ผู้จัดการรายวัน - ธ.ก.ส.เข็นนโยบายเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เตรียมขยายผลเพิ่มฐานลูกค้าและเพิ่มพนักงานหญิงมาทำงานด้านสินเชื่อนี้โดยตรง หลังบริการธนาคารคนจนครบวงจรเทียบกรามีนแบงก์ที่ให้ชาวบ้านทุกกลุ่มเข้าถึงบริการสินเชื่อได้รับการตอบรับเยี่ยม จุดเด่นวงเงินขอกู้ขั้นต่ำแค่ 3,000 บาทต่อราย แจงผลงานโครงการนำร่องพบผู้กู้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสตรีที่มีวินัยด้านการจัดการดีเยี่ยม
นายธีระพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า หลังจากได้นำร่องโครงการสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติ ธ.ก.ส.ที่ได้รับการแก้ไขใหม่ ซึ่งปรากฏว่ามีลูกค้าที่ประสงค์จะใช้บริการสินเชื่อดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นกลุ่มแม่บ้านมีมากถึงร้อยละ 65 โดยส่วนใหญ่จะนำไปลงทุนประกอบกิจการแปรรูปอาหารขนาดเล็ก ขายอาหาร ช่างตัดเสื้อ ช่างเสริมสวยและค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับครอบครัว วงเงินขอกู้มีตั้งแต่ 3,000 บาท ถึง 100,000 บาทต่อราย โดยลูกค้ามากกว่าครึ่งหนึ่งใช้บุคคลค้ำประกันแบบลูกหนี้รวม เพราะไม่มีที่ดินค้ำประกันหนี้ และลูกค้าเหล่านี้มีวินัยทางการเงินที่ดี
ดังนั้นเพื่อให้บริการทางการเงินในระบบของ ธ.ก.ส.ครอบคลุมไปถึงประชาชนในทุกๆ กลุ่ม โดยเฉพาะประชาชนในภาคชนบทที่มิได้ทำการเกษตร ธ.ก.ส.จึงเปิดให้บริการสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการรายย่อยหรือสินเชื่อ 108 อาชีพ แก่ผู้ที่ต้องการลงทุนในธุรกิจเล็กๆ ที่เป็นของตนเอง เนื่องจากธ.ก.ส.เห็นว่าปัญหาของคนยากจนในชนบทที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง คือการขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถกู้ยืมจากธนาคารได้ ต้องอาศัยกู้ยืมจากตลาดสินเชื่อนอกระบบหรือนายทุนเงินกู้ที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 2 – 20 ต่อเดือน
นายธีระพงษ์กล่าวว่า ธ.ก.ส.จัดให้มีพนักงานสินเชื่อสตรีเข้ามาดูแลลูกค้ากลุ่มดังกล่าวโดยตรง เพื่อให้บริการสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยเติบโตอย่างต่อเนื่อง และประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับบริการธนาคารคนจนของกรามีนแบงก์ ประเทศบังคลาเทศ เนื่องจากธุรกิจประเภทนี้มีลักษณะที่หลากหลายแตกต่างจากอาชีพเกษตรกรรรม เช่น มีรายได้เป็นรายวันหรือรายเดือน ขณะที่รายได้ภาคเกษตรเป็นรายปี จึงต้องมากำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ เป็นต้น ธ.ก.ส.จึงจำเป็นที่จะต้องมีพนักงานออกไปเยี่ยมเยียนสถานประกอบการเพื่อติดตามสถานะทางธุรกิจอย่างใกล้ชิด
"ในจุดนี้ผู้หญิงจะมีความละเอียดอ่อน มีทักษะในการเชื่อมโยงทั้งแนวทางการพัฒนาและความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นแม่บ้านได้ดีกว่า ขณะเดียวกันก็เป็นการแบ่งเบาภาระพนักงานสินเชื่อผู้ชายซึ่งแต่ละคนจะต้องดูแลเกษตรกรลูกค้ากลุ่มเดิมระหว่าง 500 – 700 ครัวเรือนด้วย โดยในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายนำร่องให้มีพนักงานสินเชื่อสตรีในพื้นที่ 30 สาขา"
ในระหว่างวันที่ 5 – 7 มีนาคม 2551 ณ ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ ธ.ก.ส.ได้จัดงาน “ชายหญิงรวมพลัง สร้างสรรค์สังคม” โดยมีกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การเปิดตัวโครงการสินเชื่อ 108 อาชีพ การเสวนา การจัดทำเวทีชาวบ้าน การเดินแบบสินค้าประเภทผ้าทอไทย และการจำหน่ายสินค้า เป็นต้น เป็นการตอกย้ำนโยบายและชูบทบาทของพนักงานผู้ชายและพนักงานผู้หญิง ที่จะเข้าไปดูแลลูกค้าซึ่งประกอบอาชีพหลากหลายในชนบทอย่างมีประสิทธิภาพ
"ธ.ก.ส.มุ่งมั่นที่จะสร้างบริการทางการเงินที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าเพื่อเป็นพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น" นายธีรพงษ์กล่าว.
นายธีระพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า หลังจากได้นำร่องโครงการสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติ ธ.ก.ส.ที่ได้รับการแก้ไขใหม่ ซึ่งปรากฏว่ามีลูกค้าที่ประสงค์จะใช้บริการสินเชื่อดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นกลุ่มแม่บ้านมีมากถึงร้อยละ 65 โดยส่วนใหญ่จะนำไปลงทุนประกอบกิจการแปรรูปอาหารขนาดเล็ก ขายอาหาร ช่างตัดเสื้อ ช่างเสริมสวยและค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับครอบครัว วงเงินขอกู้มีตั้งแต่ 3,000 บาท ถึง 100,000 บาทต่อราย โดยลูกค้ามากกว่าครึ่งหนึ่งใช้บุคคลค้ำประกันแบบลูกหนี้รวม เพราะไม่มีที่ดินค้ำประกันหนี้ และลูกค้าเหล่านี้มีวินัยทางการเงินที่ดี
ดังนั้นเพื่อให้บริการทางการเงินในระบบของ ธ.ก.ส.ครอบคลุมไปถึงประชาชนในทุกๆ กลุ่ม โดยเฉพาะประชาชนในภาคชนบทที่มิได้ทำการเกษตร ธ.ก.ส.จึงเปิดให้บริการสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการรายย่อยหรือสินเชื่อ 108 อาชีพ แก่ผู้ที่ต้องการลงทุนในธุรกิจเล็กๆ ที่เป็นของตนเอง เนื่องจากธ.ก.ส.เห็นว่าปัญหาของคนยากจนในชนบทที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง คือการขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถกู้ยืมจากธนาคารได้ ต้องอาศัยกู้ยืมจากตลาดสินเชื่อนอกระบบหรือนายทุนเงินกู้ที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 2 – 20 ต่อเดือน
นายธีระพงษ์กล่าวว่า ธ.ก.ส.จัดให้มีพนักงานสินเชื่อสตรีเข้ามาดูแลลูกค้ากลุ่มดังกล่าวโดยตรง เพื่อให้บริการสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยเติบโตอย่างต่อเนื่อง และประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับบริการธนาคารคนจนของกรามีนแบงก์ ประเทศบังคลาเทศ เนื่องจากธุรกิจประเภทนี้มีลักษณะที่หลากหลายแตกต่างจากอาชีพเกษตรกรรรม เช่น มีรายได้เป็นรายวันหรือรายเดือน ขณะที่รายได้ภาคเกษตรเป็นรายปี จึงต้องมากำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ เป็นต้น ธ.ก.ส.จึงจำเป็นที่จะต้องมีพนักงานออกไปเยี่ยมเยียนสถานประกอบการเพื่อติดตามสถานะทางธุรกิจอย่างใกล้ชิด
"ในจุดนี้ผู้หญิงจะมีความละเอียดอ่อน มีทักษะในการเชื่อมโยงทั้งแนวทางการพัฒนาและความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นแม่บ้านได้ดีกว่า ขณะเดียวกันก็เป็นการแบ่งเบาภาระพนักงานสินเชื่อผู้ชายซึ่งแต่ละคนจะต้องดูแลเกษตรกรลูกค้ากลุ่มเดิมระหว่าง 500 – 700 ครัวเรือนด้วย โดยในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายนำร่องให้มีพนักงานสินเชื่อสตรีในพื้นที่ 30 สาขา"
ในระหว่างวันที่ 5 – 7 มีนาคม 2551 ณ ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ ธ.ก.ส.ได้จัดงาน “ชายหญิงรวมพลัง สร้างสรรค์สังคม” โดยมีกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การเปิดตัวโครงการสินเชื่อ 108 อาชีพ การเสวนา การจัดทำเวทีชาวบ้าน การเดินแบบสินค้าประเภทผ้าทอไทย และการจำหน่ายสินค้า เป็นต้น เป็นการตอกย้ำนโยบายและชูบทบาทของพนักงานผู้ชายและพนักงานผู้หญิง ที่จะเข้าไปดูแลลูกค้าซึ่งประกอบอาชีพหลากหลายในชนบทอย่างมีประสิทธิภาพ
"ธ.ก.ส.มุ่งมั่นที่จะสร้างบริการทางการเงินที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าเพื่อเป็นพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น" นายธีรพงษ์กล่าว.