"ยุทธตู้เย็น"ยื้อเวลาสอบทุจริตเลือกตั้งเชียงราย ขอพยานให้อนุฯสอบเพิ่มอีก 10 ปาก ส่วนกรณียุบพรรค มฌ.-ชท. คาดมีข้อสรุปต้น มี.ค. เผยหากยุบจริง ส.ส. สามารถหาพรรคใหม่สังกัดได้ภายใน 60 วัน ด้านอนุฯสอบ พปช. เป็นนอมินี ทรท. ขอขยายเวลาสอบเพิ่ม เหตุ "หมัก" และอดีต กก.บห.ทรท. ยื้อเวลาเข้าให้ปากคำเป็น 18 ก.พ.
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า คณะกรรมการสอบสวนที่มี นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน ยังสอบสวนพยานไม่เสร็จ เบื้องต้นสอบปากคำพยานฝ่ายผู้ร้องเสร็จสิ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่นายยงยุทธ อ้างขอเพิ่มเติมพยานเข้ามาอีกเรื่อยๆ จนขณะนี้มีพยานฝ่ายนายยงยุทธ ที่ต้องสอบสวนอีกจำนวน 10 ปาก ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนกำลังสอบสวนเพิ่มเติมอยู่ แต่เรื่องการอ้างพยานถือเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา เพราะนายยงยุทธ คงคิดว่ายังมีพยานหลักฐานอยู่ จึงอยากให้สอบสวนอย่างครบถ้วน ส่วนการอ้างพยานเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ จะทำให้การพิจารณาสำนวนล่าช้าหรือไม่เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการสืบสวนสอบที่จะพิจารณาว่า พยานที่นายยงยุทธ อ้างเพิ่มเติมมีความฟุ่มเฟือยหรือไม่ และสามารถจะตัดพยานออกได้หรือไม่
สวนเรื่องที่ นายยงยุทธ ขอให้ส่งซีดีหลักฐานการทุจริตให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น อยู่ที่คณะกรรมการสอบสวนจะพิจารณาว่า สมควรส่งไปหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากอนุสอบสวนแต่อย่างใด
"คิดว่าหากไม่มีอะไรเพิ่มเติมเข้ามาอีก สำนวนน่าจะเสร็จภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่ง กกต.ได้กำชับให้คณะกรรมการสืบสวนสอบทำงานอย่างรวดเร็วแล้ว ส่วนสำนวนร้องคัดค้านอื่นๆ ที่ยังค้างอยู่ประมาณ 21 เรื่องนั้น คาดว่าจะทยอยส่งกลับมา กกต.เป็นลำดับ โดยบางเรื่อง กกต. มีความเห็นให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม หรือบางเรื่องกกต. มีความเห็นให้ไปสอบพยานเพิ่ม"
คาดสรุปยุบพรรค มฌ.-ชท.ต้น มี.ค.
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึง ความคืบหน้าในการสอบสวนเพื่อยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทยว่า คณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ที่มีนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน คงต้องใช้เวลาในการพิจารณาเช่นเดียวกัน โดยต้องนำสำนวนการเพิกถอนสิทธิที่ กกต.มีมติไปมาดูก่อน รวมทั้งต้องดูว่ายังมีพยานต้องสอบปากคำเพิ่มเติมหรือไม่ โดยอาจต้องเชิญหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และหัวหน้าพรรคชาติไทย มาสอบถาม ซึ่งเรื่องนี้คงยังไม่เสร็จภายในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม หากมีการยุบพรรคจริง คนที่เป็นสมาชิกพรรคจะสามารถไปสังกัดพรรคใหม่ได้ภายใน 60 วัน แต่หากมีการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งด้วย บุคคลนั้นก็จะขาดจากสมาชิกภาพของการเป็น ส.ส. และทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ตามกฎหมายแล้วต้องเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคดังกล่าว เป็นเวลา 5 ปีด้วย
