นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการ ครป. กล่าวถึงกรณีการย้าย พ.ต.อ.สัง
วรณ์ ภู่ไพจิตรกุล รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ (รอง ผบก.ภ.จว.
บุรีรัมย์) ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ (บก.ภ.จว.
ศรีสะเกษ) ว่า เป็นเรื่องเดียวกับการเช็คบิลข้าราชการที่เข้าไปตรวจสอบความผิด
ของนักการเมืองในรัฐบาลชุดนี้ เพราะ พ.ต.อ.สังวรณ์ เป็นกกต.จังหวัดบุรีรัมย์
และกำลังตรวจสอบคำร้องทุจริตเลือกตั้งส.ส. และอบจ.ที่บุรีรัมย์ และการตรวจ
สอบกรณีการรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ ของนักการเมืองใหญ่ เจ้าของพื้นที่ ซึ่ง
ได้มีการสรุปสำนวนสั่งฟ้องไปแล้ว
ฉะนั้น ครป.ขอทวงถามจุดยืนไปยังพรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรค ที่ตั้ง
เงื่อนไขก่อนเข้าร่วมรัฐบาล กับพรรคพลังประชาชนว่า จะไม่มีนโยบายเช็คบิลทาง
การเมือง และแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เวลานี้ ทั้ง 5 พรรคยังมีสัจจะวาจา
และรักษาสัญญาประชาคมอยู่หรือไม่ หรือใช้เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ครป.สนับสนุนการจัดตั้งสหภาพข้าราชการ เพราะเป็น
สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 64 วรรค 2 รัฐบาลควรสนับสนุนเพื่อให้ข้า
ราชการมีความมั่นใจในการทำงาน และมีหลักประกันว่าจะไม่ถูกอำนาจการ
เมืองกลั่นแกล้งได้ ซึ่งในหลายๆประเทศข้าราชการก็สามารถตั้งสหภาพได้เช่นกัน
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงการ การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯว่า
พันธมิตรฯ ยังให้โอกาสรัฐบาลแก้ไขวิกฤติปัญหาประเทศ โดยเฉพาะปัญหา
เศรษฐกิจ ซึ่งมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลยังไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้ และมุ่ง
เน้นการประชาสัมพันธ์มากกว่าการหวังผลปฏิบัติที่เป็นจริง โดยเฉพาะปัญหา
ราคาหมู ที่ใช้วิธีบีบผู้ประกอบการ และผู้ค้ารายย่อยแต่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้
ประกอบการและผู้ค้ารายใหญ่
" การเคลื่อนไหวใดๆของพันธมิตรฯ จากนี้ไปจะยังยึดมั่นในกรอบรัฐ
ธรรมนูญ และหลักสันติวิธีอย่างเคร่งครัด และจะพยายามแสวงหาช่องทางในรัฐ
ธรรมนูญ เพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐให้มากที่สุด"
ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า พันธมิตรฯ เตือนช้าเกินไป ทำไมไม่เตือน
ตั้งแต่ 16 เดือนที่แล้วว่านายสมัคร คงลืมไปว่า ระบอบทักษิณได้แทรกแซงฝ่าย
ตุลาการและองค์กรอิสระมาก่อนหน้านั้นหลายปีแล้ว ซึ่งหลายฝ่าย และพันธมิตรฯ
ก็ออกมาทักท้วง แต่รัฐบาลไม่ฟัง จนเป็นที่มาของการรัฐประหาร 19 ก.ย.
