xs
xsm
sm
md
lg

น้ำมันโลก$ 110 ปตท.ขยับดีเซลยื่น ธพ.ลดสำรอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“พูนภิรมย์” เอาใจผู้นำรัฐบาล บอก "หมัก" เป็นห่วงดีเซล ส่ออั้นไม่อยู่หลังน้ำมันโลกทะยาน เตรียมประชุม กพช.ด่วน ส่วน ปตท.ทำดีอั้นราคาดีเซล 1 บาท แค่ชั่วข้ามคืน "ประเสริฐ" แย้มปรับราคาใน 1-2 วัน พร้อมยื่นกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ขอลดสำรองน้ำมันดีเซลตามกฎหมายชั่วคราว ขณะที่ราคาน้ำมันโลกทะลุ 110 เหรียญต่อบาร์เรล แล้ว

พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยราคาน้ำมันโลก อย่างไรก็ตามได้แต่หวังว่าพ้นฤดูหนาวแล้วดีเซลน่าจะลดลงบ้าง ทั้งนี้ หากยังมีปัญหาเก็งกำไรอยู่ก็อาจจะเป็นปัญหาต่อเนื่อ ดังนั้นถึงตอนนั้นคงจะต้องไปหารือกันในคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติหรือ กพช.ว่าจะมีมาตรการใดออกมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่

"ราคาตลาดโลกกลับเพิ่มสูงขึ้นมากจึงทำให้ราคาน้ำมันต้องสะท้อนกลไกตลาดระดับหนึ่งและมีโอกาสที่จะเห็นระดับราคาน้ำมันดิบสหรัฐขึ้นไปถึง 120 เหรียญต่อบาร์เรล ได้ เพราะค่าเงินสหรัฐอ่อนค่าทำให้เกิดการเก็งกำไร ดังนั้นประชาชนจะต้องเตรียมรับมือด้วยการประหยัดและใช้พลังงานทดแทนที่มีราคาต่ำกว่าเพื่อลดภาระ" รมว.พลังงานกล่าว

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.กล่าวว่า ขณะนี้ ปตท.กำลังยื่นขอกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เพื่อขอลดสำรองน้ำมันดีเซลตามกฎหมายชั่วคราวที่จะต้องสำรองใช้ 18 วันลงเหลือ 10 วันเพื่อนำส่วนดังกล่าวมาป้อนให้กับความต้องการใช้ดีเซลที่เพิ่มขึ้นจากปกติใช้ 15 ล้านลิตรต่อวันเป็น 20 ล้านลิตรต่อวันเนื่องจาก ปตท.ได้ตรึงดีเซลไว้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรจึงทำให้ประชาชนหันมาเติมดีเซล ปตท.ค่อนข้างมาก

“ปตท.จะขอดูน้ำมันตลาดโลก 1-2 วันในการตัดสินใจว่าจะขึ้นดีเซลหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมา ปตท.ต้องแบกรับภาระ 500 ล้านบาทไม่รวมกับการที่ได้นำรายได้จากการกลั่นมาช่วยอีกรวมก็ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทแล้วและแม้ว่ารัฐจะช่วยอีก 90 สตางค์ต่อลิตรก็ยังแบกภาระอยู่กว่า 1 บาทต่อลิตร” นายประเสริฐกล่าว

สำหรับราคาน้ำมันดิบสหรัฐล่าสุดขึ้นไปแตะ 110 เหรียญต่อบาร์เรล ดูไบ 97 เหรียญต่อบาร์เรล ส่วนดีเซล 127 เหรียญต่อบาร์เรลและเบนซิน 110 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งราคาน้ำมันดีเซลที่หลายฝ่ายมองว่าจะขึ้นไปถึงระดับ 150 เหรียญต่อบาร์เรลหรือไม่นั้นคงไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายนักเพราะเท่ากับว่าราคาน้ำมันดิบตะวันออกกลางต้องขึ้นไปถึง 120 เหรียญต่อบาร์เรลแต่หากมองปัจจัยเรื่องการเก็งกำไรที่เกิดจากปัญหาค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าก็เป็นไปได้แต่ก็ยังมั่นใจว่าไม่น่าจะเกิด

นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ถือเป็นความจำเป็นที่ต้องอนุญาตให้ ปตท.ลดปริมาณสำรองน้ำมันลง หลังจากที่ราคาน้ำมันดีเซลของ ปตท.ถูกกว่าผู้ค้ารายอื่นถึงลิตรละ 1 บาท เพื่อช่วยเหลือ ปตท.ไม่ให้แบกรับภาระมากเกินไป แต่ข้อสำคัญต้องเป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกรมธุรกิจพลังงานเพราะเป็นอำนาจโดยตรง

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในอีก 1-2 สัปดาห์จากนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับลดลงตามความต้องการ เนื่องจากใกล้หมดฤดูหนาวแล้ว ขณะเดียวกันคาดว่าบรรดาผู้เก็งกำไรน้ำมันจะลดปริมาณการสำรองน้ำมันลงตามความต้องการเช่นกัน ดังนั้น แนวทางที่ดีที่สุดของผู้ใช้น้ำมันคือ ทุกคนต้องช่วยกันประหยัดพลังงาน โดยกระทรวงพลังงานเองมีนโยบายที่จะรณรงค์ให้เกิดการประหยัดพลังงานและลดการนำเข้าเชื้อเพลิงในปีนี้ให้ได้ถึงร้อยละ 10-15 ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงได้กว่า 70,000 ล้านบาท

นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน กล่าวว่า จากระดับราคาน้ำมันดีเซลในประเทศที่แยกเป็น 3 ราคาคือค่ายเชลล์ เอสโซ่ บางจาก ซัสโก้ ที่อยู่ระดับ 30.94 บาทต่อลิตรหรือสูงกว่า ปตท. 1 บาทต่อลิตรโดย ปตท.ตรึงอยู่ที่ 29.94 บาทต่อลิตร และบางจากอยู่ที่ 30.44 บาทต่อลิตรหรือสูงกว่า ปตท. 50 สตางค์ต่อลิตรแต่ต่ำกว่าค่ายเชลล์ เอสโซ่ คาลเท็ก 50 สตางค์ต่อลิตรคาดว่าจะเป็นแรงกดดันให้ ปตท.ต้องขยับราคาอีกอย่างน้อย 50 สตางค์ต่อลิตรในไม่ช้านี้เพื่อหนีการนำน้ำมันสำรองมาใช้มากเกินไป

สำหรับทิศทางน้ำมันตลาดโลกปัจจัยที่ต้องติดตามคือภาวะค่าเงินเหรียญสหรัฐที่ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องที่จะมีผลให้นำเงินไปเก็งกำไรในน้ำมันและทองคำเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะหากดูปัจจัยพื้นฐานแล้วดีเซลจากนี้ไปน่าจะลดลงเพราะจะหมดฤดูหนาว

น้ำมันโลกพุ่งลิ่วเฉียด$ 111

ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งลิ่วทำสถิติใหม่อีกครั้งเฉียด 111 ดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าต่ำสุดทำสถิติเมื่อเทียบกับเงินยูโร อีกทั้งยังอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 12 ปี เมื่อเทียบกับเงินเยน โดย 1 ดอลลาร์มีค่าน้อยกว่า 100 เยน ขณะที่ราคาทองคำก็ทะยานขึ้นทำสถิติใหม่ใกล้แตะระดับ 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ที่ตลาดไนเม็กซ์ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันพุธ(12) ในช่วงหนึ่งมีราคาพุ่งทำสถิติใหม่ที่ 110.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลงมาปิดตลาดที่ 109.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ จากราคาปิดที่นิวยอร์ก เมื่อวันอังคาร(11) ทั้งนี้ น้ำมันดิบไลท์สวีตครูดมีราคาพุ่งทำสถิติใหม่ 6 วันทำการรวด

ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ที่ตลาดในลอนดอน เมื่อวันพุธ ช่วงหนึ่งมีราคาพุ่งทำสถิติใหม่ที่ 106.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลงมาปิดตลาดที่ 106.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ จากราคาปิดที่ลอนดอนเมื่อวันอังคาร

ต่อมา ในการซื้อขายที่ตลาดในสิงคโปร์ เมื่อวานนี้(13) สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดมีราคาลดลง 21 เซ็นต์ จากราคาปิดที่นิวยอร์กเมื่อวันพุธ มาซื้อขายกันที่ 109.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์มีราคาลดลง 33 เซ็นต์ จากราคาปิดที่ลอนดอนเมื่อวันพุธเช่นกัน มาซื้อขายกันที่ 105.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สำหรับการซื้อขายที่ตลาดในลอนดอน เมื่อวานนี้ สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดมีราคาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 110.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลงมาซื้อขายที่ 110.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 52 เซ็นต์ จากราคาปิดที่นิวยอร์กเมื่อวันพุธ ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ก็มีราคาทุบสถิติเดิม สร้างสถิติใหม่ที่ 106.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลงมาอยู่ที่ 106.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ในส่วนของราคาทองคำก็พุ่งทำนิวไฮเช่นกัน โดยทองคำที่ซื้อขายในตลาดลอนดอนบุลเลียน มาร์เก็ต เมื่อวานนี้ มีราคาทะยานขึ้นทำสถิติใหม่ที่ออนซ์ละ 997.10 ดอลลาร์

บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงลิบลิ่วเมื่อวันพุธและเมื่อวานนี้นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าต่ำสุดทำสถิติเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ส่วนปัจจัยที่เหลือก็คือแรงเก็งกำไรจากนักลงทุน

ทั้งนี้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าทำสถิติต่ำสุดอีกครั้งเมื่อเทียบกับเงินยูโร โดย 1 ยูโร แลกได้ 1.5625 ดอลลาร์ อีกทั้งยังอ่อนค่าลงไปอีกเมื่อเทียบกับเงินเยน โดย 1 ดอลลาร์ แลกได้ 99.78 เยน ถือเป็นค่าเงินดอลลาร์ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับเงินเยน นับตั้งแต่ปี1995

ยิ่งค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสินค้าโภคภัณฑ์ซื้อขายกันด้วยเงินสกุลดอลลาร์ หากเงินดอลลาร์อ่อนค่าก็จะยิ่งทำให้ผู้ที่ถือเงินสกุลอื่นๆซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ได้ในราคาที่ถูกลง จึงทำให้ดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้น

อันเดรย์ ครียูเชนคอฟ นักวิเคราะห์แห่งซัคเดน กล่าวว่าค่าเงินดอลลาร์และความหวั่นวิตกต่อภาวะเงินเฟ้อกำลังควบคุมทิศทางในตลาด โดยนักลงทุนพากันทุ่มเงินในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อแสวงหาหลักประกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่ผู้เล่นรายใหญ่ๆกำลังมองหาผลตอบแทนที่ดีกว่าในตลาดอื่นๆ โดยถอยหนีจากตลาดหลักทรัพย์ที่ซบเซาและตลาดค้าเงิน

นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าหากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และตลาดหุ้นสหรัฐฯที่กำลังอ่อนแอกลับมาฟื้นตัว เม็ดเงินบางส่วนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ก็น่าจะไหลกลับเข้าสู่ตลาดค้าเงินตราต่างประเทศและตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งที่ผ่านมา แทบจะไม่มีหลักฐานชี้ว่า เกิดปรากฏ-การณ์นี้ขึ้นบ้างแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น