xs
xsm
sm
md
lg

หวย บอล บ่อน ซ่อง ยาบ้า... เสรีไปเลย!

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

ระยะนี้ข่าวคราวการเปิดหวยบนดิน เปิดบ่อนเสรีของรัฐบาลหุ่นกำลังเป็นที่ฮือฮา และทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดเห็นอย่างกว้างขวางทั่วทั้งสังคมไทย แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องจริงจังอะไรหรอก หากเป็นมายาภาพชนิดที่เรียกว่า “หลอกแดกเด็ก” นั่นเอง

แต่เอาล่ะ เมื่อพูดกันมาแล้วก็จะขอสนุกสนานด้วยคน แต่จะสนุกในแง่ที่จะชี้ให้เห็นว่าเรื่องนี้เตี๊ยมกันมาไม่แน่นพอ ลีลาการแสดงไม่เนียน เข้าลักษณะแหกตาชาวบ้าน จึงถูกจับได้คาหนังคาเขาว่าเป็นมายากลหลอกแดกเท่านั้น

เอากันตั้งแต่การจุดประเด็นเรื่องบ่อนเสรีของนายกรัฐมนตรี ในทำนองว่าจะเปิดบ่อนเสรีในประเทศเราถึง 5 แห่ง โดยอ้างผลการศึกษาของปุโรหิตคนหนึ่งที่ขายเนื้อขายตัวทำมาหากินอยู่กับเรื่องนี้มา 4-5 ปีแล้ว

คนระดับนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคแกนของรัฐบาลพูดไม่ทันหายเหม็นปาก ก็ถูกแกนนำพรรคแกนรัฐบาลนั่นเองทักท้วงว่ายังเป็นแค่ความคิดเห็น ยังไม่เป็นนโยบายของรัฐบาล

แล้วต่อมานายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีก็พูดเป็นทำนองว่าเป็นเพียงการเสนอความเห็นเท่านั้น

แต่การเสนอความเห็นอย่างนี้กลับมีทั้งลูกคู่ ลูกค้าน ในคณะรัฐบาลกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เรื่องจริงจัง หากเป็นมายาภาพหรือกลอุบายเพื่อปกปิดเรื่องใหญ่บางเรื่อง ซึ่งจะต้องตามดูกันให้ดี เพราะนี่คือการเบี่ยงเบนความสนใจคนให้ไปสนใจโต้เถียงกันในเรื่องบ่อน เหมือนนักเล่นกลที่สร้างความสนใจไปที่จุดหนึ่ง แต่ที่จะเอาจริงเอาจังนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ที่น่าสมเพชเวทนาต่อรัฐบาลหุ่นอย่างยิ่งก็คือทั้งพวกที่หนุนและพวกที่ค้านต่างพูดจาไม่ผิดอันใดกับการผายลม คือพูดกันไปตามใจชอบ ไม่มีหลัก ไม่มีศีล ไม่มีธรรม ดังจะยกตัวอย่างให้เห็น

เอาพวกที่เห็นด้วยที่จะให้เปิดบ่อนเสรี ที่อ้างเหตุผลว่าคนไทยไปเล่นการพนันในต่างประเทศมากทำให้เงินไหลออกไปต่างประเทศ จึงต้องหยุดยั้งเสียด้วยการเปิดบ่อนในประเทศเหมือนกับบางประเทศที่เขาเปิดบ่อนมาแล้ว

พวกนี้มีเหตุผลว่าการเปิดบ่อนเสรีก็เพื่อให้คนไทยไปเล่นการพนันเพื่อป้องกันเงินไหลออกไปต่างประเทศ ไม่ใช่เปิดให้ชาวต่างประเทศมาเล่นเพราะไม่เกี่ยวกับการไหลออกของเงิน

ส่วนอีกพวกหนึ่งที่เห็นด้วยให้เปิดบ่อนเหมือนกัน แต่อ้างเหตุผลว่าที่เปิดบ่อนเสรีนั้นเพราะประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว ต้องเปิดบ่อนให้นักท่องเที่ยวมาเล่นการพนัน แต่จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้คนไทยไปเล่นอย่างเข้มงวด

