ตำรวจเปิดศึกยิงทหารดับ!! คาแผงซีดีเถื่อน

2 ตำรวจประชาชื่นเข้ามาจับซีดีเถื่อนในตลาดย่าน บก.สูงสุด เอาเท้าเหยียบหลังคนขาย ด้านสองทหารเห็นทำเกินกว่าเหตุพยายามเข้าไปห้ามกลับถูกตะคอกใส่ “กูเป็นตำรวจ มึงไม่ต้องมายุ่ง” ก่อนเกิดเหตุสลด ตำรวจยิงทหารดับ 1 ฝ่ายหนึ่งอ้างยิงใส่เพื่อป้องกันตัว ส่วนอีกฝ่ายอ้างเดินเข้ามายิงอย่างเลือดเย็น ซ้ำจัดฉากให้เป็นวิสามัญฯ เพราะปืนยังไม่ได้ขึ้นลำ

วันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น. พ.ต.ต.นรา พันธุ์ยิ่งยก พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.ประชาชื่น รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในตลาดนัดหน้าอาคารสวัสดิการประชาชื่น กองบัญชาการทหารสูงสุด ถนนริมคลองประปาประชาชื่น แขวงและเขตจตุจักร กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนะพัฒน์ ผกก.สน.ประชาชื่น พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ์ ผกก.สืบสวน บก.น.2 เจ้าหน้าที่อัยการ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุในตลาดเจ้าหน้าที่พบศพ ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี อายุ 32 ปี ทหารสังกัดกองพันสารวัตรทหารบก กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเขียวพับแขน นุ่งกางเกงยีนส์ สวมรองเท้าหนังสีน้ำตาล มีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สีดำ หมายเลขทะเบียน กธฉ-394 เพชรบูรณ์ ล้มทับขาข้างซ้าย และในมือซ้ายกำถุงข้าวเหนียว 1 ถุง ตรวจสอบตามร่างหายพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่หน้าอกด้านขวา 1 นัด

นอกจากนี้ บริเวณมือขวาผู้ตายเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนขนาด 11 มม.จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองหนังตกอยู่ที่พื้น ห่างไปเล็กน้อยพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 ปลอก จึงเก็บรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังพบ ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา อายุ 30 ปี ผบ.หมู่ ป.ช่วยงานฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ยืนถืออาวุธปืนขนาด 9 มม.รอมอบตัวอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำ และยึดอาวุธปืนไว้ตรวจสอบ

จากการสอบสวน น.ส.รัญจวน มันทลา อายุ 33 ปี แม่ค้าขายขนมปังปิ้งให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นายเข้ามาจับกุมพ่อค้าขายซีดีเถื่อนในตลาด แต่มีการโต้เถียงกันก่อนจะมีเหตุชุลมุนเกิดขึ้น ระหว่างนั้นก็เห็นผู้ตายเดินออกมาจากกลุ่มที่มีการโต้เถียงกันแล้วเดินไปซื้อข้าวเหนียว ก่อนจะเดินไปนั่งรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนขึ้น 1 นัด เมื่อหันไปมองก็เห็นผู้ตายล้มลงไปนอนที่พื้น ก่อนที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจะจับกุมเพื่อนของผู้ตายใส่กุญแจมือแล้วนำขึ้นรถออกจากที่เกิดเหตุไป

ต่อมา จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง อายุ 34 ปี ทหารสังกัดกองดุริยางค์ กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ พร้อมกับเปิดเผยว่าก่อนเกิดเหตุตนกับผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์คนละคันออกมาจากที่พักและมาซื้อของที่ตลาด ระหว่างเดินซื้อของก็เห็นพ่อค้าขายซีดีกำลังถูกชายฉกรรจ์ 2 คนจับนอนคว่ำหน้าใช้เท้าเหยียบหลังใส่กุญแจมือ ตนกับผู้ตายจึงเดินเข้าไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทางชายฉกรรจ์ทั้ง 2 คนก็หันมามอง และเปิดชายเสื้อให้เห็นปืนพร้อมกับพูดว่า “กูเป็นตำรวจ มึงไม่ต้องมายุ่ง” จึงทำให้ตนและเพื่อนโมโหและยืนโต้เถียงกันอยู่สักพัก จนมีนายทหารยศร้อยตรีคนหนึ่งเดินเข้ามาห้ามไว้ ตนกับเพื่อนจึงเดินหนีออกมา

จ.ส.อ.วิชิต กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนกับผู้ตายก็เดินมาที่จอดรถจักรยานยนต์บริเวณหน้าตลาด ผู้ตายก็แวะซื้อข้าวเหนียวมา 1 ถุง แล้วเดินมาขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์และเข็นถอยหลังออกจากที่จอดรถเพื่อจะขี่รถกลับไปที่ห้องพัก ขณะนั้นเองตำรวจนอกเครื่องแบบ 1 นายที่มีปากเสียงกันก่อนหน้านี้ ซึ่งทราบชื่อภายหลัง คือ ส.ต.อ.ประสาท ได้เดินเข้ามาหาผู้ตายและใช้อาวุธปืนยิงใส่ 1 นัดอย่างเลือดเย็น จนทำให้เพื่อนล้มคว่ำนอนแน่นิ่งไป จากนั้น ส.ต.อ.ประสาทก็เดินเข้าไปพลิกศพผู้ตายหงายหน้า พร้อมทั้งตรวจค้นตามร่างกาย ก่อนดึงอาวุธปืนที่อยู่ในซองปืนจากเอวขวาของผู้ตายออกมาวางแยกกัน ส่วนตนก็ถูกตำรวจทั้ง 2 นายเข้ามาจับใส่กุญแจมือ ทั้งๆ ที่แจ้งให้ทราบว่าตนเองเป็นทหาร แต่ตำรวจทั้ง 2 นายก็ไม่ฟัง ยังควบคุมตัวไปที่โรงพัก ซึ่งเมื่อไปถึงที่โรงพัก ตนจึงโทรศัพท์แจ้งผู้บังคับบัญชา ก่อนที่ผู้บังคับบัญชาก็เดินทางมารับตน ตำรวจจึงได้ปล่อยตัวออกมา

ด้าน พล.ต.ต.วรศักดิ์ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ ส.ต.อ.ประสาท ให้การว่า ระหว่างเข้าจับกุมพ่อค้าขายซีดีเถื่อนก็ถูกผู้ตายกับเพื่อนเข้ามาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ผู้ต้องหาพยายามใช้อาวุธปืนยิงใส่ก่อน ตำรวจจึงชักอาวุธปืนยิงใส่ไป 1 นัด เพื่อเป็นการป้องกันตัว อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาต่อ ส.ต.อ.ประสาท ว่าฆ่าคนตายโดยเจตนาไว้ก่อน และจะได้ทำการสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นมาอย่างไร เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายว่า หลังจากเกิดเหตุก็ได้มี พล.ท.สมหมาย เกาฏีระ เจ้ากรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด พร้อมนายทหารชั้นผู้ใหญ่อีกหลายนาย และเพื่อนของผู้ตายเดินทางมาที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งแสดงความไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะจากการตรวจสอบอาวุธปืนก็ไม่ได้มีการขึ้นลำกล้องที่พร้อมจะใช้งาน และในมือข้างซ้ายยังกำถุงข้าวเหนียวไว้อีกด้วย จึงทำให้ไม่มีใครเชื่อว่าผู้ตายจะชักอาวุธปืนยิงตำรวจก่อน