ตำรวจประชาชื่นเปลี่ยนท่าทีคุมตัว 2 ตำรวจ ฆ่าและพยายามฆ่าทหารฝากขังศาลอาญาผลัดแรก แต่ไม่คัดค้านการประกันตัว อ้างเหตุผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ข่มขู่พยานแต่อย่างใด ขณะที่พยานผู้เห็นเหตุการณ์เผยนาทีโหด แฉคนยิงพูดใครช่วยจะยิงให้ตาย
วันนี้ (12 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดี ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา อายุ 37 ปี ผบ.หมู่ ป.ช่วยงานฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิง ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี อายุ 32 ปี ทหารสังกัดกองพันสารวัตรทหารบก กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด จนเสียชีวิต เหตุเกิดที่ตลาดนัดหน้าอาคารสวัสดิการประชาชื่น กองบัญชาการทหารสูงสุด ถนนริมคลองประปาประชาชื่น แขวงและเขตจตุจักร กทม.เมื่อเวลา 18.00 น.ของเมื่อวานที่ผ่านมา ว่า เมื่อเวลา 14.00 น.พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้ควบคุมตัว ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา ผู้จ้องหาฐานฆ่าคนตายโดยอ้างว่าเป็นเจ้าพนักงานพยายามปฏิบัติหน้าที่ และจ.ส.ต.ปรวิศร์ จองธรรมพิทักษ์พงศ์ ผบ.หมู่ ป.ฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ผู้ต้องหาฐานพยายามฆ่า มาที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสอง
โดย พ.ต.ท.รัชพล พูลเกิด รอง ผกก.สส.สน.ประชาชื่น กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอฝากขังโดยไม่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้ผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ข่มขู่พยานแต่อย่างใด เบื้องต้นทั้งสองให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่และป้องกันตัวตามสมควรแก่เหตุ ซึ่งผลการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น จะต้องมีการสอบพยานเพิ่มเติ่มอีก 10 ปาก และรอตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และผลการตรวจพยานวัตถุ จากกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีกำหนดฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 23 มีนาคม 51
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาที่ศาลอาญาได้ใช้เสื้อคลุมหน้าผู้ต้องหาทั้งสองคนอย่างมิดชิด และรีบนำเข้าห้องส่งตัวผู้ต้องหาอย่างรวดเร็ว
ด้าน ร.ต.พิเชษฐ์ พิมพ์ทอง สารวัตรทหาร สังกัดกรมยุทธการบริการทหาร พยานคนสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์เปิดเผยว่า ปกติหน้าแฟลตทหารจะมีตลาดนัดทุกวันอังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ โดยมีแม่ค้าทั่วไปและแม่บ้านทหารนำสินค้ามาวางขายจำนวนมาก แต่ช่วงเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายเข้ามาจับกุมแผงค้าซีดีในตลาดนัด พร้อมพูดจาข่มขู่ด้วยการเอะอะโวยวายเสียงดัง และใช้ความรุนแรง มีการกระชากตัวคนขายใส่กุญแจมือ ก่อนกดตัวลงกับพื้น และใช้เท้าเหยียบหลัง เมื่อ ส.ต.ชัยวุฒิ และ จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง เห็นเข้าก็เกิดความไม่พอใจจึงเดินเข้าไปสอบถามว่าทำไมต้องใช้ความรุนแรง เป็นตำรวจจริงหรือไม่ พร้อมขอดูบัตร จากนั้น ส.ต.อ.ประสาท ไม่ได้พูดอะไรพร้อมเปิดเสื้อขึ้นให้ดูปืนที่พกอยู่ที่เอว และบอกว่า “มึงไม่เกี่ยวอย่ามายุ่ง” จากนั้นเห็นทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันจนเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ตนจึงเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นนายทหารยศ ร.ต. และบอกกับลูกน้องว่าตำรวจสองคนนี้มาทำงาน อย่าไปยุ่ง ถ้าอยากจับใครก็ให้จับไป จากนั้นทั้งหมดได้แยกย้ายกันไป