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า การประชุมของ 5 แกนในสัปดาห์นี้ จะหารือ
เรื่องการโยกย้ายพล.ต.อ.สังวรณ์ และการสรรหาบุคคลที่จะมาทำหน้าที่เป็นคณะ
กรรมการตรวจสอบภาครัฐ
**สมัชชาอีสานฯจี้ทบทวนด่วน
ด้านนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19
จังหวัด จี้ให้มีการทบทวนการย้าย รองผู้การ จ.บุรีรัมย์ ออกนอกพื้นที่ เตรียมบุกยื่น
หนังสือ ผบช.ภ.3 และรักษาการ ผบ.ตร. วันนี้ (10 มี.ค.) ระบุขีดเส้นให้ทบทวนคำ
สั่งภายใน 15 วัน พร้อมเตรียมเคลื่อนไหวใหญ่ เชื่อเป็นการย้ายเพื่อช่วยเหลือคดีต่างๆ
ของกลุ่มนักการเมืองใหญ่ในจ.บุรีรัมย์
นายไชยวัฒน์ กล่าวต่อว่าล่าสุดได้มีกระแสข่าวว่าจะมีการย้าย
พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ออกนอกพื้นที่เพิ่มอีก รวมทั้งยังมี
การพุ่งเป้าไปที่นายเกษม วัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และประธาน
กกต.ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ด้วย เพราะนายเกษม ในฐานะประธาน กกต.บุรีรัมย์ ยืน
ยันเสมอว่าจะไม่อ่อนข้อให้นักการเมืองขี้โกงอย่างเด็ดขาด
**เตือนอย่าใช้อำนาจเกินขอบเขต
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการโยก
ย้ายข้าราชการ ในรัฐบาลชุดปัจจุบันว่า ตั้งแต่กรณีการสั่งย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม
อธิบดี ดีเอสไอ จนมาถึงกรณี ของพ.ต.อ.สังวรณ์ ว่า เกือบทุกกรณีส่วนใหญ่เกี่ยว
ข้องกับการทำงานของข้าราชการที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มอำนาจเก่า ซึ่งขณะนี้ได้
กลับมาเป็นผู้บริหารประเทศแล้ว จึงมาจัดการกับข้าราชการเหล่านี้ และแม้การโยก
ย้ายข้าราชการเป็นสิ่งที่เกิดตามปกติ แต่การโยกย้ายในรัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถมี
เหตุผลที่จะอธิบายให้เข้าใจได้
ดังนั้น อยากฝากไปยังรัฐบาลว่าสังคมไทยและพรรคประชาธิปัตย์ให้
โอกาสรัฐบาลทำงาน แต่รัฐบาลกลับใช้โอกาสไปอย่างสิ้นเปลืองมากเกินความจำ
เป็น ซึ่งจะทำให้โอกาสที่สังคมให้กับรัฐบาลนั้นลดน้อยลง และถ้ารัฐบาลใช้อำนาจ
เกินขอบเขต ก็จะกลายเป็นว่ามาทำลายตัวรัฐบาลเองด้วย
ในวันเดียวกันนี้ (9 มี.ค.) น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานกรรมาธิการ
ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอดีต สนช. กล่าวในการเสวนาภาคประชาชน หัวข้อ"บ้าน
เมืองจะอยู่อย่างไรเมื่อทักษิณกลับมา" โดยตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากนี้ จะมีการ
แก้ไขใน 5 เรื่อง คือ การแก้ตัว แก้ต่าง แก้คดี โดยมีการโยกย้ายข้าราชการในกรม
สอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อที่จะทำลายหลักฐานคดีความต่างๆ ของอดีต
นายกรัฐมนตรี และครอบครัว และเชื่อว่า จนถึงขณะนี้อดีตนายกรัฐมนตรียังไม่มั่น
ใจในคำตัดสินของศาลฎีกา ว่าจะออกมาในช่องทางใด จึงยังอยู่ระหว่างการหาช่อง
ทางในการที่จะออกนอกประเทศ ซึ่งคาดว่า อาจเป็นการหาที่อยู่สำหรับการลี้ภัยใน
อนาคต โดยหลังจากนี้ ก็จะมีการแก้แค้นออกมาอย่างรุนแรง และแก้ไขรัฐ
ธรรมนูญตามมา
นอกจากนี้ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าจะวางมือทางการเมืองนั้น ยังไม่
