"ผู้ว่าฯ อภิรักษ์" สอนมารยาทการเมือง "นายกฯ สมัคร" หลังมติ คตส.ชี้มูลความผิดกรณีทุจริตรถดับเพลิง ประกาศยุติทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม.แล้ว โชว์สปิริตไม่รับเงินเดือนยันพร้อมชี้แจงทุกข้อกล่าวหา “นาม” ชมสร้างมาตรฐานทางการเมือง ด้านทีม กม.ปชป.พร้อมลุยช่วยมั่นใจแก้ข้อกล่าวหาได้ ส่วนก๊วนพลังแม้วเรียงหน้าเหน็บแนม-ไร้หิริโอตัปปะหนุน "หมัก-3 รมต." ทำหน้าที่ต่อ หมอเลี้ยบกอดเก้าอี้แน่น
ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 08.20 น. วานนี้ (13 มี.ค.) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าพบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหารือภายหลังคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้มูลความผิด ให้นายอภิรักษ์เป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับกรณีการทุจริตในการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.
นายอภิรักษ์ กล่าวหลังการหารือว่า ตนจะทำหนังสือไปสอบถาม คตส.อย่างเป็นทางการ ถึงรายละเอียดข้อกล่าวหาที่ต้องแจ้งให้ตนรับทราบ ซึ่งพร้อมไปชี้แจง ข้อกล่าวหา เพราะเชื่อมั่นว่ากระบวนการนี้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ตนเข้าปฏิบัติหน้าที่เมื่อเดือน ก.ย.2547 ได้ดำเนินกระบวนการทุกอย่างโดยรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นการถามกลับไปยังกระทรวงมหาดไทยในฐานะเป็นผู้ลงนามข้อตกลงความเข้าใจ (เอโอยู) และกระบวนการต่างๆ ที่พยายามตรวจสอบข้อเท็จจริงในชั้นนั้น ขณะเดียวกันก็มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาแนวทางที่ต้องดำเนินการต่อในเรื่องสัญญา ซึ่งประเด็นเหล่านี้ ตนมีความพร้อมที่จะไปชี้แจงในจุดยืนและความบริสุทธิ์ที่ดำเนินการ
“ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเพื่อแสดงเจตนารมณ์ในชั้นนี้ผมจึงขอหยุดปฏิบัติหน้าที่ในการทำงานไปจนกว่ากระบวนการทางกฎหมายจะดำเนินการไปจนถึงจุด ที่มีความจำเป็นต้องตัดสินใจไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เพื่อจะได้ดำเนินการในกระบวนการรับทราบข้อกล่าวหาและการชี้แจง เพื่อให้เกิดความชัดเจน รวมถึงเพื่อให้เป็น แนวทางให้สังคมมีความมั่นใจว่าจะไม่มีกระบวนการเข้าไปก้าวก่ายเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการที่จะทำให้การพิจารณาเป็นไปด้วยความโปร่งใส” นายอภิรักษ์ กล่าว
"อภิสิทธิ์" ชี้เป็นมาตรฐานการเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด และขอยืนยันว่านายอภิรักษ์ได้พยายามหลายครั้ง ในการรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมตั้งแต่วันแรกที่เป็นผู้ว่าฯ กทม.และมีข้อสงสัยในความถูกต้องของสัญญาต่างๆ ซึ่งได้สอบถามหน่วยงานไปแล้ว แต่ได้รับการยืนยันจากทุกหน่วยงานว่าจำเป็นต้องดำเนินการ มิฉะนั้นจะถูกฟ้องร้องและเป็นความเสียหายกับประเทศได้ จากนั้นจะสังเกตว่าผู้ว่าฯกทม.พยายามตลอดที่จะให้หน่วยงานชี้ไปว่าสัญญานั้นมีปัญหาหรือไม่ เพราะถ้ามีปัญหา กทม.พร้อมจะทำให้การใช้จ่ายต่างๆ หรือความเสียหายระงับได้ทันที แต่ปรากฏว่าทุกหน่วยงานยืนยันว่าสัญญานั้นมีผลและต้องเดินต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อ คตส.ชี้มาอย่างนี้ก็ต้องเคารพคำวินิจฉัย ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม. ได้มาปรึกษาและเห็นตรงกันว่าเพื่อให้เกิดความมั่นใจและความสบายใจว่า กระบวนการตรวจสอบจากนี้ไปเป็นไปด้วยความเที่ยงธรรมโปร่งใส จะไม่ใช้อำนาจในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนอนาคตข้างหน้าขึ้นอยู่กับกระบวนการว่าจะเดินไปสู่จุดใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแสดงสปิริตของนายอภิรักษ์เป็นการสะท้อนไปยังคนในรัฐบาลที่ถูก คตส.กล่าวหาหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มาตรฐาน การเมืองเป็นเรื่องของแต่ละคนที่จะคิด แต่นายอภิรักษ์และพรรคเห็นตรงกันว่าในชั้นนี้ อยากแสดงเจตนาที่ชัดเจน และพร้อมให้กระบวนการการตรวจสอบเดินไปได้ อย่างไม่มีอุปสรรค
จากนั้นนายศิริโชค โสภา กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์และโฆษกคณะรัฐมนตรีเงา แถลงผลการประชุมครม.เงาว่า ที่ประชุมมีมติให้คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคเข้ามาช่วยเหลือนายอภิรักษ์ในการต่อสู้คดีนี้ เพราะเป็นผู้ที่ดูแลคดีดังกล่าวให้กับนายอภิรักษ์มาตลอด
"อภิรักษ์" ตั้ง “วัลลภ” รักษาการ
