ผู้จัดการรายวัน - คลังถก3หน่วยงานกระตุ้นเศรษฐกิจศุกร์นี้ ส่วนงบฯ ปี 52 ยังเป็นงบขาดดุล แต่ไม่เกิน 2.5% ของจีดีพี ตามประมาณการจีดีพีโต 5.5-6% ขณะที่แผนบริหารชาติ 4 ปี ฉลุย ครม.รวม 12.26 ล้าน
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 14 มี.ค.นี้กระทรวงการคลังจะหารือร่วมกับ 3 หน่วยงานประกอบด้วย สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ถึงการตัดทอนงบประมาณในปี 2552 เนื่องจากในขณะนี้ฐานรายได้กับรายจ่ายของแต่ละกระทรวงรวมกันแล้วยังมีจำนวนสูงอยู่มาก ดังนั้นจะมีการสรุปในเบื้องต้นถึงยุทธศาสตร์การทำงบประมาณว่า จะให้ความสำคัญกับเรื่องใดก่อน ทั้งนี้ ในเบื้องต้นกรอบงบประมาณปี 2552 ยังเป็นแบบขาดดุลอยู่ แต่จะดูแลไม่ให้เกิน 2.5% ของจีดีพี ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจจะอยู่ที่ 5.5-6% หรือมีมูลค่า 8.5 ล้านล้านบาท
"ที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบให้ส่วนราชการ กระทรวงต่าง ๆ ไปปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายปี 52 ใหม่ทั้งหมด เพื่อพิจารณาว่าจะสามารถโยกงบประมาณจากโครงการใดมาเป็นงบของโครงการเร่งด่วนทีช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้าง ซึ่งในวันที่ 14 มี.ค.นี้จะมีการหารือร่วมกัน"
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า สภาพัฒน์ได้เสนอให้ที่ประชุม ครม.ปรับลดรายจ่ายของรัฐบาลในปี 2552 ที่คาดว่า จะมีวงเงินสูงถึง 2.09 ล้านล้านบาท ลง 4 แสนล้านบาท เพราะคาดว่ารัฐมีรายได้เพียง 1.69 ล้านล้านบาท โดยรายจ่ายส่วนใหญ่ของรัฐบาลอยู่ในหมวดฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศถึง 5.37 แสนล้านบาท และนโยบายเศรษฐกิจ 4.99 แสนล้านบาท
แผนบริหารชาติ 4 ปี ฉลุย ครม. 12.26 ล้าน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2551-2554 โดยรัฐบาลมีความต้องการใช้วงเงินช่วง 4 ปีรวมมูลค่า 12.26 ล้านล้านบาท ขณะที่ในช่วงปี 51-54 ประมาณการรายได้สุทธิของรัฐบาลเท่ากับ 6.64 ล้านล้านบาท
หากแบ่งประมาณการความต้องการใช้เงินตามนโยบายต่างๆ 8 ด้านของรัฐบาลในช่วงปี 51-54 เป็นดังนี้ นโยบายฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศ 1.66 ล้านล้านบาท, นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต 3.23 ล้านล้านบาท, นโยบายเศรษฐกิจ 2.45 ล้านล้านบาท, นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3.33 แสนล้านบาท
นโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรม 1.52 แสนล้านบาท, นโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 5.88 หมื่นล้านบาท, นโยบายความมั่นคงของรัฐ 1.06 ล้านล้านบาท และนโยบายการบริหารจัดการที่ดี 7.91 แสนล้านบาท และเนื่องจากงบประมาณรายจ่ายปี 51 ได้ดำเนินการผ่านมา 4-5 เดือนแล้วก่อนที่รัฐบาลชุดนี้มาจะรับช่วง ดังนั้นหากมีความจำเป็นจริงๆ รัฐบาลจึงจะพิจารณาเรื่องการจัดทำงบประมาณกลางปีเพิ่มเติม เพียงแต่ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายที่จะทำงบกลางปี 51 เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ปฏิทินการทำงานของคณะรัฐมนตรีได้กำหนดไว้ว่าวันที่ 18 มี.ค.51 คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาให้ความเห็นชอบนโยบายงบประมาณวงเงินโครงสร้างงบประมาณประจำปีงบประมาณถัดไป ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณที่สอดคลั้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดินและวงเงินรายจ่ายขั้นต่ำที่จำเป็น และรายจ่ายตามข้อผูกพัน
ทั้งนี้ วันที่ 20 พ.ค.51 คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาให้ความเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณถัดไป พร้อมหลักเกณฑ์การปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปี.
