กกต.ชี้ชะตา "ชาติไทย-มัชฌิมาฯ" วันนี้ หลังอนุฯสอบสรุปสำนวนส่งถึงมือ เช่นเดียวกับคดีใบแดง กกต.เตรียมส่งศาลฎีกาฟัน "ยงยุทธ" วันนี้ ขณะที่ "ยุทธ ตู้เย็น" ยังดิ้นส่งทนายแจ้งความดำเนินคดี 3 กกต. แต่ กกต.ไม่สนเพราะมี กม.คุ้มครอง ยันวินิจฉัยถูกต้อง ส่วนกรณี พชป.เป็นนอมินี ทรท.อนุฯ สอบเผยไม่ได้เสนอให้ยกคำร้อง เหตุผลสอบชี้ชัดเป็นนอมินีจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า วานนี้ (17 มี.ค.) นายบุญทัน ดอกไธสง ประธานอนุกรรมการสอบสวนยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้นำเอกสารสรุปสำนวน 11 หน้ายื่นต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.
หลังการยื่นสำนวนการสอบสวน นายบุญทัน กล่าวว่า ได้ยื่นเอกสารผลสรุป การสอบสวนอย่างเป็นทางการให้กับ กกต. ซึ่งมั่นใจในเรื่องความสมบูรณ์ของ ผลการสอบสวน โดยนายอภิชาต ได้แสดงความยินดีที่คณะอนุกรรมการฯ ได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ ซึ่งหลังจากนี้ จะเป็นภาระหน้าที่ของ กกต.
"ผมรู้สึกว่าวันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ และคณะอนุกรรมการ ดีใจที่ทำหน้าที่อันหนักหน่วง และได้ใช้ดุลพินิจ หลักการ และเอกสารนำมาประกอบจำนวนมาก เพื่อเสนอ กกต.ในสิ่งที่ กกต.ต้องการ เชื่อว่า กกต. ทุกคนเมื่ออ่านแล้ว จะสามารถวินิจฉัยได้ทันที เพราะอนุกรรมการเขียนเป็นระบบ เริ่มด้วยการบอกที่มาของกฎหมาย ผู้นำเสนอ หลักฐาน และการอภิปรายของอนุกรรมการแต่ละคนว่า มีเจตนาเป็นอย่างไร ซึ่งจะทำให้ กกต.อ่านแล้วเข้าใจเจตนารมย์ กฎหมายมาตรา 103 พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว."
ส่วนการสอบสวนพยานบุคคล พยานเอกสารเพิ่มเติมนั้น คิดว่า อนุกรรมการฯ ทำสมบูรณ์แล้ว แต่หาก กกต.ต้องการทราบอะไรอนุกรรมการฯก็มีหน้าที่สนองตอบ แต่ยืนยันว่า สมบูรณ์ เพราะได้ใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการพิจารณา และน่าจะมีความชัดเจนแล้ว ส่วนมติที่ถูกเผยแพร่ออกไป ประธาน กกต. ก็บอกว่าข่าวเล็ดลอดออกไปบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่ามติ กกต.จะสวนทางมติคณะอนุกรรมการฯ นายบุญทัน กล่าวว่า ไว้วางใจ กกต. เพราะเป็นผู้ตัดสิน และด้วยวิจารญาณ คิดว่าจะตัดสินใจทางที่ถูกที่ควร และคณะอนุกรรมการฯ ไม่มีอะไรกังวลใจ และสิ่งที่ทำไปเพื่อ สร้างความเป็นธรรมให้กับชาติบ้านเมืองอยู่แล้ว
"กกต.จะวินิจฉัยเป็นแนวทางเดียวกับคณะอนุกรรมการหรือไม่ ตอบไม่ได้ เพราะ กกต.อาจพิจารณาลึกซึ้งกว่า หรือพิจารณาตามที่คณะอนุกรรมการฯ เสนอมาก็ได้ ส่วนตัวคิดว่าหาก กกต.อ่านแล้ว เรื่องจุดบกพร่องอาจมีอยู่บ้าง แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจ ของพวกเรา ที่มีการอ้างอิงกฎหมาย การกระทำ ระเบียบพรรคกำหนดไว้ เราทุกคน ที่ทำงานครั้งนี้ทำด้วยเจตนาที่เป็นกลาง เป็นธรรม และบริสุทธิ์ ทุกคนก็มุ่งหวังตั้งใจว่า ผู้กระทำความผิด ก็ย่อมได้รับความผิด แต่หากเขาไม่ได้กระทำผิดก็ไม่น่าจะได้รับความผิด"
กกต.ยื่นศาลฎีกาฟัน "ยงยุทธ" วันนี้
