xs
xsm
sm
md
lg

“เพ็ญ” เล็งส่งคนคุมบอร์ด อสมท สั่งเร่งปั๊มรายได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“จักรภพ” เอาอีกแล้ว เตรียมส่งคนเข้าเป็นบอร์ดอสมท ควบคู่กับคนที่คณะกรรมการสรรหาคัดมา รับการกำกับดูแลอสมทต่างจากกรมประชาสัมพันธ์ สั่งอสมทศึกษาแผนทำทีวีอาเชียนและทีวีกีฬาแข่งกับกรมประชาสัมพันธ์ จี้ให้ไปศึกษาโครงสร้างกำไรให้มีประสิทธิภาพกว่านี้

เมื่อวานนี้ (5 มี.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแล บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางไปมอบนโยบายให้กับอสมท

ทั้งนี้ นายจักรภพ กล่าวถึงกรณีการสรรหาคณะกรรมการของบอร์ด อสมท ที่ว่างลง ว่า การสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในบอร์ดที่ว่างลง 9 ตำแหน่งนั้น จะคำนึงถึงความเหมาะสมให้มาจากทุกภาคส่วน โดยจะพิจารณาจากบุคคลที่มีคุณสมบัติเดียวกันหรือใกล้เคียงกับบอร์ดเก่าที่ออกไปแล้ว

สำหรับคุณสมบัติที่พิจารณานั้นคือ ต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ด้านการลงทุนระหว่างประเทศ ด้านการบริหารการเงิน เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารระหว่างภาครัฐกับประชาชน ต้องเป็นนักบริหารด้านการพัฒนาโดรงการใหม่ๆ ด้านการสื่อสาร เป็นต้น

อย่างไรก็ตามนายจักรภพกล่าวว่า จะเสนอรายชื่อบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อให้คณะกรรมการสรรหาบอร์ด อสมท ซึ่งมีนายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรับมนตรีเป็นประธาน เพื่อให้พิจารณาควบคู่กันไปกับบุคคลที่คณะกรรมการสรรหาฯได้ไปดำเนินการสรรหามา

โดยกระบวนการสรรหาบอร์ดอสมทนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ การสรรหากลุ่มแรกจำนวน 5 คน ที่ได้ลาออกไป ซึ่งประกอบด้วย นายบุญปลูก ชายเกตุ , นายประกิจ ประจนปัจจนึก , นายชาญชัย สุนทรมัฎฐ์ , นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร  และ นางรสนา โตสิตระกูล ซึ่งบอร์ดอสมทชุดปัจจุบันนี้สามารถที่จะรับรองได้ทันที

แต่อีกกลุ่มคือ จำนวน 4 คน นั้น ที่เป็นการจับฉลากอออกตามวาระ โดยในกลุ่มนี้จะมีการสรรหาชื่อเข้ามาเพื่อทำการเสนอให้กับผู้ถือหุ้น อสมท เพื่อพิจารณารับรองในวาระประชุมผู้ถือหุ้วันที่ 24 เมษายนนี้

“ไม่อยากให้มองว่าเป็นการแทรกแซง เพราะว่าสิ่งที่การเมืองทำนั้นเป็นไปตามกระบวนการการบริหารที่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น รวมทั้งการสรรหาบอร์ดด้วยที่ว่างลง 9 ตำแหน่ง”

ทั้งนี้การกำกับดูแลอสมทนั้น นายจักรภพกล่าวว่า จะมีความแตกต่างจากกรมประชาสัมพันธ์ เนื่องจากว่า กรมประชาสัมพันธ์เป็นหน่วยงานของรัฐบาล ขณะที่ อสมท นั้นเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้นจะต้องคำนึงถึงผู้ถือหุ้นด้วย และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน และการรับใช้สังคมด้วย ซึ่งการประเมินผลงานของอสมท จึงจำเป็นต้องพิจารณาจากผลประกอบการ และการทำหน้าที่รับใช้สังคมควบคู่กันไปด้วย

โดยนโยบายหลักที่มอบหมายให้กับทาง อสมท คือ การพัฒนาเพื่อไปสู่ความเป็นผู้นำด้านข่าวสารดิจิตอลของประเทศไทย เพราะ อสมท มีความพร้อมทั้งด้านเครือข่าย บุคลากร ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองก็มีนโยบายที่จะพัฒนาโครงการสถานีโทรทัศน์อาเซียน และสถานีโทรทัศน์กีฬา ที่ต้องการให้อสมท ไปจัดทำแผนงานมาเพื่อเสนอให้กับรัฐบาลเหมือนกับที่ได้มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์ทำเช่นกัน เพื่อดูว่าหน่วยงานใดมีแผนงานที่มีศักยภาพในการพัฒนาทั้ง 2 โครงการ ก็อาจจะให้หน่วยงานนั้นรับไปดำเนินการได้

ส่วนโครงสรางกำไรของอสมทนั้น จากตัวเลขพบว่า สัดส่วนกว่า 50% ของกำไรในปีที่แล้วที่มี 1,111 ล้านบาท นั้นมาจากรายได้สัมปทานของ 2 บริษัทเอกชนหลักคือ ช่อง 3 และทรูวิชั่นส์ ขณะที่อีก 50% นั้นมาจากการดำเนินงาน จึงให้อสมท ไปศึกษาโครงสร้างรายได้ต่างๆ เพื่อพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุดทั้งรายได้และกำไรมากกว่าปัจจุบัน

นายจักรภพ กล่าวต่อถึงแผนการปรับปรุงช่อง 11 ด้วยว่า ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการถึงการปรับโฉมใหม่ โดยเบื้องต้นจะมีการแบ่งออกเป็น 3 เฟส คือ เฟสแรก จะทำการปรับรายการข่าว ซึ่งจะเริ่มวันที่ 31 มีนาคมนี้ เฟสที่สองจะปรับรายการทั่วไป เริ่มวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ และเฟสที่สาม จะเริ่มถัดไปอีก 3 เดือนต่อจากเฟสที่สอง จะทำการประเมินภาพรวมภายหลังการปรับโฉมทั้งหมด

ด้าน นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตนเองไม่กังวลกับการที่นายจักรภพมากำกับดูแลอสมท แม้ว่าจะมีการประเมินผลงานพิจารณาจากผลประกอบการ ซึ่งตนจะทำการศึกษาและทำงานร่วมกันกับการเป็นองค์กรที่รับใช้สังคม ประชาชน และผู้ถือหุ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น