พวกนี้สนับสนุนให้เปิดบ่อนเสรี แต่ไม่ให้คนไทยเข้าไปเล่น เป็นการเปิดบ่อนเสรีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปเล่น

เหตุผลของพวกที่สนับสนุนเหมือนกันแต่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง จึงเป็นเรื่องเหลวไหลและแสดงให้เห็นว่าในการบริหารงานแบบหุ่นนั้น เขาแจกแค่โผว่าให้สนับสนุน แต่ไม่ได้ให้เหตุผลมาด้วย ต่างคนจึงต่างไปหาเหตุผลมาเองแล้วขัดแย้งกันจนกลายเป็นคนละเรื่องดังที่เห็นๆ กันอยู่

ส่วนพวกที่คัดค้านนั้น ที่คัดค้านกันจริงๆ ก็คือพวกอยู่นอกรัฐบาล ในขณะที่พวกในรัฐบาลไม่ค้านจริงๆ จังๆ เพียงแต่ติงๆ ว่ายังไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล อันเป็นการขัดขาขัดปากคนปากมอมบางคนเท่านั้น

ตรงนี้ก็ชี้ให้เห็นว่าบทไม่ดี แสดงไม่เนียน

แกนนำรัฐบาลบางคนอ้างเหตุผลที่น่าสมเพชและเปิดเผยวุฒิภาวะของตนอย่างชัดเจนได้แก่พวกที่อ้างว่าควรเปิดบ่อนเสรี เพราะปัจจุบันนี้ก็มีบ่อนมากอยู่แล้ว ปราบไม่หมดเสียทีหนึ่ง จึงควรทำให้ถูกกฎหมายเสียเลย

เหตุผลอย่างนี้แปลกประหลาดถึงขั้นวิปริต และถ้าใช้เหตุผลนี้ในการบริหารชาติบ้านเมือง บ้านนี้เมืองนี้คงฉิบหายวายวอดแน่

ขอใช้คำว่า “ฉิบหาย” กับกรณีนี้ เพราะในที่นี้คำว่า “ฉิบหาย” ไม่ใช่คำหยาบหากเป็นพระพุทธพจน์โดยตรงว่าอบายมุขนั้นเป็นทางแห่งความฉิบหาย คือตัวเองก็ฉิบหาย ครอบครัวก็ฉิบหาย สังคมก็ฉิบหาย บ้านเมืองก็ฉิบหาย

การที่ปราบบ่อนไม่หมดนั้นก็ต้องดูว่าเป็นความรับผิดชอบของใครและจะรับผิดชอบกันอย่างไร และนี่ไม่ใช่เหตุผลที่จะอ้างเพื่อให้เปิดบ่อนเสรีได้

บ่อนเป็นอบายมุขที่ทำความฉิบหายวายวอดแน่นอน ไม่มีใครโต้เถียงได้เลย การที่รัฐบาลมีนโยบายเปิดบ่อนเสรีก็คือนโยบายสร้างความฉิบหายให้แก่ประชาชนและชาติบ้านเมือง ขัดกับรัฐธรรมนูญมากมายหลายมาตรา

และหากใช้เหตุผลเดียวกันนี้รัฐบาลก็สามารถเปิดให้เล่นพนันบอลเสรี เปิดให้เล่นหวยเสรี เปิดให้เปิดซ่องโสเภณีโดยเสรี และเปิดให้ค้ายาบ้าโดยเสรีได้เหมือนกัน

เพราะทั้งการพนันบอล ทั้งการเล่นหวย การค้าประเวณี และการค้ายาบ้าก็มีการทำมากมายและปราบปรามไม่หมดเหมือนกัน ถ้าหากใช้เหตุผลว่าปราบไม่หมดแล้วต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงย่อมเปิดเล่นพนันบอล หรือหวย หรือเปิดซ่องและเปิดให้ค้ายาบ้าโดยเสรีได้ด้วย

เหตุผลอย่างนี้เป็นเหตุผลแบบอันธพาล ทำให้เจือสมกับคำกล่าวของคนทั่วไปในขณะนี้ว่ายุคนี้เป็นยุคอันธพาลครองเมือง อะไรที่เป็นเรื่องอันธพาลจึงคลาคล่ำไปในบ้านเมืองนี้