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงสำนวนความเห็นกกต. ที่ให้เพิกถอนสิทธิ (ใบแดง) นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทุจริตเลือกตั้งที่จ.เชียงรายไปยังศาลฎีกาว่า คงส่งสำนวนคำร้องดังกล่าวได้ในเข้าวันนี้ (18 มี.ค.) เนื่องจากขณะนี้กกต. กำลังดำเนินการในเรื่องเอกสารที่ประกอบไปด้วย คำร้อง ความเห็นของ กกต. และสำนวนการสอบสวนที่มีความหนากว่า 1,000 หน้า โดยจะต้องถ่ายเอกสารทั้งหมด 9 ชุด เบื้องต้นสำนักงาน กกต.ได้ระดมเครื่องถ่ายเอกสารแล้วอย่างไรก็ตามได้มีการประสานกับทางสำนักงานศาลฎีกาในเรื่องของการส่งสำนวนไว้แล้ว
ส่วนการพิจารณาเรื่องการยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยนั้น กกต.จะนำเข้าพิจารณามรวันนี้ (18 มี.ค.) หลังจากประธานคณะอนุกรรมการการ สอบสวนฯ ได้นำผลสรุปการสอบสวนมอบให้ประธาน กกต. แล้ว ทางประธาน ซึ่ง กกต.ก็ได้แจกให้กับ กกต.ทั้ง 5 คน เพื่อนำไปศึกษาก่อนลงมติ
นายสุทธิพล เปิดเผยด้วยว่าในการประชุม กกต.ในวันเดียวกันนี้ กกต.ได้รับรอง ผลการเลือกตั้งของนายธวัชชัย บุญมา ส.ว.นครนายก โดยให้มารับหนังสือรับรองในวันนี้ (18 มี.ค.) ส่วนที่เหลืออีก 5 จังหวัด จะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน
"ยุทธ ตู้เย็น" แจ้งความเอาผิด 3 กกต.
วันเดียวกันที่กองปราบปราม นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจ จากนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สิทธิศักดิ์ หล๋อโตน พงส. (สบ1) กลุ่มงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. พร้อมนายสุเมธ อุปนิสากร และนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ที่ลงมติให้ใบแดงนายยงยุทธ ในข้อหาร่วมกันหรือสมคบกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานกระทำการเพื่อแกล้ง ให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษทางอาญา
นอกจากนี้นายยงยุทธ ยังให้ทนายแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รอง ผบช.ส. ในข้อหา สนับสนุนเจ้าพนักงานในการกระทำความผิด และแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำตนเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจนั้น ตาม ป.อาญา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.
กกต.คาดอยู่แล้วไม่ใส่ใจถูกแจ้งความ
ด้าน นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. กล่าวว่าตนมึนเหมือนกันที่นายยงยุทธ แจ้งความร้องทุกข์กับ 3 กกต. ซึ่งหากจะฟ้องก็ต้องฟ้อง กกต.ทั้งคคณะ เพราะการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนสอบสวนก็เป็นมติของ กกต. อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของตน
ขณะที่ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า เบื้องต้นได้รายงาน ให้ที่ประชุม กกต. ได้รับทราบ และกกต.ก็ไม่ได้แสดงอาการวิตก หรือตกใจใดๆ เพราะได้คาดคิดไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ทีได้รับผลกระทบจากการลงมติของ กกต. ก็เคยฟ้องร้องในลักษณะเดียวกันมาก่อน หรือแม้กระทั่งไปร้องศาลปกครองก็มี
"เรื่องเช่นนี้ต้องแยกระหว่างเรื่องการปฏิบัติหน้าที่และการใช้ดุลพินิจ ในการวินิจฉัย อีกทั้ง กฎหมายก็ได้ให้ความคุ้มครอง กกต. ไว้ในมาตรา 29 ของ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. กรณีที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ซึ่งหากถ้ากังวลกับเรื่องนี้ต่อไปก็ไม่ต้องเป็นอันทำอะไร ส่วนทางฝ่ายสำนักงานก็จะช่วยเหลือ ด้านการสู้คดี โดยกกต. จะมอบอำนาจให้ สำนักกฎหมายและคดีเป็นผู้ดำเนินการต่อไป"
"สมชัย" โลเลถอนสมัคร ตลก.ศาล รธน.