“หลังแยกย้าย ชัยวุฒิเดินไปซื้อหมูปิ้งแล้วเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์เตรียมขี่กลับบ้าน ระหว่างที่คร่อมรถก็หยิบหมูปิ้งมากิน ช่วงนั้นผมเห็นตำรวจชื่อประสาทกำลังขึ้นลำปืนเลยตะโกนบอกให้ชัยวุฒิหลบ แต่ไม่ทันขาดคำมันก็จ่อปืนยิงเข้าที่หน้าอกจนชัยวุฒิล้มลงคารถมอเตอร์ไซค์ ช่วงนั้นจ่าวิชิ วิ่งเข้าไปช่วยก็ถูกตำรวจอีกคนจับใส่กุญแจมือ ผมเห็นเลยเดินเข้าไปบอกให้ใจเย็นๆ ก่อน แต่มันไม่ฟัง หันปืนมาที่ผม พูดว่า มึงไม่เกี่ยว ถ้าเข้ามากูจะยิงมึงอีกคน ตอนนั้นผมเหลือบไปเห็นชัยวุฒินอนร้องตะโกนให้ผมช่วย บอกว่าผมเจ็บๆๆ ผมถูกปืนจ่อเลยเข้าไปช่วยไม่ได้ จนชัยวุฒินอนแน่นิ่งไป” ร.ต.พิเชษฐ์ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
นอกจากนี้ ผู้เห็นเหตุการณ์อีกรายหนึ่งระบุว่า ได้ออกจากบ้านไปซื้อของที่ตลาดนัดดังกล่าว โดยได้ยืนอยู่แถวสะพาน จากนั้นเห็นตำรวจทั้ง 2 นายเข้าไปจับกุมแผงขายซีดี จึงได้ชะโงกหน้าไปดู โดยมีทหาร 2 คนตามไปดูด้วย จากนั้นไม่ได้สนใจอะไร แต่ต่อมาไม่นานเห็นทหารอีกคนโวยวายว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุมาจับซีดีแต่ไม่แสดงบัตรประจำตัว
“สักพัก ผมเห็นผู้ตาย(ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี) เดินไปขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์ที่จอดหันหน้าไปติดคลอง ขณะนั้นเห็นมีคนใส่หมวก (ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา มือปืน) วิ่งถืออาวุธปืนตามผู้ตายมา และเป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้ตายได้ดันรถจักรยานยนต์ถอยหลังพร้อมกับหันกลับรถไปพอดี ก็เห็นคนยิง มาทราบตอนหลังว่าเป็นตำรวจ ยิงเข้าใส่ผู้ตาย 1 นัด ผมยังได้ยินผู้ตายร้องโอ๊ยคำเดียวแล้วหงายหลังล้มลงพร้อมรถไปกองอยู่ที่พื้น ขณะนั้นผู้ที่เห็นเหตุการณ์พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ แต่ตำรวจคนยิงส่ายกระบอกปืนไปมา พร้อมประกาศห้ามใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวและช่วยเหลือ ขณะที่เพื่อนของตำรวจอีกคน (จ.ส.ต.ปรวิศร์ จองธรรมพิทักษ์พงศ์) วิ่งตามเพื่อนของผู้ตาย (จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง) ไป ก่อนจะเข้าชาร์จ จากนั้นใช้อาวุธปืนจ่อเข้าที่หน้าอก พร้อมกับกดหัวลง และให้ตำรวจสายตรวจมารับตัวไปภายหลัง ผมยังเห็นเขาบังคับไม่ให้ผู้ตายลุกขึ้นมาทั้งที่ยังไม่เสียชีวิต ก่อนที่จะใช้มือดึงอาวุธปืนผู้ตายออกจากเอวแล้วใช้เท้าเขี่ยต่อ โดยกว่ารถพยาบาลหรือรถมูลนิธิจะมาถึง ขณะนั้นกินเวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง โดยจากบริเวณจุดเกิดเหตุไปยังโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สาขาประชาชื่นนั้น ระยะทางไม่ถึงครึ่งกิโลเมตร หากคนยิงจะให้นำตัวผู้ตายส่งโรงพยาบาลอาจจะไม่เสียชีวิตก็เป็นได้” ผู้เห็นเหตุการณ์รายนี้ กล่าว
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา จ.ส.อ.ศักดิ์ชัย ประสมศรี อายุ 67 ปี บิดา ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี ทหารสังกัดกองพันสารวัตรทหารบก กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ทีถูกส.ต.อ.ประสาท วันทิมา ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม ช่วยงานสืบสวนสน.ประชาชื่น ยิงเสียชีวิต พร้อมด้วยนางนกแก้ว ประสมศรี อายุ 22 ปี ภรรยา ผู้บังคับบัญชา และญาติเดินทางมารับศพ ส.ต.ชัยวุฒิ