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านพรรคการเมืองกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คาดว่าต้นเดือนมี.ค. คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจะสามารถสรุปสำนวนได้ เนื่องจากกระบวนการสอบสวนไม่มีอะไรมาก เพราะมีสำนวนการให้ใบแดงจาก กกต.แล้ว และเมื่อสอบสวนข้อเท็จจริงจนถึงขั้นส่งศาลรัฐธรรมนูญนั้น ก็ต้องดูว่า ศาลรัฐธรรมนูญเห็นพ้องกับ กกต.จนถึงขั้นให้ยุบพรรคหรือไม่ แต่ตามปกติแล้วการกระทำของกรรมการบริหารพรรคก็เป็นไปเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อพรรคการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองก็ถือเป็นองค์กรนิติบุคคล ดังนั้นการกระทำความผิดของกรรมการบริหารพรรคก็ต้องย่อมส่งผลถึงพรรคการเมือง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นด้วยหรือไม่
"ยุทธ"ปัดแจงเหตุเพิ่มพยาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้เข้าแจงข้อเท็จจริงต่อคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีทุจริตเลือกตั้งเชียงราย โดยนายยงยุทธ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการเชิญ ตนมาชี้แจงข้อกล่าวหาที่ถูกพาดพิงโดยถามเพียงคำถามเดียวว่า ยังยืนยันคำให้การเดิมที่เคยให้ปากคำไว้หรือไม่ ก็ได้ตอบไปว่า ยืนยันตามคำให้การเดิมว่าทุกอย่างว่าเป็นการจัดฉาก จากนั้นก็ได้ลงนามรับรองการให้ปากคำของตนเอง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้น และจากนี้ไปในส่วนของตนเองไม่จำเป็นต้องเดินทางมาชี้แจง หรือให้ปากคำเพิ่มแล้ว
ส่วนพยานฝ่ายของตน 2 ปากเดิมคือ นางละออง ติยะไพรัช และนายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชนนั้น วันนี้ไม่ได้เดินทางมาด้วยกัน และไม่ทราบว่าคณะกรรมการสอบ ทั้ง 2 คนเสร็จแล้วหรือยัง สำหรับที่ตนอ้างพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปากนั้น ขอยังไม่บอกเหตุผล และรายละเอียด ส่วนคณะกรรมการจะอนุญาตให้เรียกสอบปากคำเพิ่มหรือไม่ เป็นสิทธิของคณะกรรมการ
"เรื่องผลการสอบสวน ส่วนตัวไม่อยากพูดอะไร หรือก้าวล่วงการพิจารณา และจากนี้ไปจะไม่ขอพูดเรื่องสำนวนอีก จนกว่าผลสรุปจะออกมา เมื่อถึงเวลานั้นจะขอพูดให้หมดทุกเรื่อง"นายยงยุทธ กล่าว
"สมัคร"เลื่อนให้ปากคำคดีนอมินี
นายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ ประธานอนุกรรมการสอบสวนกรณีพรรคพลังประชาชน เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ขณะนี้การสอบสวนของคณะกรรมการฯ เหลือเพียงการสอบปากคำในส่วนของผู้ถูกกล่าวหาที่ประกอบด้วย นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งการสอบปากคำบุคคลเหล่านี้ในประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่า ไปปราศรัย และมีพฤติกรรมเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย
ทั้งนี้ คณะกรรมการได้วางกรอบระยะเวลาในการสอบปากคำของผู้ถูกร้องทั้ง 4 ระหว่างวันที่ 4-9 ก.พ. แต่เบื้องต้นทั้ง 4 คน ได้ทำเอกสารขอขยายเวลาการเข้าชี้แจงไปถึงวันที่ 18 ก.พ. ด้วยเหตุผลว่าที่ไม่สามารถมาชี้แจงในช่วงวันที่คณะกรรมการฯกำหนด เพราะติดภาระกิจสำคัญ และหากไม่สามารถมาชี้แจงได้ในช่วงเวลาดังกล่าว ก็จะขอชี้แจงเป็นเอกสารตอบการซักถาม
"กลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้ขอขยายเวลาในการชี้แจงออกเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งคณะกรรมการฯ ประชุมกันและเห็นว่าสมควรที่จะขยายเวลาให้ เพราะมีเหตุจำเป็น ประกอบกับคณะกรรมการฯ ต้องการทราบข้อเท็จจริง แต่หากการขยายเวลาครั้งนี้สิ้นสุดลง ก็จะไม่มีการขยายเวลาให้อีกแล้ว จะถือว่าเขาไม่ติดใจที่สงสัยที่จะชี้แจง หลังจากนั้นอนุกรรมการฯ ก็จะสรุปเพื่อเสนอความเห็นให้ กกต.ชุดใหญ่ลงมติอีกครั้ง ทั้งนี้อนุกรรมการฯจะพิจารณาในส่วนที่มีการไปพูดปราศรัยเกี่ยวกับการเป็นนอมินี ว่ามีข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่ถูกร้องหรือไม่ หลังจากนั้นจะนำบทสรุปของ 2 ฝ่ายมาพิจารณาประกอบกับกฎหมายเลือกตั้งว่า พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่" นายไพฑูรย์กล่าว และว่า ทางอนุกรรมการคงจะต้องขอขยายเวลาในการดำเนินการต่อกกต.