xs
xsm
sm
md
lg

ส่งตำรวจฆ่าทหารเข้าคุกโหดขู่ห้ามช่วยปล่อยตาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผยถึงกรณี ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี อายุ 32 ปี ทหารสังกัดกองพันสารวัตรทหารบก กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ถูก ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา อายุ 37 ปี ผบ.หมู่ ป.ช่วยงานฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ยิงเสียชีวิต ว่าได้สั่งให้เจ้ากรมยุทธบริการทหาร ไปติดตามเรื่องเพื่อให้เกิดความยุติธรรมในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ทั้งนี้ คงไม่จะเกิดเหตุบานปลายกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างทหารกับตำรวจ
ด้าน พล.ท.สมหมาย เกาฏีระ เจ้ากรมยุทธบริการทหาร ต้นสังกัดผู้เสียชีวิต กล่าวว่าตนในฐานะผู้บังคับบัญชาได้ปรึกษากับนายทหารฝ่ายเสธ.ของ กรมยุทธบริการทหาร เห็นตรงกันว่าตำรวจทำเกินเหตุมากไปใช้อาวุธปืนยิงคน ในตลาด ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะและไม่น่าจะกระทำ อย่างน้อยควรใช้วิจารณญาณมากกว่านี้ ไม่ควรใช้อาวุธให้เกิดความรุนแรง ซึ่งผู้บังคับบัญชาของตำรวจน่าจะลงมาดูว่าการใช้อาวุธน่าจะมีหลักการมากกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้
พล.ท.สมหมาย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนเรียกลูกน้องที่เห็นเหตุการณ์ มาสอบถามได้ความว่า ส.ต.ชัยวุฒิ ที่เสียชีวิตไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการขายซีดีแต่อย่างใด แต่ขณะไปซื้อของที่ตลาดพบเห็นบุคคลแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ไม่แน่ใจว่าเป็นตำรวจเข้าไปจับกุมพ่อค้าขายซีดี และได้กระทำรุนแรงกับพ่อค้า ซึ่งเขาเห็นว่าเป็นการรังแกประชาชน และไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ เพราะแต่ตัวคล้ายตำรวจปลอม จึงเข้าไปตักเตือน และเกิดปากเสียงกันขึ้น โดยมีประชาชนและตำรวจนอกเครื่องแบบห้ามปรามจึงยุติ แต่ขณะเดียวกันลูกน้องตนทีอยู่มนที่เกิดเหตุเห็น ส.ต.ชัยวุฒิ ซื้อข้าวเหนียวหมู่ย่างและกำลังจะขึ้นรถมอไซด์กลับ ปรากฏว่าตำรวจได้ควักปืนจากเอวมายิงจนเสียชีวิตอย่างอุกอาจ
“ตำรวจต้องให้ความเป็นธรรมกับลูกน้องของตนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ รอง ผบช.น และ ผกก.สน.ประชาชื่น คุยกันและพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะไม่อยากให้กลายเป็น น้ำผึ้งหยดเดียว แต่ทางทหารยืนยันว่าจะต้องให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ เพราะถือว่าเราถูกกระทำจนเสียชีวิต”

ขู่ยิงสารวัตรทหารที่เข้าห้าม
ด้าน ร.ต.พิเชษฐ์ พิมพ์ทอง สารวัตรทหาร สังกัดกรมยุทธการบริการทหาร พยานคนสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายเข้ามาจับกุมแผงค้าซีดีในตลาดนัด พร้อมพูดจาข่มขู่ด้วยการเอะอะโวยวายเสียงดัง และใช้ความรุนแรง มีการกระชากตัวคนขายใส่กุญแจมือ ก่อนกดตัวลงกับพื้น และใช้เท้าเหยียบหลัง เมื่อ ส.ต.ชัยวุฒิ และ จ.ส.อ. วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง เห็นเข้าก็เกิดความไม่พอใจ
“ผมเห็นเลยเดินเข้าไปบอกให้ใจเย็นๆ ก่อน แต่มันไม่ฟัง หันปืนมาที่ผม พูดว่า มึงไม่เกี่ยว ถ้าเข้ามากูจะยิงมึงอีกคน ตอนนั้นผมเหลือบไปเห็นชัยวุฒิ นอนร้องตะโกนให้ผมช่วย บอกว่า ผมเจ็บ ๆ ๆ ผมถูกปืนจ่อเลยเข้าไปช่วยไม่ได้ จนชัยวุฒินอนแน่นิ่งไป”