จ.ส.อ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า หลังจากนี้ จะนำเพื่อไปบำเพ็ญกุศลที่วัดท่าศาลาราม ต.ท่าเสน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เบื้องต้นจะทำบุญ 3 วันต้องไปคุยกับญาติอีกที อาจจะเป็น 5 วัน แต่อย่างไรก็ไม่เกิน 5 วัน จากนั้นก็จะฌาปนกิจเลย สำหรับลูกชายคนนี้ปกติเป็นคนใจเย็น พูดจาไพเราะอ่อนหวาน รักครอบครวบครัว ไม่น่าเกิดเหตุแบบนี้กับเขา และเขาก็ไม่เคยมีเรื่องกับใคร เขาจะกลับไปเยี่ยมตนเองและครอบครัวเดือนละประมาณ 8 ครั้ง เพราะบ้านอยู่แค่เพชรบุรีไม่ไกลจากกรุงเทพ ครั้งสุดท้ายที่คุยกันก็เมื่อวานนี้ โดยคุยกันเรื่องโอนโทรศัพท์ให้กับตนเอง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการทำศพทางต้นสังกัดก็จะดูแลให้ ส่วนเรื่องคดีก็คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาเป็นคนดำเนินการ
ด้านนางนกแก้ว กล่าวทั้งน้ำตาว่า แต่งงานอยู่กินกับ ส.ต.ชัยวุฒิ มา 3 ปี จนมีลูกชายด้วยกัน 1 คนอายุเพิ่งได้ 1 ขวบ 7 เดือน ชื่อ ด.ช.ชนาธิป ประสมศรี ตนเองกับลูกอยู่บ้านที่ จ.ปราจีนบุรี ตนเองได้คุยกับสามีครั้งสุดท้ายเมื่อวานเวลา 09.40 น. โดยได้โทรศัพท์พุดคุยกันสามีบอกเพียงว่าจะนอนพักผ่อนก็วางสายกันไป จนกระทั่งช่วงเย็นตนเองจะออกจากบ้านปิดประตูบ้านก็ได้ยินเสียงถ้วยชามในบ้านเหมือนกระทบกันแตกเสียงดัง ก็เปิดประตูเข้าไปในครัวก็พบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นคิดว่าเป็นลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
นางนกแก้ว กล่าวต่อว่า จนกระทั่งดึกญาติโทรมาบอกว่าสามีเสียชีวิต ก็ไม่เชื่อให้เพื่อนที่เป็นกู้ภัยเช็กให้ก็ปรากฏว่ามีชื่อสามีเสียชีวิตจริงก็รู้สึกเสียใจมาก ปกติเขาเป็นคนใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น รักครอบครัวไม่มีท่าทีโผงผางแต่อย่างใด ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับเขา ขาดเขาไปก็เหมือนขาดเสาหลักของครอบครัวลูกก็ยังเล็กอยู่ ตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เรื่องคดีและเรื่องศพทางผู้บังคับบัญชาของสามีก็เป็นคนดำเนินการให้
วันนี้ (12 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดี ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา อายุ 37 ปี ผบ.หมู่ ป.ช่วยงานฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิง ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี อายุ 32 ปี ทหารสังกัดกองพันสารวัตรทหารบก กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด จนเสียชีวิต เหตุเกิดที่ตลาดนัดหน้าอาคารสวัสดิการประชาชื่น กองบัญชาการทหารสูงสุด ถนนริมคลองประปาประชาชื่น แขวงและเขตจตุจักร กทม.เมื่อเวลา 18.00 น.ของเมื่อวานที่ผ่านมา ว่า เมื่อเวลา 14.00 น.พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้ควบคุมตัว ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา ผู้จ้องหาฐานฆ่าคนตายโดยอ้างว่าเป็นเจ้าพนักงานพยายามปฏิบัติหน้าที่ และจ.ส.ต.ปรวิศร์ จองธรรมพิทักษ์พงศ์ ผบ.หมู่ ป.ฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ผู้ต้องหาฐานพยายามฆ่า มาที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสอง
โดย พ.ต.ท.รัชพล พูลเกิด รอง ผกก.สส.สน.ประชาชื่น กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอฝากขังโดยไม่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้ผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ข่มขู่พยานแต่อย่างใด เบื้องต้นทั้งสองให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่และป้องกันตัวตามสมควรแก่เหตุ ซึ่งผลการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น จะต้องมีการสอบพยานเพิ่มเติ่มอีก 10 ปาก และรอตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และผลการตรวจพยานวัตถุ จากกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีกำหนดฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 23 มีนาคม 51