เกิดขึ้นจริง แต่จะใช้วิธีการเดียวกับการบริหารทีมฟุตบอล ซึ่งเจ้าของทีมจะบริหาร
ผ่านผู้จัดการทีม และผู้เล่น และสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้จัดการทีมจะติดต่ออย่างใกล้ชิดกับ
เจ้าของทีม ส่วนผู้เล่นก็เป็นหน้าเก่าที่ย้ายพรรคมาจากพรรคการเมืองที่ถูกยุบ
น.ต.ประสงค์ ยังระบุด้วยว่า ประชาชนทุกคนมีสิทธิต่อต้าน หากมีการ
ใช้อำนาจอย่างไม่เหมาะสม โดยการใช้วิธีอารยะขัดขืน เช่น การไม่เสียภาษี หากจะ
มีการนำงบประมาณไปกระทำในเรื่องที่ไม่เหมาะสม
**พปช.อ้างเด้งขรก.ไม่เกี่ยวล้างแค้น
ด้านนายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรฯ และส.ส.อุดรธานี กลุ่มนายเนวิน
ชิดชอบ กล่าวถึงกรณี กลุ่มสมัชชาประชาชนภาคอีสาน พร้อมเครือข่าย 22 องค์กร
เคลื่อนไหวต่อต้านคำสั่งย้าย พ.ต.อ.สังวรณ์ โดยมองว่าถูกผู้มีอำนาจในพรรคพลัง
ประชาชนสั่งย้าย เนื่องจากเป็นฝ่ายที่ดูแลการแจกใบแดง ส.ส.พรรคพลังประชาชน
และยังทำคดี นายชัย ชิดชอบ พ่อนายเนวิน กรณีบุกรุกที่ดินเขากระโดงว่า ใน
ฐานะที่ตนอยู่พรรคพลังประชาชน และใกล้ชิดนายเนวิน ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ใช้
อำนาจในการสั่งย้ายข้าราชการเพื่อล้างแค้น หรือแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ใดๆ ทั้งสิ้น การสั่งย้ายดังกล่าวเป็นการโยกย้ายตามปติ เมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริ
หาร ซึ่งเป็นดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา และมีกระบวนการไตร่ตรองอย่างยุติธรรม
แล้ว
อย่างไรก็ตาม ตนคงไม่สามารถระบุได้ว่า พ.ต.อ.สังวรณ์ ปฏิบัติหน้าที่
สุจริตจริงหรือไม่ แต่ยืนยันว่า การโยกย้ายทำด้วยความเป็นธรรมที่สุด ไม่มีการใช้
อำนาจเข้าไปแทรกแซง และการแจกใบแดง ก็มีการแจกผ่านไปแล้ว พรรคพลัง
ประชาชนไม่ได้ติดใจ
วรณ์ ภู่ไพจิตรกุล รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ (รอง ผบก.ภ.จว.
บุรีรัมย์) ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ (บก.ภ.จว.
ศรีสะเกษ) ว่า เป็นเรื่องเดียวกับการเช็คบิลข้าราชการที่เข้าไปตรวจสอบความผิด
ของนักการเมืองในรัฐบาลชุดนี้ เพราะ พ.ต.อ.สังวรณ์ เป็นกกต.จังหวัดบุรีรัมย์
และกำลังตรวจสอบคำร้องทุจริตเลือกตั้งส.ส. และอบจ.ที่บุรีรัมย์ และการตรวจ
สอบกรณีการรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ ของนักการเมืองใหญ่ เจ้าของพื้นที่ ซึ่ง
ได้มีการสรุปสำนวนสั่งฟ้องไปแล้ว
ฉะนั้น ครป.ขอทวงถามจุดยืนไปยังพรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรค ที่ตั้ง
เงื่อนไขก่อนเข้าร่วมรัฐบาล กับพรรคพลังประชาชนว่า จะไม่มีนโยบายเช็คบิลทาง
การเมือง และแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เวลานี้ ทั้ง 5 พรรคยังมีสัจจะวาจา
และรักษาสัญญาประชาคมอยู่หรือไม่ หรือใช้เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ครป.สนับสนุนการจัดตั้งสหภาพข้าราชการ เพราะเป็น
สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 64 วรรค 2 รัฐบาลควรสนับสนุนเพื่อให้ข้า
ราชการมีความมั่นใจในการทำงาน และมีหลักประกันว่าจะไม่ถูกอำนาจการ