แต่เหตุผลแบบอันธพาลนี้นอกจากขัดรัฐธรรมนูญแล้ว ยังขัดกับหลักศาสนาและหลักศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงย่อมมีการคัดค้านมาก และคนที่เสนอก็คงรู้ดีอยู่แล้วว่าต้องมีการคัดค้านมาก แต่ก็ไม่แคร์ เพียงแต่ติติงเป็นทางถอยไว้เท่านั้น

นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นมายากลที่ไม่ควรหลงกล แต่ถ้ายังดึงดันทำก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีคนคัดค้าน จะมีคนออกมาคัดค้านกันทั้งบ้านทั้งเมือง อย่าได้สงสัยเลย

ดังนั้นจัดหน่วยหรือคณะกรรมการสักชุดเดียวติดตามเรื่องนี้แล้วเอาเวลาไปทำเรื่องอื่นดังแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ นั้นย่อมเป็นความถูกต้องที่สุด

แต่เมื่อมีการจุดประเด็นเรื่องนี้กันแล้วก็อย่าให้ดับมอดเสียเปล่าๆ ควรทำความเข้าใจกับประชาชนทั้งประเทศ เชิญชวนนักศีลธรรม นักการศาสนา และพ่อแม่ผู้ปกครองเยาวชนทั่วประเทศให้มาร่วมมือกันในเรื่องนี้

ชี้ให้เห็นว่าคำโบราณที่ว่าคบคนพาลพาลพาไปหาผิดนั้นเป็นจริง หากมีรัฐบาลที่เป็นอันธพาล เรื่องอันธพาลก็จะเต็มไปทั้งบ้านทั้งเมือง

หากรัฐบาลใดใช้อบายมุขมอมเมาประชากรของประเทศตนเองก็เป็นที่แน่นอนว่ารัฐบาลนั้นไม่ใช่รัฐบาลของบัณฑิต ไม่ใช่รัฐบาลที่มีธรรม แต่เป็นรัฐบาลที่เป็นพาล และเป็นมารอสูร จึงมีน้ำใจอำมหิตคิดมอมเมาประชาชนให้ถึงกาลฉิบหายวายวอดด้วยอบายมุข

เมื่อคนทั้งปวงเห็นความจริงว่าเป็นอย่างไรก็ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะสนับสนุนอบายมุข เพราะมีแต่คนทั้งปวงจะคัดค้านกันอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แม้กระทั่งพากันร่วมกันขับไล่รัฐบาลอันธพาลออกไป

สิ่งที่น่าคิดก็คืออยู่ดีๆ ทำไมรัฐบาลจึงลงทุนลงแรงเล่นกลหลอกเด็กขายของด้วยต้นทุนอันสูงเช่นนี้

ก็ต้องเข้าใจว่ามันน่าจะมีเรื่องอะไรแอบบังซ่อนอยู่ มิฉะนั้นไหนเลยจะยอมถูกด่าฟรีๆ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ดีร้ายอาจจะมีมือดีขอให้ตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญ และขอให้ถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะก็เป็นไปได้

เรื่องที่แอบแฝงอยู่จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก แล้วมันเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ตรงนี้จะเป็นกุญแจไขปริศนาปัญหาบ้านเมืองดอกหนึ่งเหมือนกัน

นับวันสถานการณ์ยิ่งมีความชัดเจน ดังที่มีผู้นำเสนอไว้หลายคนแล้วว่ากระแสหลักของความขัดแย้งในสังคมประเทศเรานี้คือการต่อสู้สองกระแส ระหว่างกระแสที่ต้องการฟื้นคืนระบอบเผด็จการทุนสามานย์ กับกระแสที่ต้องการโค่นล้มทำลายระบอบเผด็จการทุนสามานย์

ทั้งสองกระแสนี้กำลังขยายมวลชนของตน กำลังขยายพลังอำนาจของตนที่มีอนาคตคือความกลียุคและสงครามประชาชน หรือการถอยหลังเข้าคลองครั้งใหญ่รออยู่เบื้องหน้า