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวว่า ตัดสินใจที่จะยื่นถอนการสมัครเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เร็ว ๆนี้ แต่ยังไม่กำหนดวัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะยื่นถอนก่อนที่จะมีการให้แสดงวิสัยทัศน์ ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจดังกล่าว เพราะต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจป้องกันข้อครหานินทาที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันศาลรัฐธรรมนูญ เพราะหากตนได้รับการคัดเลือก ให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจริงในอนาคต ก็จะถูกคนมองว่าตนมีอคติ ถึงแม้ความจริงจะไม่ได้มีอคติเลยก็ตาม
"ที่สำคัญการเคยทำหน้าที่เป็นกกต.มาก่อนแล้วจะไปทำหน้าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็อาจจจะเข้าลักษณะเหมือนการเป็นอัยการที่ชงเรื่อง แล้วยังไปเป็นศาลที่ตัดสินเรื่องที่ตัวเองชงเข้าไปเองอีก ก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง ซึ่งคาดว่าเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยต่อไปอาจมีบางเรื่องที่ส่งไปจาก กกต. เช่น กรณียุบพรรค จะทำให้คนอื่นมองว่าผมตามไปตัดสินเรื่องที่เคยดำเนินการอยู่ที่ กกต.อีก หรือกรณีที่จะมีการยื่นให้วินิจฉัยคุณสมบัติของนายสุเมธ อุปนิสากร"
นายสมชัย กล่าวยืนยันด้วยว่าจะยังทำหน้าที่เป็น กกต. ต่อไปและสามารถ ทำงานร่วมกับ กกต.ท่านอื่นได้ ส่วนการจะย้ายฝ่ายจากสืบสวนสอบสวนนั้นก็อาจเป็น เรื่องที่จะตามมาซึ่งเคยมีการพูดคุยกันมานานแล้ว
อนุฯ สอบนอมินีไม่ได้ให้ยกคำร้อง
แหล่งข่าวจาก กกต.เปิดเผยว่ากระแสข่าวที่ว่าคณะอนุกรรมการสอบสวน พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีนายไพฑูรย์ เนติโพธิ เป็นประธานฯได้สรุปผลการสอบสวนว่าพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทยจริง แต่ไม่มีกฎหมายเอาผิดได้นั้น ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
"อนุกรรมการท่านหนึ่งยอมรับว่า คณะอนุกรรมการฯสรุปผลสอบสวนว่า พรรคพลังประชรชนกระทำผิดเข้าข่ายเป็นนอมินีจริง แต่ไม่ได้ระบุว่าคณะอนุกรรมการฯ เสนอความเห็นให้ยกคำร้อง เนื่องจากอนุกรรมการคนที่ให้ข่าวถูก กกต. คนหนึ่งขอร้องว่าไม่ให้เปิดผลการสอบทั้งหมด และขอให้พูดเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น"แหล่งข่าว กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า วานนี้ (17 มี.ค.) นายบุญทัน ดอกไธสง ประธานอนุกรรมการสอบสวนยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้นำเอกสารสรุปสำนวน 11 หน้ายื่นต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.
หลังการยื่นสำนวนการสอบสวน นายบุญทัน กล่าวว่า ได้ยื่นเอกสารผลสรุป การสอบสวนอย่างเป็นทางการให้กับ กกต. ซึ่งมั่นใจในเรื่องความสมบูรณ์ของ ผลการสอบสวน โดยนายอภิชาต ได้แสดงความยินดีที่คณะอนุกรรมการฯ ได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ ซึ่งหลังจากนี้ จะเป็นภาระหน้าที่ของ กกต.
"ผมรู้สึกว่าวันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ และคณะอนุกรรมการ ดีใจที่ทำหน้าที่อันหนักหน่วง และได้ใช้ดุลพินิจ หลักการ และเอกสารนำมาประกอบจำนวนมาก เพื่อเสนอ กกต.ในสิ่งที่ กกต.ต้องการ เชื่อว่า กกต. ทุกคนเมื่ออ่านแล้ว จะสามารถวินิจฉัยได้ทันที เพราะอนุกรรมการเขียนเป็นระบบ เริ่มด้วยการบอกที่มาของกฎหมาย ผู้นำเสนอ หลักฐาน และการอภิปรายของอนุกรรมการแต่ละคนว่า มีเจตนาเป็นอย่างไร ซึ่งจะทำให้ กกต.อ่านแล้วเข้าใจเจตนารมย์ กฎหมายมาตรา 103 พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว."