ชุดใหญ่ออกไปอีกเป็นครั้งที่ 3 จากเดิมที่ขอขยายเวลาไว้จะครบกำหนดในวันที่ 12 ก.พ.นี้ โดยจะขอขยายเวลาไปจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า คณะกรรมการสอบสวนที่มี นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน ยังสอบสวนพยานไม่เสร็จ เบื้องต้นสอบปากคำพยานฝ่ายผู้ร้องเสร็จสิ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่นายยงยุทธ อ้างขอเพิ่มเติมพยานเข้ามาอีกเรื่อยๆ จนขณะนี้มีพยานฝ่ายนายยงยุทธ ที่ต้องสอบสวนอีกจำนวน 10 ปาก ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนกำลังสอบสวนเพิ่มเติมอยู่ แต่เรื่องการอ้างพยานถือเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา เพราะนายยงยุทธ คงคิดว่ายังมีพยานหลักฐานอยู่ จึงอยากให้สอบสวนอย่างครบถ้วน ส่วนการอ้างพยานเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ จะทำให้การพิจารณาสำนวนล่าช้าหรือไม่เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการสืบสวนสอบที่จะพิจารณาว่า พยานที่นายยงยุทธ อ้างเพิ่มเติมมีความฟุ่มเฟือยหรือไม่ และสามารถจะตัดพยานออกได้หรือไม่
สวนเรื่องที่ นายยงยุทธ ขอให้ส่งซีดีหลักฐานการทุจริตให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น อยู่ที่คณะกรรมการสอบสวนจะพิจารณาว่า สมควรส่งไปหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากอนุสอบสวนแต่อย่างใด
"คิดว่าหากไม่มีอะไรเพิ่มเติมเข้ามาอีก สำนวนน่าจะเสร็จภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่ง กกต.ได้กำชับให้คณะกรรมการสืบสวนสอบทำงานอย่างรวดเร็วแล้ว ส่วนสำนวนร้องคัดค้านอื่นๆ ที่ยังค้างอยู่ประมาณ 21 เรื่องนั้น คาดว่าจะทยอยส่งกลับมา กกต.เป็นลำดับ โดยบางเรื่อง กกต. มีความเห็นให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม หรือบางเรื่องกกต. มีความเห็นให้ไปสอบพยานเพิ่ม"
คาดสรุปยุบพรรค มฌ.-ชท.ต้น มี.ค.
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึง ความคืบหน้าในการสอบสวนเพื่อยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทยว่า คณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ที่มีนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน คงต้องใช้เวลาในการพิจารณาเช่นเดียวกัน โดยต้องนำสำนวนการเพิกถอนสิทธิที่ กกต.มีมติไปมาดูก่อน รวมทั้งต้องดูว่ายังมีพยานต้องสอบปากคำเพิ่มเติมหรือไม่ โดยอาจต้องเชิญหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และหัวหน้าพรรคชาติไทย มาสอบถาม ซึ่งเรื่องนี้คงยังไม่เสร็จภายในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม หากมีการยุบพรรคจริง คนที่เป็นสมาชิกพรรคจะสามารถไปสังกัดพรรคใหม่ได้ภายใน 60 วัน แต่หากมีการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งด้วย บุคคลนั้นก็จะขาดจากสมาชิกภาพของการเป็น ส.ส. และทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ตามกฎหมายแล้วต้องเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคดังกล่าว เป็นเวลา 5 ปีด้วย
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านพรรคการเมืองกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คาดว่าต้นเดือนมี.ค. คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจะสามารถสรุปสำนวนได้ เนื่องจากกระบวนการสอบสวนไม่มีอะไรมาก เพราะมีสำนวนการให้ใบแดงจาก กกต.แล้ว และเมื่อสอบสวนข้อเท็จจริงจนถึงขั้นส่งศาลรัฐธรรมนูญนั้น ก็ต้องดูว่า ศาลรัฐธรรมนูญเห็นพ้องกับ กกต.จนถึงขั้นให้ยุบพรรคหรือไม่ แต่ตามปกติแล้วการกระทำของกรรมการบริหารพรรคก็เป็นไปเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อพรรคการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองก็ถือเป็นองค์กรนิติบุคคล ดังนั้นการกระทำความผิดของกรรมการบริหารพรรคก็ต้องย่อมส่งผลถึงพรรคการเมือง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นด้วยหรือไม่
