xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นทั่วโลกป่วนหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหุ้นทั่วโลกสะดุ้ง พิษซับไพรม์ยังกีดแผลลึกต่อเศรษฐกิจโลก หลังกองทุนดังจากลอนดอน "Carlyle Capital Corp" ส่อโดนทึ้งแย่งสินทรัพย์ ฉุดดัชนีหุ้นไทยวูบเกือบ 13 จุดจ่อหลุด 800 จุดอีกครั้ง โบรกฯชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯส่งสัญญาณวิกฤตหนัก "ภัทรียา" เชื่อการชุมนุมของพันธมิตรฯไม่กระทบการลงทุน เตรียมเหินฟ้าโรดโชว์สัปดาห์หน้า ขณะที่คาดอีก 3 เดือนได้ข้อสรุป 6 ตลาดหุ้นตั้งกระดานหุ้นอาเซียนคัด 30 หุ้นใหญ่ล่อใจนักลงทุนต่างชาติ ด้านสมาคมบล. MOU พันธมิตรไตหวันหวังพัฒนาระบบสู่สากล





ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (13 มี.ค.) ความวิตกกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังปัญหาอสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของกลุ่ม Carlyle Capital Corp ซึ่งเป็นบริษัทกองทุนของลอนดอน โดยมีแนวโน้มว่าบรรดาเจ้าหนี้ของกองทุนดังกล่าวอาจจะเข้ามายึดครองสินทรัพย์ของบริษัทหลังไม่ประสบความสำเร็จในการเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้เรื่องการผลัดนัดชำระหนี้จนส่งผลทำให้เกิดแรงขายในตลาดหุ้นทั่วโลก

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงมาปิดที่ 814.31 จุด ลดลง 12.69 จุด หรือ 1.53% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวัน ขณะที่จุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 827.10 จุด หรือ 18,056.32 ล้านบาท ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 937.99 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 436.91 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,374.89 ล้านบาท

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การประกาศชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 28 มี.ค.นี้ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจของประเทศยังถือว่ามีแนวโน้มการปรับตัวในทิศทางที่ดี ประกอบกับการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลน่าจะช่วยสร้างความมั่นใจในวงกว้างขึ้น

ทั้งนี้ การเดินทางไปโรดโชว์ข้อมูลให้นักลงทุนที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อสร้างความเข้าใจต่อเศรษฐกิจของนั้นไทย แม้ว่ากระทรวงการคลังจะไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วยเนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงติดภาระกิจ แต่ตลท.ก็ยังจะเดินหน้าในการโรดโชว์ตามกำหนดการเดิม โดยในส่วนของการโรดโชว์ที่ลอนดอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตอบรับจะร่วมเดินทางไปด้วย นอกจากนี้ตลท.ยังอยู่ระหวว่างการเตรียมไปโรดโชว์ในประเทศภูมิภาคเอเชียอีก 4-5 ประเทศขณะที่ประเทศในแถบยุโรปและตะวันออกกลางอยู่ระหว่างการตัดสินใจ

"การรวมตัวของกลุ่มพันธมิตรฯคงไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่องประกอบกับได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประกาศออกมา"นางภัทรียากล่าว





**ศก.สหรัฐส่อเค้าวิกฤต

นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงเนื่องจากปัจจัยเกี่ยวกับปัญหาซับไพรม์ในสหรัฐฯที่ระอุขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะประกาศอัดฉีดเงิน 2 แสนดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่เชื่อว่าคงไม่ช่วยอะไรได้มาก เนื่องจากหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเฟดจะประสบความล้มเหลวในการป้องกันภาวะถดถอยของเศรษฐกิจซึ่งคาดว่าจะรุนแรงและยาวนานกว่าจะคาดไว้ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ สัญญาณที่บ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน เห็นได้จากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนซึ่งลดลงต่ำกว่า 100 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี โดยเรื่องดังกล่าวเป็นผลมาจากความกังวลภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อโลก จนทำให้กองทุนต่างชาติที่มีการลงทุนในตราสารหนี้ซีดีโอ เทขายสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดหุ้นทั่วโลกเพื่อถือครองเงินสดแทน

สำหรับแนวโน้มในวันนี้ คาดว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อ เนื่องจากปัจจัยหลายๆเรื่องยังต้องเผชิญความเสี่ยงอย่างรุนแรงจากภาวะตกต่ำของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยในคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในส่วนของยอดค้าปลีกเดือนกุมภาพันธ์ โดยหากประเมินความเสียหายจากปัญหาซับไพร์มคาดว่าในระยะยาวเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าขั้นวิกฤต โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจจะต้องเผชิญแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง จนอาจทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงต่ำกว่า 790 จุดอีกครั้ง โดยแนะนำนักลงทุนขายหุ้นและถือเงินสดลดความเสี่ยง แนวรับ 800 จุด แนวรับถัดไป 790 จุดแนวต้าน 820 จุด



