ผู้จัดการรายวัน – ไชยวัฒน์ เดินหน้าแผนเดิมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มั่นใจแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2552 หลังดีลขายกิจการให้นักลงทุนไม่สำเร็จ ล่าสุดปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ มุ่งสู่ความเป็นมืออาชีพ ยอมรับพนักงานที่อายุเกิน 60 ปีต้องคัดออก ส่วนที่เหลือ 300 ชีวิต แล้วแต่สมัครใจ
นายไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อมรพันธ์นคร-สวนสยาม จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ตัดสินใจเดินหน้านำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป เพราะจากการประกาศขายกิจการที่ผ่านมามีผู้สนใจติดต่อเข้ามาบ้าง ทั้งซื้อกิจการและการร่วมทุน แต่ไม่สามารถตกลงในหลักเกณฑ์ได้ จึงล่าถอยไป
“มีนักธุรกิจชื่อ วูล์ฟแกง คีสลิ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของสวนสนุก สยามปาร์ค ที่ประเทศสเปน ติดต่อเข้ามาขอดูกิจการ แต่เขาไม่ตกลงจะร่วมทุนหรือลงทุนในประเทศไทย ในธุรกิจสวนสนุกเลย เพราะเห็นว่าพฤติกรรมคนไทยเที่ยวสวนสนุกไม่เหมือนในต่างประเทศ เพราะมีกำลังซื้อน้อยกว่า จึงไม่สามารถเก็บค่าตั๋วได้ในราคาที่เหมาะสมกับเงินลงทุนที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงตัดสินใจไม่ประกอบธุรกิจสวนสนุกในประเทศไทยเลย”
สำหรับการดำเนินงานเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้แต่ตั้งบริษัท แคมปิตัน แอดแวนเทก จำกัด(Capital Advantage Co.,Ltd.) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ดูแลงานการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งน่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯดำเนินการยื่นไฟล์ลิ่ง หรือการขอสิทธิ์ เพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียน คาดว่า กระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จ พร้อมนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนได้ภายในปลายปี 2552 โดยจะเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สยามปาร์ค ซิตี้ จำกัด
โดยการดำเนินงานขณะนี้อยู่ในช่วงการลดทุนจดทะเบียน จาก 700 ล้านบาท เหลือ 175 ล้านบาท เพื่อล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่จำนวน 740 ล้านบาท จากนั้นก็จะดำเนินการเพิ่มทุน ส่วนโครงสร้างองค์กร จะต้องปรับให้เป็นรูปแบบบริษัทมากขึ้น โดยเฉพาะการปรับบุคลากรให้มีความเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่ระบบครอบครัวอย่างที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานที่อายุเกิน 60 ปี อาจต้องปรับในรูปแบบของเกษียณอายุงาน ส่วนพนักงานที่เหลือซึ่งมีอยู่ราว 300 คน ก็จะให้เลือกตามความสมัครใจ ว่าจะทำงานต่อหรือไม่ ถ้าทำต่อ ก็ต้องเขียนใบสมัคร และปรับเรื่องการต้อนรับและให้บริการลูกค้า ให้เป็นมืออาชีพ แต่ทั้งนี้เราจะไม่ตัดอายุงานที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แผนธุรกิจยังเดินหน้าเพิ่มเครื่องเล่นต่อเนื่อง โดยปีนี้จะติดตั้งเครื่องเล่นใหม่อีก 10 ชนิด ทำให้สิ้นปีนี้ สวนสยามจะมีเครื่องเล่นใหม่ ทั้งสิ้น 16 ชนิด และมีเครื่องเล่นเก่าอีก 20 ชนิด ตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมีรายได้ 300-500 ล้านบาท มีกำไรกว่า 60 ล้านบาท มีผู้เข้าใช้บริการราว 2 ล้านครั้ง รายได้ที่เพิ่มขึ้นเพราะเครื่องเล่นใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยปีที่ผ่านมา สวนสยามมีรายได้ 260 ล้านบาท กำไรสุทธิ 30 ล้านบาทโดยมีผู้เข้าใช้บริการราว 1.8 ล้านครั้ง ขณะที่ปี 2552 คาดว่าจะมีรายได้ 700-1,000 ล้านบาท
