xs
xsm
sm
md
lg

ทหารฮึ่ม! ตร.ทำเกินกว่าเหตุ-แฉคำร้องฝากขังโคตรสตรอเบอรี!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด แสดงความมั่นใจตำรวจยิงทหารเสียชีวิตจะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว สั่งนายทหารพระธรรมนูญติดตามคดีอย่างใกล้ชิด ขณะที่เจ้ากรมยุทธบริการทหารระบุตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ยิงคนกลางตลาด ขณะที่ตำรวจทำคำร้องฝากขัง ถูกทหารท้าทายและโชว์ปืนใส่ก่อน พร้อมใช้ตำแหน่งตั้งแต่ ผกก.รอง ผกก.ขอประกันตัว แต่ศาลไม่เชื่อ ระบุไม่ยอมพาส่งโรงพยาบาล จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว


วันนี้ (12 มี.ค.) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี ทหารสังกัดกองพันสารวัตรทหารบก กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ยิงเสียชีวิต ว่า ขณะนี้ได้สั่งให้ทางเจ้ากรมยุทธบริการทหาร ไปติดตามเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรง ทั้งนี้ ตนได้รับรายงานว่า ส.ต.ชัยวุฒิ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต ส่วนรายละเอียดต้องว่ากันอีกครั้ง ทั้งนี้ คงไม่จะเกิดเหตุบานปลายกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างทหารกับตำรวจ เพราะคุยกันรู้เรื่องไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งตนได้ให้กรมพระธรรมนูญของ บก.ทหารสูงสุด ไปติดตามดูรายละเอียดเรื่องนี้ด้วย

ด้าน พล.ท.สมหมาย เกาฏีระ เจ้ากรมยุทธบริการทหาร ผู้บังคับบัญชา ส.ต.ชัยวุฒิ กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ซึ่งตนในฐานะผู้บังคับบัญชา ได้ปรึกษากับนายทหารฝ่าย เสธ.ของกรมยุทธบริการทหาร เห็นตรงกันว่า ตำรวจทำเกินเหตุมากไป ใช้อาวุธปืนยิงคนในตลาด ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ และไม่น่าจะกระทำ อย่างน้อยควรใช้วิจารณญาณมากกว่านี้ ไม่ควรใช้อาวุธให้เกิดความรุนแรง ซึ่งผู้บังคับบัญชาของตำรวจน่าจะลงมาดูว่า การใช้อาวุธน่าจะมีหลักการมากกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ และควรปรับปรุงมาตรฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับล่าง เพราะหากเกิดกับประชาชนคนธรรมดาจะรู้สึกอย่างไร อยากเรียกร้องให้ตำรวจพิจารณาในสิ่งเหล่านี้ด้วย

พล.ท.สมหมาย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนเรียกลูกน้องที่เห็นเหตุการณ์มาสอบถามได้ความว่า ส.ต.ชัยวุฒิ ที่เสียชีวิต ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการขายซีดีแต่อย่างใด แต่ขณะที่ไปซื้อของที่ตลาดพบเห็นบุคคลแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ไม่แน่ใจว่าเป็นตำรวจเข้าไปจับกุมพ่อค้าขายซีดี และได้กระทำรุนแรงกับพ่อค้า ซึ่งเขาเห็นว่าเป็นการรังแกประชาชน และไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ เพราะแต่งตัวคล้ายตำรวจปลอม จึงเข้าไปตักเตือน และเกิดปากเสียงกันขึ้น โดยมีประชาชนและตำรวจนอกเครื่องแบบห้ามปรามจึงยุติ แต่ขณะเดียวกัน ลูกน้องตนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเห็น ส.ต.ชัยวุฒิ ซื้อข้าวเหนียวหมู่ย่าง และกำลังจะขึ้นรถมอเตอร์ไซค์กลับ ปรากฏว่า ตำรวจได้ควักปืนจากเอวมายิงจนเสียชีวิตอย่างอุกอาจ