เมืองกลั่นแกล้งได้ ซึ่งในหลายๆประเทศข้าราชการก็สามารถตั้งสหภาพได้เช่นกัน
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงการ การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯว่า
พันธมิตรฯ ยังให้โอกาสรัฐบาลแก้ไขวิกฤติปัญหาประเทศ โดยเฉพาะปัญหา
เศรษฐกิจ ซึ่งมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลยังไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้ และมุ่ง
เน้นการประชาสัมพันธ์มากกว่าการหวังผลปฏิบัติที่เป็นจริง โดยเฉพาะปัญหา
ราคาหมู ที่ใช้วิธีบีบผู้ประกอบการ และผู้ค้ารายย่อยแต่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้
ประกอบการและผู้ค้ารายใหญ่
" การเคลื่อนไหวใดๆของพันธมิตรฯ จากนี้ไปจะยังยึดมั่นในกรอบรัฐ
ธรรมนูญ และหลักสันติวิธีอย่างเคร่งครัด และจะพยายามแสวงหาช่องทางในรัฐ
ธรรมนูญ เพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐให้มากที่สุด"
ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า พันธมิตรฯ เตือนช้าเกินไป ทำไมไม่เตือน
ตั้งแต่ 16 เดือนที่แล้วว่านายสมัคร คงลืมไปว่า ระบอบทักษิณได้แทรกแซงฝ่าย
ตุลาการและองค์กรอิสระมาก่อนหน้านั้นหลายปีแล้ว ซึ่งหลายฝ่าย และพันธมิตรฯ
ก็ออกมาทักท้วง แต่รัฐบาลไม่ฟัง จนเป็นที่มาของการรัฐประหาร 19 ก.ย.
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า การประชุมของ 5 แกนในสัปดาห์นี้ จะหารือ
เรื่องการโยกย้ายพล.ต.อ.สังวรณ์ และการสรรหาบุคคลที่จะมาทำหน้าที่เป็นคณะ
กรรมการตรวจสอบภาครัฐ
**สมัชชาอีสานฯจี้ทบทวนด่วน
ด้านนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19
จังหวัด จี้ให้มีการทบทวนการย้าย รองผู้การ จ.บุรีรัมย์ ออกนอกพื้นที่ เตรียมบุกยื่น
หนังสือ ผบช.ภ.3 และรักษาการ ผบ.ตร. วันนี้ (10 มี.ค.) ระบุขีดเส้นให้ทบทวนคำ
สั่งภายใน 15 วัน พร้อมเตรียมเคลื่อนไหวใหญ่ เชื่อเป็นการย้ายเพื่อช่วยเหลือคดีต่างๆ
ของกลุ่มนักการเมืองใหญ่ในจ.บุรีรัมย์
นายไชยวัฒน์ กล่าวต่อว่าล่าสุดได้มีกระแสข่าวว่าจะมีการย้าย
พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ออกนอกพื้นที่เพิ่มอีก รวมทั้งยังมี
การพุ่งเป้าไปที่นายเกษม วัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และประธาน
กกต.ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ด้วย เพราะนายเกษม ในฐานะประธาน กกต.บุรีรัมย์ ยืน
ยันเสมอว่าจะไม่อ่อนข้อให้นักการเมืองขี้โกงอย่างเด็ดขาด
**เตือนอย่าใช้อำนาจเกินขอบเขต
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการโยก
ย้ายข้าราชการ ในรัฐบาลชุดปัจจุบันว่า ตั้งแต่กรณีการสั่งย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม
อธิบดี ดีเอสไอ จนมาถึงกรณี ของพ.ต.อ.สังวรณ์ ว่า เกือบทุกกรณีส่วนใหญ่เกี่ยว
ข้องกับการทำงานของข้าราชการที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มอำนาจเก่า ซึ่งขณะนี้ได้
กลับมาเป็นผู้บริหารประเทศแล้ว จึงมาจัดการกับข้าราชการเหล่านี้ และแม้การโยก
ย้ายข้าราชการเป็นสิ่งที่เกิดตามปกติ แต่การโยกย้ายในรัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถมี
เหตุผลที่จะอธิบายให้เข้าใจได้