ต่อมาเวลา 14.00 น.นายอภิรักษ์ได้แถลงเปิดใจอีกครั้งที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.) โดยกล่าวว่า การยุติบทบาทดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาด้วยความรอบคอบ ซึ่งตลอด 3 ปีที่ได้ทำงานในกทม.มีความตั้งใจ ทุ่มเททำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แต่เมื่อถูกกล่าวหาเพื่อความสบายใจ ความโปร่งใสในกระบวนการตรวจสอบ ก็เห็นควรที่จะได้ยุติบทบาทโดยตัดสินใจมอบหมายให้นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ กทม.อันดับ 1 มารักษาการผู้ว่าฯกทม.แทน
ทั้งนี้ มีความมั่นใจในกระบวนการที่จะไปต่อสู้ในการที่จะชี้แจงข้อกล่าวหาและเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งกระบวนการถัดไปคือคตส.จะต้องแจ้งให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาไปรับทราบข้อกล่าว จากนั้นตนจะได้ชี้แจงเพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ได้ดำเนินการไปเป็นไปด้วยความสุจริตและถูกต้องในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา แล้วจากนั้น คตส.จะได้ให้คณะอนุฯไต่สวนคดีรถดับเพลิงฯได้พิจารณาต่อไป ซึ่งจะเป็นกระบวนที่มีการชี้มูลความผิด
ประกาศไม่รับเงินเดือน
นายอภิรักษ์กล่าวว่า การยุติบทบาทก็เพื่อแสดงสปิริตให้เห็นทางการเมืองซึ่งจะเป็นแนวทางทำให้นักการเมืองได้แสดงความชัดเจนในการดำเนินการและเกิดความโปร่งใสในกระบวนที่ตัวเองจะต้องไปต่อสู้ ซึ่งกรณีนี้เป็นจุดยืนทางการเมืองของตนเองไม่อยากให้ไปมองจะไปเกี่ยวข้องกับใครหรือในกรณีอื่น โดยการตัดสินใจครั้งนี้มาได้มีใครแนะนำเพราะตนได้ทบทวนในบทบาทของตัวเอง และทบทวนในสิ่งที่พี่น้องประชาชนได้เคยให้ความไว้วางใจและใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน
“ในชั้นนี้ผมยังไม่มีความผิด อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ตนจะไม่รับเงินเดือน และไม่เป็นที่ปรึกษาต่างๆ แต่อย่างใด และจะใช้เวลาช่วงนี้ทำความจริงให้ปรากฏ”นายอภิรักษ์กล่าว
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. โดยในกรอบระยะเวลาที่ตนได้ดำเนินการในช่วงนั้นเป็นไปตามที่ได้กำหนดไว้ในเอโอยูและสัญญาซื้อขาย แล้วในกระบวนการที่ได้ดำเนินการต่อ ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการทั้งภายในและภายนอก มีการสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเวลาที่ล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ที่คตส.ได้รับเรื่องนี้เข้าไปตรวจสอบตั้งแต่ต้นปี 2550 ใช้เวลาประมาณ 1 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ทำหนังสือสอบถามทั้งในส่วนของคตส. อัยการสูงสุด คณะกรรมการ 7 หน่วยงานที่มหาดไทยตั้งขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการที่ตนจะได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงซึ่งที่ผ่านมายังๆไม่ถูกกล่าวหาในประเด็นนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความมั่นใจในการเข้าชี้แจงข้อมูลต่อคตส.หรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า มีความมั่นใจมาโดยตลอดเพราะในกระบวนที่เคยได้ไปชี้แจงในครั้งแรกและครั้งเดียวก็ไปให้ข้อมูลในกระการบวนที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่มรับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อต้นเดือน ก.ย.2547 ส่วนเรื่องการยกเลิกสัญญากับทางสไตเออร์ฯ เป็นเรื่องที่ คตส.ที่จะต้องแจ้งข้อกล่าวหามาที่ตัวบุคลและได้แจ้งมาที่ กทม.ในฐานะที่เป็นคู่สัญญา ซึ่งเรื่องการบอกเลิกสัญญาผู้ที่เกี่ยวข้องที่ดูแลจะได้วินิจฉัยในรายละเอียดที่ คตส.แจ้งมาให้หน่วยงานได้รับทราบ ส่วนระงับหรือไม่ต้องตรวจสอบในข้อกฎหมายอีกครั้ง
”หมัก” ออกหรือไม่เป็นสิทธิ์ส่วนตัว
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า จากมาตรฐานที่ทางพรรค ปชป.สร้างขึ้นและที่ตัวผู้ว่าฯแสดงให้สังคมดู นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ซึ่งถูกชี้มูลความผิดในเรื่องดังกล่าวร่วมด้วยจะต้องแสดงสปิริตแบบนี้หรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นการตัดสินใจของแต่ละบุคคล และตนก็เคารพการตัดสินใจของแต่ละคน
ส่วนจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกหรือไม่นั้นคงยังไม่ได้นัดสินใจในตอนนี้ และไม่คิดว่าการตัดสินใจเข้ามาเล่นการเมืองและต้องถูกกล่าวหาเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และขณะนี้รู้สึกสบายใจ ส่วนอนาคตยังไม่คิดถึงเพราะจะต้องชี้แจงข้อกล่าวหาก่อน
คนกรุงมอบกุหลาบแดงให้กำลังใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่แถลงข่าวเสร็จนายอภิรักษ์ได้ลงไปพบปะประชาชน และข้าราชการ กทม. ส.ส.-ส.ก. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ที่มาให้กำลังใจหลายร้อยคน ซึ่งแต่ละคนได้นำดอกกุหลาบสีแดงมามอบให้ผู้ว่าฯ กทม.
