการเมืองภาคประชาชนหน้าสถานีรถไฟนั้น ตั้งแต่ประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 28 มี.ค.จะมีการตั้งโทรทัศน์ให้ได้ชมกันก่อน พร้อมๆ กับถ่ายทอดเสียงให้ประชาชนทั่วบริเวณได้ฟัง จากนั้นเมื่อสามารถส่งภาพขึ้นจอโปรเจกเตอร์ได้ก็จะดำเนินการทันทีจนจบรายการ ซึ่งช่วงตลอดสัปดาห์หน้านี้จะมีการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบให้ชาวหาดใหญ่-สงขลาได้รับทราบว่าพันธมิตรจะมีการจัดกิจกรรมอะไรบ้าง คาดว่าจะมีคนเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 200-300 คนแน่นอน.