วันนี้ไม่มีใครพูดถึงความสงบสันติ หรือการพัฒนาหรือการฟื้นฟูชาติบ้านเมืองกันอีกแล้ว เพราะผลพวงของการเลือกตั้งถูกทำลายอย่างยับเยินไปหมดแล้ว บรรยากาศก่อน 19 กันยายน 2549 ได้ฟื้นคืนมาเกือบจะเต็มรูปแบบแล้ว
ดังนั้นเรื่องใหญ่ที่ถูกสร้างภาพมายาปกปิดไว้จึงน่าจะเป็นเรื่องปกปิดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ที่กำลังไปสู่กลียุคเพื่อซื้อเวลาให้แก่การกระชับอำนาจสักระยะหนึ่งก่อน

กระบวนการในการกระชับอำนาจก็มีคนนำเสนอมาไม่น้อยแล้วว่าจะประกอบขึ้นด้วย 3 ขั้นตอน คือเคลียร์คดีความต่างๆ เพื่อเอาทรัพย์สินกลับคืนมาแล้วปูลู่ทางของการขึ้นนั่งบัลลังก์ทองให้ราบรื่นขั้นตอนหนึ่ง กระชับอำนาจ ล้างบาง โยกย้ายข้าราชการที่ไม่ใช่พวกพ้องออกไป เอาพวกพ้องเข้ามาครองอำนาจ เพื่อยึดครองอำนาจรัฐ โดยมีเป้าหมายปลายทางอยู่ที่การครองอำนาจกองทัพ ขั้นตอนหนึ่ง และขั้นตอนที่สามคือการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นที่สุด

การเล่นกลและมายาภาพเรื่องบ่อนจึงน่าจะเป็นไปเพื่อสร้างความมึนชาให้ผู้คนมองข้าม และไม่สนใจกระบวนการทั้ง 3 กระบวนการดังกล่าวนี้ ซึ่งกำลังเดินหมากกันอยู่อย่างบ้าคลั่งต่างหาก

ทั้ง 3 กระบวนการนี้เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก ในขณะที่เดินกระบวนการแรกก็เตรียมขยับเดินหมากตาที่สองและตาที่สามไปพร้อมๆ กันด้วย
หมากตาที่สองจะมีขั้นตอนสำคัญอยู่ที่การโยกย้ายนายทหารกลางปี และมีเป้าหมายอยู่ที่การย้ายใหญ่เดือนกันยายน 2551 ตามแนวทางที่ว่าใครคุมปืนคนนั้นชนะ แต่ทว่าในระบอบการปกครองนั้นไม่ถึงกับจะต้องคุมปืนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หากทำได้ถึงขั้นที่จี้จุดคีมึ้งให้กระดิกกระเดี้ยไม่ได้ แล้วใช้กองทัพตำรวจ 300,000 คนก็เหลือจะเกินพอแล้ว

ก็ต้องคอยดูว่าความคิดของคนกับลิขิตของฟ้าจะเป็นประการใด!!!

บ้านเมืองของเราในวันนี้การมีชีวิตอยู่แบบคนป่วยก็ดี การมีชีวิตอยู่อย่างไร้ค่าก็ดี บางทีก็ยังดีกว่าและสบายกว่าคนที่อยู่ในอำนาจหรืออยู่ในระดับยอดมากมายนัก

คัมภีร์เต๋าเต๊กเกงบทหนึ่งว่าไว้ว่า สัตว์เลี้ยงที่ไม่สมประกอบ ต้นไม้ที่คดๆ งอๆ คนป่วยไข้และคนไร้ค่ามักจะมีอายุยืน และสุโขสโมสร ดีกว่าคนที่อยู่บนยอดหรืออยู่ในอำนาจ

ไม่เห็นหรือว่าวันนี้บุคคลระดับยอดยังถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกที่ไม่สร้างรากฐานให้กับประเทศชาติ เอาแต่สนุกสนานกับผลประโยชน์จากรัฐบาลที่อ่อนแอ

ฟังแล้วหนาวไหมล่ะพระคุณท่าน! ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอาไปเลย จะเปิดบ่อน เปิดซ่อง เปิดพนันบอล เปิดค้ายาบ้าเสรี ก็เชิญพระเดชพระคุณทำตามอำเภอใจได้เลย!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น