พร้อมกันนี้นายอภิรักษ์ ได้กล่าวขอบคุณด้วยเสียงอันสั่นเครือซึ่งมีใจความว่า ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ของคุณคะแนนเสียงทั้ง 911,441 คะแนนที่มอบให้ ทั้งนี้ในระหว่างการรับมอบดอกไม้นายอภิรักษ์มีน้ำตาคลอตลอดเวลา ขณะที่แฟนคลับของนายอภิรักษ์ก็หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
ปธ.ที่ปรึกษา กม.ชี้ชอบด้วยสัญญา
นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ประธานทีมที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายของนายอภิรักษ์กล่าวว่า จากนี้ไปทีมกฎหมายจะได้จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมทั้งหมดอย่างรอบด้าน แต่ต้องรอดูข้อกล่าวหาทางคตส.ได้ด้วยว่าเป็นอย่างไรเพราะตอนนี้ยังไม่ทราบในรายละเอียด ส่วนจะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาหรือไม่นั้นไม่อยากคาดคะเนว่าจะแพ้หรือชนะ แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ดำเนินการทุกขั้นตอนที่ชอบด้วยสัญญา
ด้าน นายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ รองปลัด กทม. กล่าวว่า หากทางคตส.ได้ส่งเอกสารข้อมูลต่างๆ มาให้กับกทม.แล้ว ขั้นตอนต่อไปกทม.จะต้องสอบถามไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อให้ตีความว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งในขณะนี้ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายที่กทม.ขอจากทางอสส.ได้มาแล้ว ก็จะต้องปรึกษาหารือในข้อกฎหมายให้รอบด้านอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กทม.เสียผลประโยชน์ ทั้งนี้หากโครงการจัดซื้อรถ-เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิงยุติจริง ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาหารือในรายละเอียดใหม่
ประธาน คตส.ชื่นชม
นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีการทุจริตเรือ-รถดับเพลิงของ กทม.กล่าวว่า ความจริงนายอภิรักษ์ไม่ต้องหยุดทำงานก็ได้ เพราะเป็นแค่เพียงข้อกล่าวหา แต่การกระทำเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดี ที่จะสร้างมาตรฐานทางการเมืองที่ดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 3 คน ควรจะทำเหมือนกับนายอภิรักษ์หรือไม่ นายนามตอบว่า ตนไม่อยากไปก้าวล่วง
เมื่อถาม คตส.สรุปว่าทำเอโอยู เป็นโมฆะ ส่งผลให้สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะด้วย เหตุใด นายอภิรักษ์จึงถูกตั้งข้อกล่าวหาด้วย เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง นายนาม กล่าวว่า สัญญาดังกล่าวมีการเซ็นมาก่อนหน้านี้หมดแล้ว จึงถือว่ามีผลบังคับ ในส่วนของนายอภิรักษ์ ได้เข้ามาดำเนินการต่อด้วยการลงนามเปิด แอลซี และทำให้สัญญานั้นสามารถเดินหน้าต่อไปอีก ซึ่งเป็นความเห็นที่แตกต่างของ คตส.เมื่อเสียงส่วนใหญ่เห็นอย่างก็ต้องปฏิบัติตาม
เมื่อซักว่า หาก คตส.ยืนยันว่า เอโอยู ถือเป็นโมฆะตั้งแค่ต้น มีโอกาสที่นายอภิรักษ์จะหลุดจากข้อกล่าวหาในชั้นไต่สวนหรือไม่ นายนามกล่าวว่า นายอภิรักษ์ต้องมาแก้ข้อกล่าวหาก่อน และต้องดูว่าสามารถชี้แจงหักล้างข้อกล่าวหาได้หรือไม่ ถ้าทำได้ก็ถือว่าไม่ผิด
ทั้งนี้ จะถูกหรือผิดนายอภิรักษ์ก็ยังมีเวลาที่จะชี้แจง เพราะหลังจากนี้ คตส.จะแจ้งข้อกล่าวหากับทุกคน เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาและแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า หลังจากที่ คตส.แจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้องครบแล้ว คดีนี้ก็จะสามารถเดินต่อไปได้และสามารถสรุปได้ในเร็วๆนี้ คาดว่าจะทันตามกรอบเวลาที่วางไว้
พปช.เหน็บแนม-ปัดไม่เกี่ยวหมัก
ที่รัฐสภา ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงว่า ทีมโฆษกพรรคได้วิเคราะห์กันแล้วเห็นว่า น่าชื่นชมในสปิริต เป็นการกระทำที่ถูกต้อง ถือเป็นบรรทัดฐานที่ดี เพราะคดีเกิดขึ้นระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. แต่การตัดสินใจดังกล่าวของนายอภิรักษ์และพรรคประชาธิปัตย์นั้น ต้องการให้กระทบชิ่งนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมหรือไม่ ที่โดนคดีเดียวกันแต่ไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งความจริงเรื่องนี้มันคนละส่วนกัน เนื่องจากขณะนี้นายสมัครเป็นนายกฯ ไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดี อย่างไรก็ตาม ถ้านายอภิรักษ์มีเจตนาบริสุทธิ์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนคดีสิ้นสุด แม้หมดวาระผู้ว่าฯ กทม.แล้วก็ไม่สามารถลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสมัคร ไม่แสดงสปิริตหยุดการปฎิบัติหน้าที่บ้าง ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า คดีที่นายสมัครโดนไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในขณะนี้ ถ้าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบ
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวว่า อยู่ที่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งนายอภิรักษ์ไม่จำเป็นต้องยุติบทบาทการปฏิบัติหน้าที่ เพราะคตส.เพียงแค่ชี้มูล นายอภิรักษ์ยังมีสิทธิที่จะชี้แจงข้อกล่าวหา สุดท้ายคตส.อาจจะยุติไม่ดำเนินคดีกับนายอภิรักษ์ก็ได้ ตนว่าควรทำงานต่อไปไม่ต้องรีบแสดงสปิริต อะไร เพราะว่า เดือน ก.ย.อายุการทำงานก็หมดแล้ว ต้องมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพหานครขึ้นมาใหม่