"ยุทธ"ปัดแจงเหตุเพิ่มพยาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้เข้าแจงข้อเท็จจริงต่อคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีทุจริตเลือกตั้งเชียงราย โดยนายยงยุทธ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการเชิญ ตนมาชี้แจงข้อกล่าวหาที่ถูกพาดพิงโดยถามเพียงคำถามเดียวว่า ยังยืนยันคำให้การเดิมที่เคยให้ปากคำไว้หรือไม่ ก็ได้ตอบไปว่า ยืนยันตามคำให้การเดิมว่าทุกอย่างว่าเป็นการจัดฉาก จากนั้นก็ได้ลงนามรับรองการให้ปากคำของตนเอง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้น และจากนี้ไปในส่วนของตนเองไม่จำเป็นต้องเดินทางมาชี้แจง หรือให้ปากคำเพิ่มแล้ว
ส่วนพยานฝ่ายของตน 2 ปากเดิมคือ นางละออง ติยะไพรัช และนายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชนนั้น วันนี้ไม่ได้เดินทางมาด้วยกัน และไม่ทราบว่าคณะกรรมการสอบ ทั้ง 2 คนเสร็จแล้วหรือยัง สำหรับที่ตนอ้างพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปากนั้น ขอยังไม่บอกเหตุผล และรายละเอียด ส่วนคณะกรรมการจะอนุญาตให้เรียกสอบปากคำเพิ่มหรือไม่ เป็นสิทธิของคณะกรรมการ
"เรื่องผลการสอบสวน ส่วนตัวไม่อยากพูดอะไร หรือก้าวล่วงการพิจารณา และจากนี้ไปจะไม่ขอพูดเรื่องสำนวนอีก จนกว่าผลสรุปจะออกมา เมื่อถึงเวลานั้นจะขอพูดให้หมดทุกเรื่อง"นายยงยุทธ กล่าว
"สมัคร"เลื่อนให้ปากคำคดีนอมินี
นายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ ประธานอนุกรรมการสอบสวนกรณีพรรคพลังประชาชน เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ขณะนี้การสอบสวนของคณะกรรมการฯ เหลือเพียงการสอบปากคำในส่วนของผู้ถูกกล่าวหาที่ประกอบด้วย นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งการสอบปากคำบุคคลเหล่านี้ในประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่า ไปปราศรัย และมีพฤติกรรมเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย
ทั้งนี้ คณะกรรมการได้วางกรอบระยะเวลาในการสอบปากคำของผู้ถูกร้องทั้ง 4 ระหว่างวันที่ 4-9 ก.พ. แต่เบื้องต้นทั้ง 4 คน ได้ทำเอกสารขอขยายเวลาการเข้าชี้แจงไปถึงวันที่ 18 ก.พ. ด้วยเหตุผลว่าที่ไม่สามารถมาชี้แจงในช่วงวันที่คณะกรรมการฯกำหนด เพราะติดภาระกิจสำคัญ และหากไม่สามารถมาชี้แจงได้ในช่วงเวลาดังกล่าว ก็จะขอชี้แจงเป็นเอกสารตอบการซักถาม
"กลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้ขอขยายเวลาในการชี้แจงออกเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งคณะกรรมการฯ ประชุมกันและเห็นว่าสมควรที่จะขยายเวลาให้ เพราะมีเหตุจำเป็น ประกอบกับคณะกรรมการฯ ต้องการทราบข้อเท็จจริง แต่หากการขยายเวลาครั้งนี้สิ้นสุดลง ก็จะไม่มีการขยายเวลาให้อีกแล้ว จะถือว่าเขาไม่ติดใจที่สงสัยที่จะชี้แจง หลังจากนั้นอนุกรรมการฯ ก็จะสรุปเพื่อเสนอความเห็นให้ กกต.ชุดใหญ่ลงมติอีกครั้ง ทั้งนี้อนุกรรมการฯจะพิจารณาในส่วนที่มีการไปพูดปราศรัยเกี่ยวกับการเป็นนอมินี ว่ามีข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่ถูกร้องหรือไม่ หลังจากนั้นจะนำบทสรุปของ 2 ฝ่ายมาพิจารณาประกอบกับกฎหมายเลือกตั้งว่า พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่" นายไพฑูรย์กล่าว และว่า ทางอนุกรรมการคงจะต้องขอขยายเวลาในการดำเนินการต่อกกต.ชุดใหญ่ออกไปอีกเป็นครั้งที่ 3 จากเดิมที่ขอขยายเวลาไว้จะครบกำหนดในวันที่ 12 ก.พ.นี้ โดยจะขอขยายเวลาไปจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.