ส่วนการสอบสวนพยานบุคคล พยานเอกสารเพิ่มเติมนั้น คิดว่า อนุกรรมการฯ ทำสมบูรณ์แล้ว แต่หาก กกต.ต้องการทราบอะไรอนุกรรมการฯก็มีหน้าที่สนองตอบ แต่ยืนยันว่า สมบูรณ์ เพราะได้ใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการพิจารณา และน่าจะมีความชัดเจนแล้ว ส่วนมติที่ถูกเผยแพร่ออกไป ประธาน กกต. ก็บอกว่าข่าวเล็ดลอดออกไปบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่ามติ กกต.จะสวนทางมติคณะอนุกรรมการฯ นายบุญทัน กล่าวว่า ไว้วางใจ กกต. เพราะเป็นผู้ตัดสิน และด้วยวิจารญาณ คิดว่าจะตัดสินใจทางที่ถูกที่ควร และคณะอนุกรรมการฯ ไม่มีอะไรกังวลใจ และสิ่งที่ทำไปเพื่อ สร้างความเป็นธรรมให้กับชาติบ้านเมืองอยู่แล้ว
"กกต.จะวินิจฉัยเป็นแนวทางเดียวกับคณะอนุกรรมการหรือไม่ ตอบไม่ได้ เพราะ กกต.อาจพิจารณาลึกซึ้งกว่า หรือพิจารณาตามที่คณะอนุกรรมการฯ เสนอมาก็ได้ ส่วนตัวคิดว่าหาก กกต.อ่านแล้ว เรื่องจุดบกพร่องอาจมีอยู่บ้าง แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจ ของพวกเรา ที่มีการอ้างอิงกฎหมาย การกระทำ ระเบียบพรรคกำหนดไว้ เราทุกคน ที่ทำงานครั้งนี้ทำด้วยเจตนาที่เป็นกลาง เป็นธรรม และบริสุทธิ์ ทุกคนก็มุ่งหวังตั้งใจว่า ผู้กระทำความผิด ก็ย่อมได้รับความผิด แต่หากเขาไม่ได้กระทำผิดก็ไม่น่าจะได้รับความผิด"
กกต.ยื่นศาลฎีกาฟัน "ยงยุทธ" วันนี้
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงสำนวนความเห็นกกต. ที่ให้เพิกถอนสิทธิ (ใบแดง) นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทุจริตเลือกตั้งที่จ.เชียงรายไปยังศาลฎีกาว่า คงส่งสำนวนคำร้องดังกล่าวได้ในเข้าวันนี้ (18 มี.ค.) เนื่องจากขณะนี้กกต. กำลังดำเนินการในเรื่องเอกสารที่ประกอบไปด้วย คำร้อง ความเห็นของ กกต. และสำนวนการสอบสวนที่มีความหนากว่า 1,000 หน้า โดยจะต้องถ่ายเอกสารทั้งหมด 9 ชุด เบื้องต้นสำนักงาน กกต.ได้ระดมเครื่องถ่ายเอกสารแล้วอย่างไรก็ตามได้มีการประสานกับทางสำนักงานศาลฎีกาในเรื่องของการส่งสำนวนไว้แล้ว
ส่วนการพิจารณาเรื่องการยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยนั้น กกต.จะนำเข้าพิจารณามรวันนี้ (18 มี.ค.) หลังจากประธานคณะอนุกรรมการการ สอบสวนฯ ได้นำผลสรุปการสอบสวนมอบให้ประธาน กกต. แล้ว ทางประธาน ซึ่ง กกต.ก็ได้แจกให้กับ กกต.ทั้ง 5 คน เพื่อนำไปศึกษาก่อนลงมติ
นายสุทธิพล เปิดเผยด้วยว่าในการประชุม กกต.ในวันเดียวกันนี้ กกต.ได้รับรอง ผลการเลือกตั้งของนายธวัชชัย บุญมา ส.ว.นครนายก โดยให้มารับหนังสือรับรองในวันนี้ (18 มี.ค.) ส่วนที่เหลืออีก 5 จังหวัด จะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน
"ยุทธ ตู้เย็น" แจ้งความเอาผิด 3 กกต.
วันเดียวกันที่กองปราบปราม นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจ จากนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สิทธิศักดิ์ หล๋อโตน พงส. (สบ1) กลุ่มงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. พร้อมนายสุเมธ อุปนิสากร และนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ที่ลงมติให้ใบแดงนายยงยุทธ ในข้อหาร่วมกันหรือสมคบกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานกระทำการเพื่อแกล้ง ให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษทางอาญา
นอกจากนี้นายยงยุทธ ยังให้ทนายแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รอง ผบช.ส. ในข้อหา สนับสนุนเจ้าพนักงานในการกระทำความผิด และแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำตนเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจนั้น ตาม ป.อาญา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.