ส่วนกรณีของนายสมัครที่ถูกชี้มูล ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่าขณะนั้นนายสมัครเป็นผู้ว่า กทม. โดย กทม.ก็เป็นเขตปกครองพิเศษที่มาจากการเลือกตั้ง ใครจะก้าวก่ายไม่ได้ แต่วันนี้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นคนละเรื่อง เรียกได้ว่า ต่างกรรมต่างวาระการพิจารณาจะแตกต่างกัน
ไม่เกี่ยว 3 รมต.รัฐบาลหมัก
ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต. ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกับกรณี 3 รัฐมนตรีที่ตกเป็นจำเลยคดีทุจริตการออกสลากพิเศษเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว (หวยบนดิน) เพราะชัดเจนว่านายอภิรักษ์ปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องที่ถูกกล่าวหา แต่ 3 รัฐมนตรีไม่ใช่
พล.ต.ท. วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่ารัฐมนตรีทั้ง 3 คนไม่ต้องพักงานเพราะเป็นเรื่องของการดำรงตำแหน่งเมื่อรัฐบาลที่แล้ว ส่วนกรณีที่นายอภิรักษ์ยุติการทำหน้าที่เพราะคตส.ชี้มูลเรื่องรถดับเพลิงนั้นคิดว่า นายอภิรักษ์ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมที่ถูกร้องเพราะฉะนั้นหยุดทำงานนั้นถูกแล้ว
"หมอเลี้ยบ" กอดเก้าอี้ รมต.แน่น
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า คดีรถดับเพลิงมีความแตกต่างจากคดีหวยบนดิน เนื่องจากในคดีของนายอภิรักษ์ คตส.ชี้มูลช่วงที่อยู่ระหว่างดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนของตนใช้การเทียบเคียงจากคดีเมื่อปี 45 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เคยกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ 2 คนว่ามีความผิด และท้ายที่สุด ปปช.มีมติว่า ปปช.ไม่สามารถกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวได้ เพราะพ้นจากหน้าที่ไปแล้วเกิน 2 ปี การกล่าวหาของ คตส.ที่เกี่ยวข้องกับความผิดของตน คตส.จึงไม่สามารถดำเนินการได้ต่อไปได้ เพราะขณะนั้นตนเป็น รมว.ไอซีที ที่พ้นจากตำแหน่งเมื่อเดือน มี.ค. 48 ซึ่งหาก คตส.ใช้อำนาจของ ป.ป.ช.กล่าวหา ก็ต้องกล่าวหาก่อนเดือน มี.ค.50 ซึ่งถึงตอนนี้หมดอายุไปแล้ว
"คตส.ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะฟ้องผมและรัฐมนตรีบางคนได้ เพราะหมดอายุความอย่างที่มติปปช.ก่อนหน้านี้ระบุไว้ ส่วนอดีตรมต.ท่านอื่นที่ร่วมอยู่ในคณะ ต้องไปพิจารณาว่าวันที่เขาพ้นจากตำแหน่งอยู่ในวันไหน และจากการหารือเป็นการส่วนตัวกับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ให้ความเห็นไว้ว่าผมยังสามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งทางการเมืองอยู่ได้" น.พ.สุรพงษ์กล่าว
ส่วนการกำกับดูแลสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ยังทำหน้าที่ต่อไปได้ ยกเว้นหวยบนดินจะยังไม่ดำเนินการใดๆ ต้องรอความชัดเจนว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองจะประทับรับฟ้องหรือไม่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความไม่แน่ใจทางการเมืองจึงขอระงับไว้ก่อน และหลังจากที่มั่นใจแล้วจึงจะดำเนินการต่อไปได้
รมว.พม.ยันยังไม่ปลด "คุณหญิงณฐนนท"
นายสุธา ชันแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์กรณีคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน อดีตปลัดกทม.)ซึ่งถูก คตส.แจ้งข้อกล่าวหากรณีซื้อรถ-เรือดับเพลิงว่า คุณหญิงณฐนนท เป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาของตน ไม่ใช่ที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการจึงไม่มีอำนาจลงนามสั่งการใดๆ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาในเรื่องของเด็กและสตรี ซึ่งตนเห็นว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ดังนั้น คงไม่ปลดจากคณะที่ปรึกษา
ด้าน คุณหญิงณฐนนท กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่รู้ข้อกล่าวหาที่ คตส. ส่งฟ้อง จึงยังไม่รู้ว่าบกพร่องในหน้าที่อย่างไร โดยกรณีจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง เป็นการดำเนินการตามโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาล ที่มอบให้กทม.ปฏิบัติ ซึ่งตนแสดงเจตนาบริสุทธิ์ในการคัดค้านการเปิดแอลซี และชะลอการเปิดแอลซีมาตลอด แต่ไม่มีอำนาจในการสั่งระงับ เพราะไม่ใช่อำนาจของปลัด กทม.จะทำได้ ส่วนตนเองที่มีหน้าที่ในทีมที่ปรึกษาของ รมว.พม.นั้น หากนายสุธาเห็นว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการเมืองก็พร้อมจะออกจากทีมที่ปรึกษา
ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 08.20 น. วานนี้ (13 มี.ค.) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าพบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหารือภายหลังคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้มูลความผิด ให้นายอภิรักษ์เป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับกรณีการทุจริตในการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.