ดังนั้น อยากฝากไปยังรัฐบาลว่าสังคมไทยและพรรคประชาธิปัตย์ให้
โอกาสรัฐบาลทำงาน แต่รัฐบาลกลับใช้โอกาสไปอย่างสิ้นเปลืองมากเกินความจำ
เป็น ซึ่งจะทำให้โอกาสที่สังคมให้กับรัฐบาลนั้นลดน้อยลง และถ้ารัฐบาลใช้อำนาจ
เกินขอบเขต ก็จะกลายเป็นว่ามาทำลายตัวรัฐบาลเองด้วย
ในวันเดียวกันนี้ (9 มี.ค.) น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานกรรมาธิการ
ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอดีต สนช. กล่าวในการเสวนาภาคประชาชน หัวข้อ"บ้าน
เมืองจะอยู่อย่างไรเมื่อทักษิณกลับมา" โดยตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากนี้ จะมีการ
แก้ไขใน 5 เรื่อง คือ การแก้ตัว แก้ต่าง แก้คดี โดยมีการโยกย้ายข้าราชการในกรม
สอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อที่จะทำลายหลักฐานคดีความต่างๆ ของอดีต
นายกรัฐมนตรี และครอบครัว และเชื่อว่า จนถึงขณะนี้อดีตนายกรัฐมนตรียังไม่มั่น
ใจในคำตัดสินของศาลฎีกา ว่าจะออกมาในช่องทางใด จึงยังอยู่ระหว่างการหาช่อง
ทางในการที่จะออกนอกประเทศ ซึ่งคาดว่า อาจเป็นการหาที่อยู่สำหรับการลี้ภัยใน
อนาคต โดยหลังจากนี้ ก็จะมีการแก้แค้นออกมาอย่างรุนแรง และแก้ไขรัฐ
ธรรมนูญตามมา
นอกจากนี้ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าจะวางมือทางการเมืองนั้น ยังไม่
เกิดขึ้นจริง แต่จะใช้วิธีการเดียวกับการบริหารทีมฟุตบอล ซึ่งเจ้าของทีมจะบริหาร
ผ่านผู้จัดการทีม และผู้เล่น และสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้จัดการทีมจะติดต่ออย่างใกล้ชิดกับ
เจ้าของทีม ส่วนผู้เล่นก็เป็นหน้าเก่าที่ย้ายพรรคมาจากพรรคการเมืองที่ถูกยุบ
น.ต.ประสงค์ ยังระบุด้วยว่า ประชาชนทุกคนมีสิทธิต่อต้าน หากมีการ
ใช้อำนาจอย่างไม่เหมาะสม โดยการใช้วิธีอารยะขัดขืน เช่น การไม่เสียภาษี หากจะ
มีการนำงบประมาณไปกระทำในเรื่องที่ไม่เหมาะสม
**พปช.อ้างเด้งขรก.ไม่เกี่ยวล้างแค้น
ด้านนายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรฯ และส.ส.อุดรธานี กลุ่มนายเนวิน
ชิดชอบ กล่าวถึงกรณี กลุ่มสมัชชาประชาชนภาคอีสาน พร้อมเครือข่าย 22 องค์กร
เคลื่อนไหวต่อต้านคำสั่งย้าย พ.ต.อ.สังวรณ์ โดยมองว่าถูกผู้มีอำนาจในพรรคพลัง
ประชาชนสั่งย้าย เนื่องจากเป็นฝ่ายที่ดูแลการแจกใบแดง ส.ส.พรรคพลังประชาชน
และยังทำคดี นายชัย ชิดชอบ พ่อนายเนวิน กรณีบุกรุกที่ดินเขากระโดงว่า ใน
ฐานะที่ตนอยู่พรรคพลังประชาชน และใกล้ชิดนายเนวิน ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ใช้
อำนาจในการสั่งย้ายข้าราชการเพื่อล้างแค้น หรือแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ใดๆ ทั้งสิ้น การสั่งย้ายดังกล่าวเป็นการโยกย้ายตามปติ เมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริ
หาร ซึ่งเป็นดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา และมีกระบวนการไตร่ตรองอย่างยุติธรรม
แล้ว
อย่างไรก็ตาม ตนคงไม่สามารถระบุได้ว่า พ.ต.อ.สังวรณ์ ปฏิบัติหน้าที่
สุจริตจริงหรือไม่ แต่ยืนยันว่า การโยกย้ายทำด้วยความเป็นธรรมที่สุด ไม่มีการใช้
อำนาจเข้าไปแทรกแซง และการแจกใบแดง ก็มีการแจกผ่านไปแล้ว พรรคพลัง
ประชาชนไม่ได้ติดใจ