กกต.คาดอยู่แล้วไม่ใส่ใจถูกแจ้งความ
ด้าน นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. กล่าวว่าตนมึนเหมือนกันที่นายยงยุทธ แจ้งความร้องทุกข์กับ 3 กกต. ซึ่งหากจะฟ้องก็ต้องฟ้อง กกต.ทั้งคคณะ เพราะการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนสอบสวนก็เป็นมติของ กกต. อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของตน
ขณะที่ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า เบื้องต้นได้รายงาน ให้ที่ประชุม กกต. ได้รับทราบ และกกต.ก็ไม่ได้แสดงอาการวิตก หรือตกใจใดๆ เพราะได้คาดคิดไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ทีได้รับผลกระทบจากการลงมติของ กกต. ก็เคยฟ้องร้องในลักษณะเดียวกันมาก่อน หรือแม้กระทั่งไปร้องศาลปกครองก็มี
"เรื่องเช่นนี้ต้องแยกระหว่างเรื่องการปฏิบัติหน้าที่และการใช้ดุลพินิจ ในการวินิจฉัย อีกทั้ง กฎหมายก็ได้ให้ความคุ้มครอง กกต. ไว้ในมาตรา 29 ของ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. กรณีที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ซึ่งหากถ้ากังวลกับเรื่องนี้ต่อไปก็ไม่ต้องเป็นอันทำอะไร ส่วนทางฝ่ายสำนักงานก็จะช่วยเหลือ ด้านการสู้คดี โดยกกต. จะมอบอำนาจให้ สำนักกฎหมายและคดีเป็นผู้ดำเนินการต่อไป"
"สมชัย" โลเลถอนสมัคร ตลก.ศาล รธน.
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวว่า ตัดสินใจที่จะยื่นถอนการสมัครเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เร็ว ๆนี้ แต่ยังไม่กำหนดวัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะยื่นถอนก่อนที่จะมีการให้แสดงวิสัยทัศน์ ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจดังกล่าว เพราะต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจป้องกันข้อครหานินทาที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันศาลรัฐธรรมนูญ เพราะหากตนได้รับการคัดเลือก ให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจริงในอนาคต ก็จะถูกคนมองว่าตนมีอคติ ถึงแม้ความจริงจะไม่ได้มีอคติเลยก็ตาม
"ที่สำคัญการเคยทำหน้าที่เป็นกกต.มาก่อนแล้วจะไปทำหน้าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็อาจจจะเข้าลักษณะเหมือนการเป็นอัยการที่ชงเรื่อง แล้วยังไปเป็นศาลที่ตัดสินเรื่องที่ตัวเองชงเข้าไปเองอีก ก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง ซึ่งคาดว่าเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยต่อไปอาจมีบางเรื่องที่ส่งไปจาก กกต. เช่น กรณียุบพรรค จะทำให้คนอื่นมองว่าผมตามไปตัดสินเรื่องที่เคยดำเนินการอยู่ที่ กกต.อีก หรือกรณีที่จะมีการยื่นให้วินิจฉัยคุณสมบัติของนายสุเมธ อุปนิสากร"
นายสมชัย กล่าวยืนยันด้วยว่าจะยังทำหน้าที่เป็น กกต. ต่อไปและสามารถ ทำงานร่วมกับ กกต.ท่านอื่นได้ ส่วนการจะย้ายฝ่ายจากสืบสวนสอบสวนนั้นก็อาจเป็น เรื่องที่จะตามมาซึ่งเคยมีการพูดคุยกันมานานแล้ว
อนุฯ สอบนอมินีไม่ได้ให้ยกคำร้อง
แหล่งข่าวจาก กกต.เปิดเผยว่ากระแสข่าวที่ว่าคณะอนุกรรมการสอบสวน พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีนายไพฑูรย์ เนติโพธิ เป็นประธานฯได้สรุปผลการสอบสวนว่าพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทยจริง แต่ไม่มีกฎหมายเอาผิดได้นั้น ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
"อนุกรรมการท่านหนึ่งยอมรับว่า คณะอนุกรรมการฯสรุปผลสอบสวนว่า พรรคพลังประชรชนกระทำผิดเข้าข่ายเป็นนอมินีจริง แต่ไม่ได้ระบุว่าคณะอนุกรรมการฯ เสนอความเห็นให้ยกคำร้อง เนื่องจากอนุกรรมการคนที่ให้ข่าวถูก กกต. คนหนึ่งขอร้องว่าไม่ให้เปิดผลการสอบทั้งหมด และขอให้พูดเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น"แหล่งข่าว กล่าว