นายอภิรักษ์ กล่าวหลังการหารือว่า ตนจะทำหนังสือไปสอบถาม คตส.อย่างเป็นทางการ ถึงรายละเอียดข้อกล่าวหาที่ต้องแจ้งให้ตนรับทราบ ซึ่งพร้อมไปชี้แจง ข้อกล่าวหา เพราะเชื่อมั่นว่ากระบวนการนี้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ตนเข้าปฏิบัติหน้าที่เมื่อเดือน ก.ย.2547 ได้ดำเนินกระบวนการทุกอย่างโดยรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นการถามกลับไปยังกระทรวงมหาดไทยในฐานะเป็นผู้ลงนามข้อตกลงความเข้าใจ (เอโอยู) และกระบวนการต่างๆ ที่พยายามตรวจสอบข้อเท็จจริงในชั้นนั้น ขณะเดียวกันก็มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาแนวทางที่ต้องดำเนินการต่อในเรื่องสัญญา ซึ่งประเด็นเหล่านี้ ตนมีความพร้อมที่จะไปชี้แจงในจุดยืนและความบริสุทธิ์ที่ดำเนินการ
“ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเพื่อแสดงเจตนารมณ์ในชั้นนี้ผมจึงขอหยุดปฏิบัติหน้าที่ในการทำงานไปจนกว่ากระบวนการทางกฎหมายจะดำเนินการไปจนถึงจุด ที่มีความจำเป็นต้องตัดสินใจไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เพื่อจะได้ดำเนินการในกระบวนการรับทราบข้อกล่าวหาและการชี้แจง เพื่อให้เกิดความชัดเจน รวมถึงเพื่อให้เป็น แนวทางให้สังคมมีความมั่นใจว่าจะไม่มีกระบวนการเข้าไปก้าวก่ายเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการที่จะทำให้การพิจารณาเป็นไปด้วยความโปร่งใส” นายอภิรักษ์ กล่าว
"อภิสิทธิ์" ชี้เป็นมาตรฐานการเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด และขอยืนยันว่านายอภิรักษ์ได้พยายามหลายครั้ง ในการรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมตั้งแต่วันแรกที่เป็นผู้ว่าฯ กทม.และมีข้อสงสัยในความถูกต้องของสัญญาต่างๆ ซึ่งได้สอบถามหน่วยงานไปแล้ว แต่ได้รับการยืนยันจากทุกหน่วยงานว่าจำเป็นต้องดำเนินการ มิฉะนั้นจะถูกฟ้องร้องและเป็นความเสียหายกับประเทศได้ จากนั้นจะสังเกตว่าผู้ว่าฯกทม.พยายามตลอดที่จะให้หน่วยงานชี้ไปว่าสัญญานั้นมีปัญหาหรือไม่ เพราะถ้ามีปัญหา กทม.พร้อมจะทำให้การใช้จ่ายต่างๆ หรือความเสียหายระงับได้ทันที แต่ปรากฏว่าทุกหน่วยงานยืนยันว่าสัญญานั้นมีผลและต้องเดินต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อ คตส.ชี้มาอย่างนี้ก็ต้องเคารพคำวินิจฉัย ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม. ได้มาปรึกษาและเห็นตรงกันว่าเพื่อให้เกิดความมั่นใจและความสบายใจว่า กระบวนการตรวจสอบจากนี้ไปเป็นไปด้วยความเที่ยงธรรมโปร่งใส จะไม่ใช้อำนาจในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนอนาคตข้างหน้าขึ้นอยู่กับกระบวนการว่าจะเดินไปสู่จุดใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแสดงสปิริตของนายอภิรักษ์เป็นการสะท้อนไปยังคนในรัฐบาลที่ถูก คตส.กล่าวหาหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มาตรฐาน การเมืองเป็นเรื่องของแต่ละคนที่จะคิด แต่นายอภิรักษ์และพรรคเห็นตรงกันว่าในชั้นนี้ อยากแสดงเจตนาที่ชัดเจน และพร้อมให้กระบวนการการตรวจสอบเดินไปได้ อย่างไม่มีอุปสรรค
จากนั้นนายศิริโชค โสภา กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์และโฆษกคณะรัฐมนตรีเงา แถลงผลการประชุมครม.เงาว่า ที่ประชุมมีมติให้คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคเข้ามาช่วยเหลือนายอภิรักษ์ในการต่อสู้คดีนี้ เพราะเป็นผู้ที่ดูแลคดีดังกล่าวให้กับนายอภิรักษ์มาตลอด
"อภิรักษ์" ตั้ง “วัลลภ” รักษาการ
ต่อมาเวลา 14.00 น.นายอภิรักษ์ได้แถลงเปิดใจอีกครั้งที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.) โดยกล่าวว่า การยุติบทบาทดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาด้วยความรอบคอบ ซึ่งตลอด 3 ปีที่ได้ทำงานในกทม.มีความตั้งใจ ทุ่มเททำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แต่เมื่อถูกกล่าวหาเพื่อความสบายใจ ความโปร่งใสในกระบวนการตรวจสอบ ก็เห็นควรที่จะได้ยุติบทบาทโดยตัดสินใจมอบหมายให้นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ กทม.อันดับ 1 มารักษาการผู้ว่าฯกทม.แทน