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาที่ศาลอาญาได้ใช้เสื้อคลุมหน้าผู้ต้องหาทั้งสองคนอย่างมิดชิด และรีบนำเข้าห้องส่งตัวผู้ต้องหาอย่างรวดเร็ว
ด้าน ร.ต.พิเชษฐ์ พิมพ์ทอง สารวัตรทหาร สังกัดกรมยุทธการบริการทหาร พยานคนสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์เปิดเผยว่า ปกติหน้าแฟลตทหารจะมีตลาดนัดทุกวันอังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ โดยมีแม่ค้าทั่วไปและแม่บ้านทหารนำสินค้ามาวางขายจำนวนมาก แต่ช่วงเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายเข้ามาจับกุมแผงค้าซีดีในตลาดนัด พร้อมพูดจาข่มขู่ด้วยการเอะอะโวยวายเสียงดัง และใช้ความรุนแรง มีการกระชากตัวคนขายใส่กุญแจมือ ก่อนกดตัวลงกับพื้น และใช้เท้าเหยียบหลัง เมื่อ ส.ต.ชัยวุฒิ และ จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง เห็นเข้าก็เกิดความไม่พอใจจึงเดินเข้าไปสอบถามว่าทำไมต้องใช้ความรุนแรง เป็นตำรวจจริงหรือไม่ พร้อมขอดูบัตร จากนั้น ส.ต.อ.ประสาท ไม่ได้พูดอะไรพร้อมเปิดเสื้อขึ้นให้ดูปืนที่พกอยู่ที่เอว และบอกว่า “มึงไม่เกี่ยวอย่ามายุ่ง” จากนั้นเห็นทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันจนเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ตนจึงเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นนายทหารยศ ร.ต. และบอกกับลูกน้องว่าตำรวจสองคนนี้มาทำงาน อย่าไปยุ่ง ถ้าอยากจับใครก็ให้จับไป จากนั้นทั้งหมดได้แยกย้ายกันไป
“หลังแยกย้าย ชัยวุฒิเดินไปซื้อหมูปิ้งแล้วเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์เตรียมขี่กลับบ้าน ระหว่างที่คร่อมรถก็หยิบหมูปิ้งมากิน ช่วงนั้นผมเห็นตำรวจชื่อประสาทกำลังขึ้นลำปืนเลยตะโกนบอกให้ชัยวุฒิหลบ แต่ไม่ทันขาดคำมันก็จ่อปืนยิงเข้าที่หน้าอกจนชัยวุฒิล้มลงคารถมอเตอร์ไซค์ ช่วงนั้นจ่าวิชิ วิ่งเข้าไปช่วยก็ถูกตำรวจอีกคนจับใส่กุญแจมือ ผมเห็นเลยเดินเข้าไปบอกให้ใจเย็นๆ ก่อน แต่มันไม่ฟัง หันปืนมาที่ผม พูดว่า มึงไม่เกี่ยว ถ้าเข้ามากูจะยิงมึงอีกคน ตอนนั้นผมเหลือบไปเห็นชัยวุฒินอนร้องตะโกนให้ผมช่วย บอกว่าผมเจ็บๆๆ ผมถูกปืนจ่อเลยเข้าไปช่วยไม่ได้ จนชัยวุฒินอนแน่นิ่งไป” ร.ต.พิเชษฐ์ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
นอกจากนี้ ผู้เห็นเหตุการณ์อีกรายหนึ่งระบุว่า ได้ออกจากบ้านไปซื้อของที่ตลาดนัดดังกล่าว โดยได้ยืนอยู่แถวสะพาน จากนั้นเห็นตำรวจทั้ง 2 นายเข้าไปจับกุมแผงขายซีดี จึงได้ชะโงกหน้าไปดู โดยมีทหาร 2 คนตามไปดูด้วย จากนั้นไม่ได้สนใจอะไร แต่ต่อมาไม่นานเห็นทหารอีกคนโวยวายว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุมาจับซีดีแต่ไม่แสดงบัตรประจำตัว
“สักพัก ผมเห็นผู้ตาย(ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี) เดินไปขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์ที่จอดหันหน้าไปติดคลอง ขณะนั้นเห็นมีคนใส่หมวก (ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา มือปืน) วิ่งถืออาวุธปืนตามผู้ตายมา และเป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้ตายได้ดันรถจักรยานยนต์ถอยหลังพร้อมกับหันกลับรถไปพอดี ก็เห็นคนยิง มาทราบตอนหลังว่าเป็นตำรวจ ยิงเข้าใส่ผู้ตาย 1 นัด ผมยังได้ยินผู้ตายร้องโอ๊ยคำเดียวแล้วหงายหลังล้มลงพร้อมรถไปกองอยู่ที่พื้น ขณะนั้นผู้ที่เห็นเหตุการณ์พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ แต่ตำรวจคนยิงส่ายกระบอกปืนไปมา พร้อมประกาศห้ามใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวและช่วยเหลือ ขณะที่เพื่อนของตำรวจอีกคน (จ.