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 14 มี.ค.นี้กระทรวงการคลังจะหารือร่วมกับ 3 หน่วยงานประกอบด้วย สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ถึงการตัดทอนงบประมาณในปี 2552 เนื่องจากในขณะนี้ฐานรายได้กับรายจ่ายของแต่ละกระทรวงรวมกันแล้วยังมีจำนวนสูงอยู่มาก ดังนั้นจะมีการสรุปในเบื้องต้นถึงยุทธศาสตร์การทำงบประมาณว่า จะให้ความสำคัญกับเรื่องใดก่อน ทั้งนี้ ในเบื้องต้นกรอบงบประมาณปี 2552 ยังเป็นแบบขาดดุลอยู่ แต่จะดูแลไม่ให้เกิน 2.5% ของจีดีพี ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจจะอยู่ที่ 5.5-6% หรือมีมูลค่า 8.5 ล้านล้านบาท
"ที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบให้ส่วนราชการ กระทรวงต่าง ๆ ไปปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายปี 52 ใหม่ทั้งหมด เพื่อพิจารณาว่าจะสามารถโยกงบประมาณจากโครงการใดมาเป็นงบของโครงการเร่งด่วนทีช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้าง ซึ่งในวันที่ 14 มี.ค.นี้จะมีการหารือร่วมกัน"
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า สภาพัฒน์ได้เสนอให้ที่ประชุม ครม.ปรับลดรายจ่ายของรัฐบาลในปี 2552 ที่คาดว่า จะมีวงเงินสูงถึง 2.09 ล้านล้านบาท ลง 4 แสนล้านบาท เพราะคาดว่ารัฐมีรายได้เพียง 1.69 ล้านล้านบาท โดยรายจ่ายส่วนใหญ่ของรัฐบาลอยู่ในหมวดฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศถึง 5.37 แสนล้านบาท และนโยบายเศรษฐกิจ 4.99 แสนล้านบาท
แผนบริหารชาติ 4 ปี ฉลุย ครม. 12.26 ล้าน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2551-2554 โดยรัฐบาลมีความต้องการใช้วงเงินช่วง 4 ปีรวมมูลค่า 12.26 ล้านล้านบาท ขณะที่ในช่วงปี 51-54 ประมาณการรายได้สุทธิของรัฐบาลเท่ากับ 6.64 ล้านล้านบาท
หากแบ่งประมาณการความต้องการใช้เงินตามนโยบายต่างๆ 8 ด้านของรัฐบาลในช่วงปี 51-54 เป็นดังนี้ นโยบายฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศ 1.66 ล้านล้านบาท, นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต 3.23 ล้านล้านบาท, นโยบายเศรษฐกิจ 2.45 ล้านล้านบาท, นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3.33 แสนล้านบาท
นโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรม 1.52 แสนล้านบาท, นโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 5.88 หมื่นล้านบาท, นโยบายความมั่นคงของรัฐ 1.06 ล้านล้านบาท และนโยบายการบริหารจัดการที่ดี 7.91 แสนล้านบาท และเนื่องจากงบประมาณรายจ่ายปี 51 ได้ดำเนินการผ่านมา 4-5 เดือนแล้วก่อนที่รัฐบาลชุดนี้มาจะรับช่วง ดังนั้นหากมีความจำเป็นจริงๆ รัฐบาลจึงจะพิจารณาเรื่องการจัดทำงบประมาณกลางปีเพิ่มเติม เพียงแต่ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายที่จะทำงบกลางปี 51 เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ปฏิทินการทำงานของคณะรัฐมนตรีได้กำหนดไว้ว่าวันที่ 18 มี.ค.51 คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาให้ความเห็นชอบนโยบายงบประมาณวงเงินโครงสร้างงบประมาณประจำปีงบประมาณถัดไป ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณที่สอดคลั้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดินและวงเงินรายจ่ายขั้นต่ำที่จำเป็น และรายจ่ายตามข้อผูกพัน
ทั้งนี้ วันที่ 20 พ.ค.51 คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาให้ความเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณถัดไป พร้อมหลักเกณฑ์การปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปี.