ทั้งนี้ มีความมั่นใจในกระบวนการที่จะไปต่อสู้ในการที่จะชี้แจงข้อกล่าวหาและเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งกระบวนการถัดไปคือคตส.จะต้องแจ้งให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาไปรับทราบข้อกล่าว จากนั้นตนจะได้ชี้แจงเพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ได้ดำเนินการไปเป็นไปด้วยความสุจริตและถูกต้องในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา แล้วจากนั้น คตส.จะได้ให้คณะอนุฯไต่สวนคดีรถดับเพลิงฯได้พิจารณาต่อไป ซึ่งจะเป็นกระบวนที่มีการชี้มูลความผิด
ประกาศไม่รับเงินเดือน
นายอภิรักษ์กล่าวว่า การยุติบทบาทก็เพื่อแสดงสปิริตให้เห็นทางการเมืองซึ่งจะเป็นแนวทางทำให้นักการเมืองได้แสดงความชัดเจนในการดำเนินการและเกิดความโปร่งใสในกระบวนที่ตัวเองจะต้องไปต่อสู้ ซึ่งกรณีนี้เป็นจุดยืนทางการเมืองของตนเองไม่อยากให้ไปมองจะไปเกี่ยวข้องกับใครหรือในกรณีอื่น โดยการตัดสินใจครั้งนี้มาได้มีใครแนะนำเพราะตนได้ทบทวนในบทบาทของตัวเอง และทบทวนในสิ่งที่พี่น้องประชาชนได้เคยให้ความไว้วางใจและใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน
“ในชั้นนี้ผมยังไม่มีความผิด อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ตนจะไม่รับเงินเดือน และไม่เป็นที่ปรึกษาต่างๆ แต่อย่างใด และจะใช้เวลาช่วงนี้ทำความจริงให้ปรากฏ”นายอภิรักษ์กล่าว
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. โดยในกรอบระยะเวลาที่ตนได้ดำเนินการในช่วงนั้นเป็นไปตามที่ได้กำหนดไว้ในเอโอยูและสัญญาซื้อขาย แล้วในกระบวนการที่ได้ดำเนินการต่อ ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการทั้งภายในและภายนอก มีการสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเวลาที่ล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ที่คตส.ได้รับเรื่องนี้เข้าไปตรวจสอบตั้งแต่ต้นปี 2550 ใช้เวลาประมาณ 1 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ทำหนังสือสอบถามทั้งในส่วนของคตส. อัยการสูงสุด คณะกรรมการ 7 หน่วยงานที่มหาดไทยตั้งขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการที่ตนจะได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงซึ่งที่ผ่านมายังๆไม่ถูกกล่าวหาในประเด็นนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความมั่นใจในการเข้าชี้แจงข้อมูลต่อคตส.หรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า มีความมั่นใจมาโดยตลอดเพราะในกระบวนที่เคยได้ไปชี้แจงในครั้งแรกและครั้งเดียวก็ไปให้ข้อมูลในกระการบวนที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่มรับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อต้นเดือน ก.ย.2547 ส่วนเรื่องการยกเลิกสัญญากับทางสไตเออร์ฯ เป็นเรื่องที่ คตส.ที่จะต้องแจ้งข้อกล่าวหามาที่ตัวบุคลและได้แจ้งมาที่ กทม.ในฐานะที่เป็นคู่สัญญา ซึ่งเรื่องการบอกเลิกสัญญาผู้ที่เกี่ยวข้องที่ดูแลจะได้วินิจฉัยในรายละเอียดที่ คตส.แจ้งมาให้หน่วยงานได้รับทราบ ส่วนระงับหรือไม่ต้องตรวจสอบในข้อกฎหมายอีกครั้ง
”หมัก” ออกหรือไม่เป็นสิทธิ์ส่วนตัว
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า จากมาตรฐานที่ทางพรรค ปชป.สร้างขึ้นและที่ตัวผู้ว่าฯแสดงให้สังคมดู นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ซึ่งถูกชี้มูลความผิดในเรื่องดังกล่าวร่วมด้วยจะต้องแสดงสปิริตแบบนี้หรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นการตัดสินใจของแต่ละบุคคล และตนก็เคารพการตัดสินใจของแต่ละคน
ส่วนจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกหรือไม่นั้นคงยังไม่ได้นัดสินใจในตอนนี้ และไม่คิดว่าการตัดสินใจเข้ามาเล่นการเมืองและต้องถูกกล่าวหาเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และขณะนี้รู้สึกสบายใจ ส่วนอนาคตยังไม่คิดถึงเพราะจะต้องชี้แจงข้อกล่าวหาก่อน
คนกรุงมอบกุหลาบแดงให้กำลังใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่แถลงข่าวเสร็จนายอภิรักษ์ได้ลงไปพบปะประชาชน และข้าราชการ กทม. ส.ส.-ส.ก. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ที่มาให้กำลังใจหลายร้อยคน ซึ่งแต่ละคนได้นำดอกกุหลาบสีแดงมามอบให้ผู้ว่าฯ กทม.