“ตำรวจยิงง่ายเกินไป ไม่น่าถึงขั้นลงไม้ลงมือด้วยการใช้อาวุธ ดังนั้น เรื่องนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา และเชื่อว่า เรื่องจะจบไปตามกระบวนการทางกฎหมายเอง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น สอบถามจากหลายๆ คน มีความน่าจะเป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุไป ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว และผู้บังคับบัญชา โดยท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ทราบเรื่อง และได้กำชับมาแล้วด้วยเช่นกัน” พล.ท.สมหมาย กล่าว

พล.ท.สมหมาย กล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้การสอบสวนอย่างเป็นธรรม อย่าบิดเบือน ตนไม่เรียกร้องอะไรมาก แต่อยากเห็นความเป็นธรรมขึ้น ไม่อยากให้เกิดเรื่องบานปลาย เพราะลูกน้องตนเสียชีวิตเป็นเรื่องปกติที่เราต้องเสียใจ และขณะนี้มีตำรวจนอกเครื่องแบบเดินเกลื่อนอยู่บริเวณดังกล่าว ไม่รู้ใครเป็นใคร เพราะมีตำรวจปลอมที่มีพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์ประชาชนตกเป็นข่าวบ่อยครั้ง อยากให้ผู้บังคับบัญชาของตำรวจเอาใจใส่มากกว่านี้

เจ้ากรมยุทธบริการทหาร กล่าวอีกว่า นายทหารพระธรรมนูญ ได้รายงานให้ทราบว่า ตำรวจไปขออำนาจศาลฝากขัง ส.ต.อ.ประสาท แล้ว ส่วนจะให้ฝากขังหรือไม่ขึ้นอยู่กับศาล แต่ถ้าฝากขังและตำรวจขอประกันตัว ก็เป็นเรื่องของสิทธิผู้ต้องหา แต่เราเตรียมยื่นขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ และทำเกินกว่าเหตุไป เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้สะเทือนขวัญ และกำลังใจของกำลังพล

เมื่อถามว่าจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกน้องอย่างไร ในเมื่อทางตำรวจทำเกินกว่าเหตุ พล.ท.สมหมาย กล่าวว่า ผบ.ทหารสูงสุด ให้ดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับผู้ใต้บังคับบัญชาเต็มที่ ขณะนี้ได้ให้นายทหารพระธรรมนูญจากกรมยุทธบริการทหารไปติดตามเรื่องนี้โดยตรงถึง 2 คน ทั้งนี้ ได้เรียนไปทางผู้ใหญ่ของตำรวจว่า คดีนี้ช่วยกรุณาสั่งกำชับให้ความเป็นธรรม ให้ความยุติธรรมว่าไปตามข้อเท็จจริง เพราะหากไม่ว่าไปตามข้อเท็จจริง จะเกิดปัญหาบานปลาย

พล.ท.สมหมาย กล่าวต่อว่า จากการที่เข้าไปในที่เกิดเหตุ และเรียกลูกน้องมาสอบถามทุกคนก็ให้การตรงกัน และเหตุการณ์เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ และทุกคนก็พูดตรงกัน และอีกอย่างหนึ่ง เชื่อในความเป็นทหารของพวกตนว่า พูดความจริงไม่มีการแต่งเติม สรุปคือมีความรู้สึกว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ เพราะไม่น่าถึงขั้นต้องใช้อาวุธ และอีกอย่างหนึ่งตำรวจใช้อาวุธในที่กลางตลาด และมีคนอื่นอีกเยอะ ในความรู้สึกของตนถือว่าตำรวจไม่ใช้วิจารณญาณในการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ตำรวจน่าจะใช้วิจารณญาณให้มากกว่านี้ คิดว่าวิจารณญาณต่ำไปหน่อย สมมติว่า ถ้ายิงลูกน้องตนไม่ถูก ก็จะต้องไปถูกประชาชนคนอื่น เพราะอยู่ในตลาด ดังนั้น การเป็นตำรวจเมื่อใช้อาวุธจะต้องมีวิจารณญาณ หรือสติสัมปชัญญะสูงกว่านี้เยอะ