ส.ต.ปรวิศร์ จองธรรมพิทักษ์พงศ์) วิ่งตามเพื่อนของผู้ตาย (จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง) ไป ก่อนจะเข้าชาร์จ จากนั้นใช้อาวุธปืนจ่อเข้าที่หน้าอก พร้อมกับกดหัวลง และให้ตำรวจสายตรวจมารับตัวไปภายหลัง ผมยังเห็นเขาบังคับไม่ให้ผู้ตายลุกขึ้นมาทั้งที่ยังไม่เสียชีวิต ก่อนที่จะใช้มือดึงอาวุธปืนผู้ตายออกจากเอวแล้วใช้เท้าเขี่ยต่อ โดยกว่ารถพยาบาลหรือรถมูลนิธิจะมาถึง ขณะนั้นกินเวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง โดยจากบริเวณจุดเกิดเหตุไปยังโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สาขาประชาชื่นนั้น ระยะทางไม่ถึงครึ่งกิโลเมตร หากคนยิงจะให้นำตัวผู้ตายส่งโรงพยาบาลอาจจะไม่เสียชีวิตก็เป็นได้” ผู้เห็นเหตุการณ์รายนี้ กล่าว
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา จ.ส.อ.ศักดิ์ชัย ประสมศรี อายุ 67 ปี บิดา ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี ทหารสังกัดกองพันสารวัตรทหารบก กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ทีถูกส.ต.อ.ประสาท วันทิมา ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม ช่วยงานสืบสวนสน.ประชาชื่น ยิงเสียชีวิต พร้อมด้วยนางนกแก้ว ประสมศรี อายุ 22 ปี ภรรยา ผู้บังคับบัญชา และญาติเดินทางมารับศพ ส.ต.ชัยวุฒิ
จ.ส.อ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า หลังจากนี้ จะนำเพื่อไปบำเพ็ญกุศลที่วัดท่าศาลาราม ต.ท่าเสน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เบื้องต้นจะทำบุญ 3 วันต้องไปคุยกับญาติอีกที อาจจะเป็น 5 วัน แต่อย่างไรก็ไม่เกิน 5 วัน จากนั้นก็จะฌาปนกิจเลย สำหรับลูกชายคนนี้ปกติเป็นคนใจเย็น พูดจาไพเราะอ่อนหวาน รักครอบครวบครัว ไม่น่าเกิดเหตุแบบนี้กับเขา และเขาก็ไม่เคยมีเรื่องกับใคร เขาจะกลับไปเยี่ยมตนเองและครอบครัวเดือนละประมาณ 8 ครั้ง เพราะบ้านอยู่แค่เพชรบุรีไม่ไกลจากกรุงเทพ ครั้งสุดท้ายที่คุยกันก็เมื่อวานนี้ โดยคุยกันเรื่องโอนโทรศัพท์ให้กับตนเอง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการทำศพทางต้นสังกัดก็จะดูแลให้ ส่วนเรื่องคดีก็คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาเป็นคนดำเนินการ
ด้านนางนกแก้ว กล่าวทั้งน้ำตาว่า แต่งงานอยู่กินกับ ส.ต.ชัยวุฒิ มา 3 ปี จนมีลูกชายด้วยกัน 1 คนอายุเพิ่งได้ 1 ขวบ 7 เดือน ชื่อ ด.ช.ชนาธิป ประสมศรี ตนเองกับลูกอยู่บ้านที่ จ.ปราจีนบุรี ตนเองได้คุยกับสามีครั้งสุดท้ายเมื่อวานเวลา 09.40 น. โดยได้โทรศัพท์พุดคุยกันสามีบอกเพียงว่าจะนอนพักผ่อนก็วางสายกันไป จนกระทั่งช่วงเย็นตนเองจะออกจากบ้านปิดประตูบ้านก็ได้ยินเสียงถ้วยชามในบ้านเหมือนกระทบกันแตกเสียงดัง ก็เปิดประตูเข้าไปในครัวก็พบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นคิดว่าเป็นลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
นางนกแก้ว กล่าวต่อว่า จนกระทั่งดึกญาติโทรมาบอกว่าสามีเสียชีวิต ก็ไม่เชื่อให้เพื่อนที่เป็นกู้ภัยเช็กให้ก็ปรากฏว่ามีชื่อสามีเสียชีวิตจริงก็รู้สึกเสียใจมาก ปกติเขาเป็นคนใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น รักครอบครัวไม่มีท่าทีโผงผางแต่อย่างใด ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับเขา ขาดเขาไปก็เหมือนขาดเสาหลักของครอบครัวลูกก็ยังเล็กอยู่ ตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เรื่องคดีและเรื่องศพทางผู้บังคับบัญชาของสามีก็เป็นคนดำเนินการให้