พร้อมกันนี้นายอภิรักษ์ ได้กล่าวขอบคุณด้วยเสียงอันสั่นเครือซึ่งมีใจความว่า ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ของคุณคะแนนเสียงทั้ง 911,441 คะแนนที่มอบให้ ทั้งนี้ในระหว่างการรับมอบดอกไม้นายอภิรักษ์มีน้ำตาคลอตลอดเวลา ขณะที่แฟนคลับของนายอภิรักษ์ก็หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
ปธ.ที่ปรึกษา กม.ชี้ชอบด้วยสัญญา
นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ประธานทีมที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายของนายอภิรักษ์กล่าวว่า จากนี้ไปทีมกฎหมายจะได้จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมทั้งหมดอย่างรอบด้าน แต่ต้องรอดูข้อกล่าวหาทางคตส.ได้ด้วยว่าเป็นอย่างไรเพราะตอนนี้ยังไม่ทราบในรายละเอียด ส่วนจะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาหรือไม่นั้นไม่อยากคาดคะเนว่าจะแพ้หรือชนะ แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ดำเนินการทุกขั้นตอนที่ชอบด้วยสัญญา
ด้าน นายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ รองปลัด กทม. กล่าวว่า หากทางคตส.ได้ส่งเอกสารข้อมูลต่างๆ มาให้กับกทม.แล้ว ขั้นตอนต่อไปกทม.จะต้องสอบถามไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อให้ตีความว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งในขณะนี้ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายที่กทม.ขอจากทางอสส.ได้มาแล้ว ก็จะต้องปรึกษาหารือในข้อกฎหมายให้รอบด้านอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กทม.เสียผลประโยชน์ ทั้งนี้หากโครงการจัดซื้อรถ-เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิงยุติจริง ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาหารือในรายละเอียดใหม่
ประธาน คตส.ชื่นชม
นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีการทุจริตเรือ-รถดับเพลิงของ กทม.กล่าวว่า ความจริงนายอภิรักษ์ไม่ต้องหยุดทำงานก็ได้ เพราะเป็นแค่เพียงข้อกล่าวหา แต่การกระทำเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดี ที่จะสร้างมาตรฐานทางการเมืองที่ดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 3 คน ควรจะทำเหมือนกับนายอภิรักษ์หรือไม่ นายนามตอบว่า ตนไม่อยากไปก้าวล่วง
เมื่อถาม คตส.สรุปว่าทำเอโอยู เป็นโมฆะ ส่งผลให้สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะด้วย เหตุใด นายอภิรักษ์จึงถูกตั้งข้อกล่าวหาด้วย เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง นายนาม กล่าวว่า สัญญาดังกล่าวมีการเซ็นมาก่อนหน้านี้หมดแล้ว จึงถือว่ามีผลบังคับ ในส่วนของนายอภิรักษ์ ได้เข้ามาดำเนินการต่อด้วยการลงนามเปิด แอลซี และทำให้สัญญานั้นสามารถเดินหน้าต่อไปอีก ซึ่งเป็นความเห็นที่แตกต่างของ คตส.เมื่อเสียงส่วนใหญ่เห็นอย่างก็ต้องปฏิบัติตาม
เมื่อซักว่า หาก คตส.ยืนยันว่า เอโอยู ถือเป็นโมฆะตั้งแค่ต้น มีโอกาสที่นายอภิรักษ์จะหลุดจากข้อกล่าวหาในชั้นไต่สวนหรือไม่ นายนามกล่าวว่า นายอภิรักษ์ต้องมาแก้ข้อกล่าวหาก่อน และต้องดูว่าสามารถชี้แจงหักล้างข้อกล่าวหาได้หรือไม่ ถ้าทำได้ก็ถือว่าไม่ผิด
ทั้งนี้ จะถูกหรือผิดนายอภิรักษ์ก็ยังมีเวลาที่จะชี้แจง เพราะหลังจากนี้ คตส.จะแจ้งข้อกล่าวหากับทุกคน เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาและแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า หลังจากที่ คตส.แจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้องครบแล้ว คดีนี้ก็จะสามารถเดินต่อไปได้และสามารถสรุปได้ในเร็วๆนี้ คาดว่าจะทันตามกรอบเวลาที่วางไว้
พปช.เหน็บแนม-ปัดไม่เกี่ยวหมัก
ที่รัฐสภา ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงว่า ทีมโฆษกพรรคได้วิเคราะห์กันแล้วเห็นว่า น่าชื่นชมในสปิริต เป็นการกระทำที่ถูกต้อง ถือเป็นบรรทัดฐานที่ดี เพราะคดีเกิดขึ้นระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. แต่การตัดสินใจดังกล่าวของนายอภิรักษ์และพรรคประชาธิปัตย์นั้น ต้องการให้กระทบชิ่งนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมหรือไม่ ที่โดนคดีเดียวกันแต่ไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งความจริงเรื่องนี้มันคนละส่วนกัน เนื่องจากขณะนี้นายสมัครเป็นนายกฯ ไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดี อย่างไรก็ตาม ถ้านายอภิรักษ์มีเจตนาบริสุทธิ์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนคดีสิ้นสุด แม้หมดวาระผู้ว่าฯ กทม.แล้วก็ไม่สามารถลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสมัคร ไม่แสดงสปิริตหยุดการปฎิบัติหน้าที่บ้าง ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า คดีที่นายสมัครโดนไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในขณะนี้ ถ้าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบ
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวว่า อยู่ที่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งนายอภิรักษ์ไม่จำเป็นต้องยุติบทบาทการปฏิบัติหน้าที่ เพราะคตส.เพียงแค่ชี้มูล นายอภิรักษ์ยังมีสิทธิที่จะชี้แจงข้อกล่าวหา สุดท้ายคตส.อาจจะยุติไม่ดำเนินคดีกับนายอภิรักษ์ก็ได้ ตนว่าควรทำงานต่อไปไม่ต้องรีบแสดงสปิริต อะไร เพราะว่า เดือน ก.ย.อายุการทำงานก็หมดแล้ว ต้องมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพหานครขึ้นมาใหม่
ส่วนกรณีของนายสมัครที่ถูกชี้มูล ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่าขณะนั้นนายสมัครเป็นผู้ว่า กทม. โดย กทม.ก็เป็นเขตปกครองพิเศษที่มาจากการเลือกตั้ง ใครจะก้าวก่ายไม่ได้ แต่วันนี้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นคนละเรื่อง เรียกได้ว่า ต่างกรรมต่างวาระการพิจารณาจะแตกต่างกัน
ไม่เกี่ยว 3 รมต.รัฐบาลหมัก
ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต. ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกับกรณี 3 รัฐมนตรีที่ตกเป็นจำเลยคดีทุจริตการออกสลากพิเศษเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว (หวยบนดิน) เพราะชัดเจนว่านายอภิรักษ์ปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องที่ถูกกล่าวหา แต่ 3 รัฐมนตรีไม่ใช่
พล.ต.ท. วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่ารัฐมนตรีทั้ง 3 คนไม่ต้องพักงานเพราะเป็นเรื่องของการดำรงตำแหน่งเมื่อรัฐบาลที่แล้ว ส่วนกรณีที่นายอภิรักษ์ยุติการทำหน้าที่เพราะคตส.ชี้มูลเรื่องรถดับเพลิงนั้นคิดว่า นายอภิรักษ์ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมที่ถูกร้องเพราะฉะนั้นหยุดทำงานนั้นถูกแล้ว
"หมอเลี้ยบ" กอดเก้าอี้ รมต.แน่น
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า คดีรถดับเพลิงมีความแตกต่างจากคดีหวยบนดิน เนื่องจากในคดีของนายอภิรักษ์ คตส.ชี้มูลช่วงที่อยู่ระหว่างดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนของตนใช้การเทียบเคียงจากคดีเมื่อปี 45 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เคยกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ 2 คนว่ามีความผิด และท้ายที่สุด ปปช.มีมติว่า ปปช.ไม่สามารถกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวได้ เพราะพ้นจากหน้าที่ไปแล้วเกิน 2 ปี การกล่าวหาของ คตส.ที่เกี่ยวข้องกับความผิดของตน คตส.จึงไม่สามารถดำเนินการได้ต่อไปได้ เพราะขณะนั้นตนเป็น รมว.ไอซีที ที่พ้นจากตำแหน่งเมื่อเดือน มี.ค. 48 ซึ่งหาก คตส.ใช้อำนาจของ ป.ป.ช.กล่าวหา ก็ต้องกล่าวหาก่อนเดือน มี.ค.50 ซึ่งถึงตอนนี้หมดอายุไปแล้ว
"คตส.ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะฟ้องผมและรัฐมนตรีบางคนได้ เพราะหมดอายุความอย่างที่มติปปช.ก่อนหน้านี้ระบุไว้ ส่วนอดีตรมต.ท่านอื่นที่ร่วมอยู่ในคณะ ต้องไปพิจารณาว่าวันที่เขาพ้นจากตำแหน่งอยู่ในวันไหน และจากการหารือเป็นการส่วนตัวกับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ให้ความเห็นไว้ว่าผมยังสามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งทางการเมืองอยู่ได้" น.พ.สุรพงษ์กล่าว
ส่วนการกำกับดูแลสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ยังทำหน้าที่ต่อไปได้ ยกเว้นหวยบนดินจะยังไม่ดำเนินการใดๆ ต้องรอความชัดเจนว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองจะประทับรับฟ้องหรือไม่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความไม่แน่ใจทางการเมืองจึงขอระงับไว้ก่อน และหลังจากที่มั่นใจแล้วจึงจะดำเนินการต่อไปได้
รมว.พม.ยันยังไม่ปลด "คุณหญิงณฐนนท"
นายสุธา ชันแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์กรณีคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน อดีตปลัดกทม.)ซึ่งถูก คตส.แจ้งข้อกล่าวหากรณีซื้อรถ-เรือดับเพลิงว่า คุณหญิงณฐนนท เป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาของตน ไม่ใช่ที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการจึงไม่มีอำนาจลงนามสั่งการใดๆ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาในเรื่องของเด็กและสตรี ซึ่งตนเห็นว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ดังนั้น คงไม่ปลดจากคณะที่ปรึกษา
ด้าน คุณหญิงณฐนนท กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่รู้ข้อกล่าวหาที่ คตส. ส่งฟ้อง จึงยังไม่รู้ว่าบกพร่องในหน้าที่อย่างไร โดยกรณีจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง เป็นการดำเนินการตามโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาล ที่มอบให้กทม.ปฏิบัติ ซึ่งตนแสดงเจตนาบริสุทธิ์ในการคัดค้านการเปิดแอลซี และชะลอการเปิดแอลซีมาตลอด แต่ไม่มีอำนาจในการสั่งระงับ เพราะไม่ใช่อำนาจของปลัด กทม.จะทำได้ ส่วนตนเองที่มีหน้าที่ในทีมที่ปรึกษาของ รมว.พม.นั้น หากนายสุธาเห็นว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการเมืองก็พร้อมจะออกจากทีมที่ปรึกษา