“ลูกน้องผมเป็นสารวัตรทหาร และในที่เกิดขึ้นก็อยู่บริเวณบ้านพักของทหาร บก.ทหารสูงสุด ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่แล้ว ก็อยู่ในพื้นที่ แต่วันนั้นได้เลิกงานแล้วก็เกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาไม่เกี่ยวกับเรื่องซีดี และไม่รู้จักกับตำรวจผู้ยิง ไม่ได้มีความแค้นเคืองกัน ไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบนี้เลย ขณะนี้ไม่อยากให้เกิดปัญหาบานปลาย แต่ตำรวจต้องให้ความเป็นธรรมกับลูกน้องของผมอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ ผกก.สน.ประชาชื่น คุยกัน และพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะไม่อยากให้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ขณะนี้ ทางผู้ใหญ่ก็คุยกันอยู่ แต่ทางทหารยืนยันว่า จะต้องให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ เพราะถือว่าเราถูกกระทำจนเสียชีวิต” พล.ท.สมหมาย กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การเข้าไปจับกุม หรือตรวจค้นบริเวณดังกล่าว จำเป็นจะต้องขออนุญาตฝ่ายทหารหรือไม่ พล.ท.สมหมาย กล่าวว่า ในจุดที่เกิดขึ้นอยู่บริเวณด้านหน้า ตำรวจสามารถเข้าไปตรวจค้นก็ได้ แต่เรื่องนี้ตนไม่ได้สนใจอะไร สนใจแต่เพียงลูกน้องตนถูกกระทำจนขั้นเสียชีวิต ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องซีดีอะไรเลย ที่ผ่านมา สารวัตรทหารก็ช่วยงานตำรวจเกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติดมาตลอด แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องรุนแรงแบบนี้ เพราะเราก็ร่วมมือกับ สน.ประชาชื่น มาตลอด

วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.รัชพล พูลเกิด พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น นำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น ประกอบด้วย ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่น โดยอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่และป้องกันตัว และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ จ.ส.ต.ปรวิศร์ จองพิทักษ์พงษ์ ผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่าผู้อื่น กักขังหน่วงเหนี่ยว ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาฝากขังต่อศาลอาญา โดยทั้งสองคนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น

ในคำร้องฝากขัง สรุปว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2551 เวลา 17.30 น.ขณะที่ผู้ต้องหาทั้งสองคน ออกตรวจท้องที่พบ นายประมาณ เนียมเผือก จำหน่ายแผ่นซีดี โดยไม่ได้รับอนุญาต บริเวณแผงลอยริมถนนเลียบคลองประปา ใกล้แฟลต บก.สส.แขวงจตุจักร กทม.จึงได้เข้าจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดี ระหว่างจับกุม มี.ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี และ จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง เข้าไปสอบถาม และ ส.ต.ชัยวุฒิ ได้พูดท้าทาย พร้อมกับเปิดชายเสื้อด้านขวาให้เห็นอาวุธปืนพกที่เหน็บอยู่ที่เอว ก่อนจะเดินจากไป และเมื่อผู้ต้องหาทั้งสองจับกุมนายประมาณเสร็จ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาสนับสนุน ระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1 เห็น ส.ต.ชัยวุฒิ ขี่รถจักรยานยานยนต์ออกมา จึงเรียกให้หยุดแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ ส.ต.ชัยวุฒิ ชักอาวุธปืนออกจากเอว ผู้ต้องหาที่ 1 จึงชักปืนออกมายิง เพื่อยับยั้งและป้องกันเหตุ 1 นัด จน ส.ต.ชัยวุฒิ เสียชีวิตขณะเดียวกัน ผู้ต้องหาที่สองได้ใช้อาวุธปืนจ่อศีรษะและลำตัวของ จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลางและใส่กุญแจมือ เพื่อป้องกันเหตุร้าย

ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสอง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่า เป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่และป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

พนักงานสอบสวนพิจารณาเห็นว่า เป็นคดีที่อัตราโทษสูง ผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ส่วนผู้ตายและผู้ถูกกล่าวหา เป็นทหาร และการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก รวมทั้งรอผลการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และผลการตรวจพยานวัตถุ จากกองพิสูจน์หลักฐาน จึงขออนุญาตฝากขังผู้ต้องหาไว้ 12 วันตั้งแต่วันที่ 12-23 มี.ค.นี้

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้ผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรือข่มขู่พยาน

ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ต่อมา พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ประชาชื่น และ พ.ต.ท.เอนก อุ่นเดช สว.สส.สน.ประชาชื่น ได้ใช้ตำแหน่งตีมูลค่ารวม 565,300 บาท เป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1 ขณะเดียวกันพ.ต.ท.ถวัลย์ พวกเกษม รอง ผกก.สส.สน.ประชาชื่นใช้ตำแหน่งตีมูลค่า 319,600 บาท เป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ 2

ศาลโดย นายวิธูร คลองมีคุณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พิเคราะห์สำนวนสอบสวนที่เลขานุการศาลอาญาประสานมาจากพนักงานสอบสวน จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง และพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุให้ถ้อยคำทำนองเดียวกันว่า ขณะผู้ต้องหาเข้าจับกุมผู้ค้าแผงลอย มีการยื้อยุดฉุดกระชากผู้ค้า ผู้ตายจึงเข้าไปสอบถาม ผู้ต้องหาเปิดชายเสื้อให้เห็นปืนแล้ว บอกว่า เป็นตำรวจ ผู้ตายจึงเดินกลับไป บริเวณปากทางเข้าแฟลต จากนั้นประมาณ 10 นาที จึงเดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์และกำลังถอยรถจักรยานยนต์ จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1 เข้าไปยิงผู้ตายจนล้มลงทั้งรถจักรยานยนต์ ขณะที่มือผู้ตายอีกมือหนึ่ง ยังถือถุงข้าวเหนียวหมูปิ้ง เพื่อนผู้ตายเข้ามาจะนำตัวส่งโรงพยาบาล ผู้ต้องหาก็ไม่ยินยอม ส่วนอาวุธปืนของผู้ตาย ผู้ต้องหาก็เป็นผู้หยิบออกจากเอวของผู้ตาย หลังจากที่ถูกยิงแล้ว ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหาเป็นการกระทำต่อผู้ตาย โดยที่ผู้ตายไม่ได้ทันระวังตัว และไม่มีการแสดงท่าทางข่มขู่หรือขัดขวาง การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ต้องหาแต่อย่างใด จึงเป็นการกระทำโดยอุกอาจ ต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก โดยที่ผู้ตายไม่ได้ชักอาวุธปืนออกมาตามที่ระบุในคำร้องฝากขัง อีกทั้งเมื่อเพื่อนและผู้บังคับบัญชาของผู้ตายจะพาตัวส่งโรงพยาบาล ผู้ต้องหาก็ไม่ยินยอม ดังนั้น หากปล่อยตัวชั่วคราวไปเกรงว่าจะหลบหนีและจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทำให้พยานเกิดความหวาดกลัวได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอประกันตัว พร้อมสั่งคืนหลักทรัพย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป

แฉนาทีฆ่า! ตร.ขู่ห้ามใครช่วย ปล่อยทหารตายอย่างเลือดเย็น!
“วิบูลย์” อ้างกฎหมายใหม่ ยังไม่ขัง “ส.ต.อ.” ปืนโหดฆ่าทหาร
ทหารยกพลบุก สน.ประชาชื่น โวยตำรวจทำเกินกว่าเหตุ
ตำรวจ เปิดศึก ยิงทหารดับ !! คาแผงซีดีเถื่อน


กำลังโหลดความคิดเห็น