**ดัชนีจ่อหลุด800จุด

บทวิเคราะห์บล.ฟินินซ่า ระบุว่า ประเด็นการเมืองในประเทศโดยเฉพาะเรื่องการยุบพรรค หลังจากอนุกรรมการกกต.มีมติ (ในทางลับ) เกี่ยวกับคดีที่นายวีระ สมความคิด ยื่นฟ้องว่าพรรคพลังประชาชน (พปช.) เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทยซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่ามีมูล โดยขั้นตอนต่อไปต้องรอการพิจารณาของกกต.ใหญ่ว่าจะมีความเห็นกับกรณีดังกล่าวอย่างไร นอกจากนี้ประเด็นการยุบพรรคจากกรณีกกต.ให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช กรรมการบริหารพรรคฯ ในข้อหาทุจริตการเลือกตั้ง รวมถึงข่าวล่าสุดกรณีการยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวของอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯเพื่อเป็นการแสดงสปิริตหลังคตส.มีมติชี้มูลความผิดกรณีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง

ทั้งนี้ สถานการณ์ในปัจจุบันแนะนำให้นักลงทุนรอซื้อ โดยคาดว่าดัชนีอาจจะปรับตัวลดลงมาบริเวณ 800 จุด โดยจะต้องดูแรงกดดันจากต่างประเทศโดยเฉพาะกรณีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 18 มี.ค.นี้





**3เดือนสรุปผลตลาดหุ้นอาเซียน

นางภัทรียา กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าในการหารือร่วมกับผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์อาเซียน 6 ประเทศ คือ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมหากันเพื่อหาแนวทางที่จะสร้างความน่าสนใจแก่นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอาเซียน

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันเบื้องต้นนที่จะมีการคัดเลือกบริษัทจดทะเบียน 30 บริษัท เพื่อนำไปซื้อขายบนกระดานตลาดหลักทรัพย์ภูมิภาคอาเซียน เพื่อที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนในต่างประเทศเข้ามาลงทุนและกระตุ้นให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น และสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดหลักทรัพย์อาเซียน

นอกจากนี้ในอีก 3 เดือนข้างจะมีการประชุมผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์อาเซียน ที่ประเทศอินโดนีเซียอีกครั้งเพื่อหารือเรื่องดังกล่าว รวมถึงการซื้อขายเชื่อมโยงระหว่างกัน และความพร้อมในการดำเนินการดังกล่าวรวมถึงข้อตกลงระหว่างตลาดหลักทรัพย์ในแต่ละประเทศ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปดำเนินการดังกล่าวภายในการประชุมครั้งนี้

"หากสามารถสรุปในเรื่องรายละเอียดได้ในการประชุมครั้งนี้ คงต้องหารือเรื่องการซื้อขายก่อนทั้งด้านเทคนิคด้านการดำเนินงาน ซึ่งหากตกลงในรายละเอียดได้หลังจากนั้นจะใช้เวลา 6 เดือน เพื่อเตรียมความพร้อมภาคปฏิบัติต่อไป"นางภัทรียากล่าว

สำหรับตลาดหุ้นไทยนั้น มีความพร้อมในเรื่องการดำเนินการดังกล่าวแต่เนื่องจากมีบางประเทศยังไม่พร้อม จึงต้องรอให้แต่ละประเทศมีความพร้อมในการดำเนินการดังกล่าวก่อน และตลาดหุ้นของแต่ละประเทศต้องพัฒนาระบบเชื่อมโยงซื้อขายระหว่างกันได้ก่อน ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้แก่นักลงทุนเข้ามาลงทุนได้สะดวกขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างโอกาสดีของบริษัทหลักทรัพย์ที่จะได้ประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวให้มีรายได้จากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มากขึ้น



**บล.ไทยMOUบล.ไตหวัน

นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์(บล.) กล่าวว่า สมาคมบล.ไทย ได้ทำบันทึกข้อตกลงกับสมาคมบล.ไตหวัน เพื่อประโยชน์ใน 3 เรื่อง ได้แก่ การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารรวมทั้งการเปิดโอกาสให้พนักงานของแต่ละบริษัทสามารถเยี่ยมชมธุรกิจหลักทรัพย์ระหว่างกัน รวมถึงยังเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น ข้อมูลกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ รวมถึงการพัฒนาสินค้าใหม่ๆในตลาดทุน

นอกจากนี้ ยังจะร่วมกันพัฒนาประสิทธิภาพด้านปฎิบัติการหลักทรัพย์ การปรับปรุงเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับการเปิดเสรีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

Mr.Min-Juh Hwang นายกสมาคมบล.ไตหวัน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไตหวันมีขนาดใหญ่กว่าตลาดหุ้นไทยประมาณ 5 เท่าความรู้และประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ กฎระเบียบต่างๆ จะต้องนำมาศึกษาว่ารูปแบบใดจะเหมาะสมกับตลาดหุ้นไทยซึ่งตลาดหุ้นไตหวันพร้อมให้ความสนับสนุนเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่
กำลังโหลดความคิดเห็น