เหี้ยมยิงแล้วห้ามคนช่วยปล่อยให้ตาย
นอกจากนี้ ผู้เห็นเหตุการณ์อีกรายระบุว่า ได้ออกจากบ้านไปซื้อของที่ตลาดนัดดังกล่าว โดยได้ยืนอยู่แถวสะพาน จากนั้นเห็น ตำรวจทั้ง 2 นายเข้าไปจับกุมแผงขายซีดี จึงได้ชะโงกหน้าไปดู มีทหาร 2 คนตามไปดูด้วย ต่อมาไม่นาน เห็นทหารอีกคนโวยวายว่า ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ มาจับซีดี แต่ไม่แสดงบัตรประจำตัว
“สักพัก ผมเห็นผู้ตาย เดินไปขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์ ขณะนั้นเห็นมีคนใส่หมวก วิ่งถืออาวุธปืนตามผู้ตายมา และเป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้ตาย ได้ดันรถจักรยานยนต์ถอยหลัง พร้อมกับหันกลับรถไปพอดี ก็เห็นคนยิง มาทราบตอนหลังว่าเป็นตำรวจ ยิงเข้าใส่ผู้ตาย 1 นัด ผมยังได้ยินผู้ตายร้องโอ้ยคำเดียว แล้วหงายหลังล้มลงพร้อมรถไปกองอยู่ที่พื้น ขณะนั้น ผู้ที่เห็นเหตุการณ์พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ แต่ตำรวจคนยิงส่ายกระบอกปืนไปมา พร้อมประกาศห้ามใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว และช่วยเหลือ ขณะที่เพื่อนของตำรวจอีกคน วิ่งตามเพื่อนของผู้ตาย ไปก่อนจะเข้าชาร์จ จากนั้นใช้อาวุธปืนจ่อเข้าที่หน้าอก พร้อมกับกดหัวลง และให้ตำรวจสายตรวจมารับตัวไปภายหลัง ผมยังเห็นเขาบังคับไม่ให้ผู้ตายลุกขึ้นมา ทั้งที่ยังไม่เสียชีวิต ก่อนที่จะใช้มือดึงอาวุธปืนผู้ตายออกจากเอว แล้วใช้เท้าเขี่ยต่อ โดยกว่ารถพยาบาลหรือรถมูลนิธิจะมาถึง ขณะนั้นกินเวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง โดยจากบริเวณจุดเกิดเหตุ ไปยังโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่นนั้น ระยะทางไม่ถึงครึ่งกิโลเมตร หากคนยิงจะให้นำตัวผู้ตายส่งโรงพยาบาล อาจจะไม่เสียชีวิตก็เป็นได้” ผู้เห็นเหตุการณ์รายนี้กล่าว
วันเดียวกันที่สถาบันนิติเวชวิทยา จ.ส.อ.ศักดิ์ชัย ประสมศรี อายุ 67 ปี บิดา ส.ต.ชัยวุฒิ พร้อมด้วยนางนกแก้ว ประสมศรี อายุ 22 ปี ภรรยาเดินทางไปรับศพเพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดท่าศาลาราม ต.ท่าเสน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี

คำร้องฝากขังช่วยพวกเดียวกัน
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดี เวลา 14.00 น.ที่ศาลอาญา พ.ต.ท.รัชพล พูลเกิด พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น นำตัว ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่และป้องกันตัว และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ จ.ส.ต.ปรวิศร์ จองพิทักษ์พงษ์ ผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่าผู้อื่น กักขังหน่วงเหนี่ยว ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ มาฝากขังต่อศาลอาญา โดยทั้งสองคนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น
โดยคำร้องฝากขัง สรุปว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 51 เวลา 17.30 น. ขณะที่ผู้ต้องหาทั้งสองคน ออกตรวจท้องที่พบนายประมาณ เนียมเผือก จำหน่ายแผ่นซีดี โดยไม่ได้รับอนุญาต บริเวณแผงลอยริมถนนเลียบคลองประปา ใกล้แฟลต บก.สส. แขวงจตุจักร กทม. จึงได้เข้าจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดี
ระหว่างจับกุม มี.ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี และจ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง เข้าไปสอบถาม และส.ต.ชัยวุฒิ ได้พูดท้าทาย พร้อมกับเปิดชายเสื้อด้านขวา ให้เห็นอาวุธปืนพกที่เหน็บอยู่ที่เอว ก่อนจะเดินจากไป และเมื่อผู้ต้องหาทั้งสองจับกุมนายประมาณเสร็จและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาสนับสนุน ระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1 เห็นส.ต.ชัยวุฒิ ขี่รถจักรยานยานยนต์ออกมา จึงเรียกให้หยุดแจ้งว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ ส.ต.ชัยวุฒิ ชักอาวุธปืนออกจากเอว ผู้ต้องหาที่ 1 จึงชักปืนออกมายิง เพื่อยับยั้งและป้องกันเหตุ 1 นัด จน ส.ต.ชัยวุฒิ เสียชีวิต ขณะเดียวกัน ผู้ต้องหาที่สองได้ใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะและลำตัวของ จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง และใส่กุญแจมือ เพื่อป้องกันเหตุร้าย
ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสอง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่า เป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่และป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
พนักงานสอบสวนพิจารณาเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงและผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ส่วนผู้ตายและผู้ถูกกล่าวหา เป็นทหาร และการสอบสวนยังไม่เสร็จเสร็จ ต้องสอบสวนพยานอีก 10 ปาก รอผลการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และผลการตรวจพยานวัตถุ จากกองพิสูจน์หลักฐาน จึงขออนุญาตฝากขังผู้ต้องหาไว้ 12 วัน ถึง วันที่ 23 มี.ค.
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้ผู้ต้องหา ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรือข่มขู่พยาน ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมา พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ประชาชื่น และ พ.ต.ท.เอนก อุ่นเดช สว.สส.สน.ประชาชื่น ได้ใช้ตำแหน่งตีมูลค่ารวม 565,300 บาท เป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1 ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ถวัลย์ พวกเกษม รองผกก.สส.สน. ประชาชื่นใช้ตำแหน่งตี มูลค่า 319,600 บาท เป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ 2

ศาลเชื่อมือปืนปล่อยให้ตายส่งขังคุก
ศาลโดยนายวิธูร คลองมีคุณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พิเคราะห์สำนวนสอบสวนที่เลขานุการศาลอาญาประสานมาจากพนักงานสอบสวน จ.ส.อ. วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง และพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุให้ถ้อยคำ ทำนองเดียวกันว่า ขณะผู้ต้องหาเข้าจับกุมผู้ค้าแผงลอยมีการยื้อยุดฉุดกระชากผู้ค้า ผู้ตายจึงเข้าไปสอบถาม ผู้ต้องหาเปิดชายเสื้อให้เห็นปืนแล้ว บอกว่าเป็นตำรวจ ผู้ตายจึงเดินกลับไป บริเวณปากทางเข้าแฟลต จากนั้นประมาณ 10 นาทีจึงเดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์และกำลังถอยรถจักรยานยนต์ จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1 เข้าไปยิงผู้ตายจนล้มลงทั้งรถจักรยานยนต์ ขณะที่มือผู้ตายอีกมือหนึ่งยังถือถุงข้าวเหนียวหมูปิ้ง เพื่อนผู้ตายเข้ามาจะนำตัวส่งโรงพยาบาลผู้ต้องหาก็ไม่ยินยอม ส่วนอาวุธปืนของผู้ตาย ผู้ต้องหาก็เป็นผู้หยิบ ออกจากเอวของผู้ตายหลังจากที่ถูกยิงแล้ว
ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหาเป็นการกระทำต่อผู้ตาย โดยที่ผู้ตายไม่ได้ทันระวังตัว และไม่มีการแสดงท่าทางข่มขู่หรือขัดขวาง การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ต้องหา แต่อย่างใด จึงเป็นการกระทำโดยอุกอาจ ต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก โดยที่ผู้ตาย ไม่ได้ชักอาวุธปืนออกมาตามที่ระบุในคำร้องฝากขัง อีกทั้งเมื่อเพื่อนและผู้บังคับบัญชาของผู้ตายจะพาตัวส่งโรงพยาบาล ผู้ต้องหาก็ไม่ยินยอม ดังนั้นหากปล่อยตัวชั่วคราวไปเกรงว่าจะหลบหนีและจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานทำให้พยานเกิดความ หวาดกลัวได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอประกันตัว พร้อมสั่งคืนหลักทรัพย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้งสองคนส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น