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับเทศกาล บิ๊ก ฮอลิเดย์ 2008 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่าง 9 มีนาคม ถึง 10 พฤษภาคม ปีนี้ เพื่อเป็นการปลุกขวัญกำลังใจของประชาชนชาวไทยในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และบำรุงขวัญแก่ชาวสวนสยามเอง จึงได้จัดงานภายใต้โครงการ “มหัศจรรย์มหาพุทธานุภาพ” โดยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจาก 9 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา เนปาล พม่า ลาว กัมพูชา จีน ภูฎาน และไทย มาประดิษฐาน ณ มหามณฑลพิธี สวนสยาม โดยในวันที่ 9-19 มีนาคม2551 ได้เปิดให้ประชาชนเข้าสักการะฟรี ไม่ต้องเสียบัตรผ่านประตู
อย่างไรก็ตามงบการตลาดและประชาสัมพันธ์ปีนี้ ตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท เฉพาะที่ใช้ช่วงเทศกาลบิ๊กฮอลิเดย์ราว 30 ล้านบาท คาดว่า ตลอดระยะเวลาจัดงาน น่าจะมีรายได้เข้าสวนสยามไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
นายไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อมรพันธ์นคร-สวนสยาม จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ตัดสินใจเดินหน้านำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป เพราะจากการประกาศขายกิจการที่ผ่านมามีผู้สนใจติดต่อเข้ามาบ้าง ทั้งซื้อกิจการและการร่วมทุน แต่ไม่สามารถตกลงในหลักเกณฑ์ได้ จึงล่าถอยไป
“มีนักธุรกิจชื่อ วูล์ฟแกง คีสลิ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของสวนสนุก สยามปาร์ค ที่ประเทศสเปน ติดต่อเข้ามาขอดูกิจการ แต่เขาไม่ตกลงจะร่วมทุนหรือลงทุนในประเทศไทย ในธุรกิจสวนสนุกเลย เพราะเห็นว่าพฤติกรรมคนไทยเที่ยวสวนสนุกไม่เหมือนในต่างประเทศ เพราะมีกำลังซื้อน้อยกว่า จึงไม่สามารถเก็บค่าตั๋วได้ในราคาที่เหมาะสมกับเงินลงทุนที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงตัดสินใจไม่ประกอบธุรกิจสวนสนุกในประเทศไทยเลย”
สำหรับการดำเนินงานเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้แต่ตั้งบริษัท แคมปิตัน แอดแวนเทก จำกัด(Capital Advantage Co.,Ltd.) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ดูแลงานการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งน่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯดำเนินการยื่นไฟล์ลิ่ง หรือการขอสิทธิ์ เพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียน คาดว่า กระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จ พร้อมนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนได้ภายในปลายปี 2552 โดยจะเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สยามปาร์ค ซิตี้ จำกัด
โดยการดำเนินงานขณะนี้อยู่ในช่วงการลดทุนจดทะเบียน จาก 700 ล้านบาท เหลือ 175 ล้านบาท เพื่อล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่จำนวน 740 ล้านบาท จากนั้นก็จะดำเนินการเพิ่มทุน ส่วนโครงสร้างองค์กร จะต้องปรับให้เป็นรูปแบบบริษัทมากขึ้น โดยเฉพาะการปรับบุคลากรให้มีความเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่ระบบครอบครัวอย่างที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานที่อายุเกิน 60 ปี อาจต้องปรับในรูปแบบของเกษียณอายุงาน ส่วนพนักงานที่เหลือซึ่งมีอยู่ราว 300 คน ก็จะให้เลือกตามความสมัครใจ ว่าจะทำงานต่อหรือไม่ ถ้าทำต่อ ก็ต้องเขียนใบสมัคร และปรับเรื่องการต้อนรับและให้บริการลูกค้า ให้เป็นมืออาชีพ แต่ทั้งนี้เราจะไม่ตัดอายุงานที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แผนธุรกิจยังเดินหน้าเพิ่มเครื่องเล่นต่อเนื่อง โดยปีนี้จะติดตั้งเครื่องเล่นใหม่อีก 10 ชนิด ทำให้สิ้นปีนี้ สวนสยามจะมีเครื่องเล่นใหม่ ทั้งสิ้น 16 ชนิด และมีเครื่องเล่นเก่าอีก 20 ชนิด ตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมีรายได้ 300-500 ล้านบาท มีกำไรกว่า 60 ล้านบาท มีผู้เข้าใช้บริการราว 2 ล้านครั้ง รายได้ที่เพิ่มขึ้นเพราะเครื่องเล่นใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยปีที่ผ่านมา สวนสยามมีรายได้ 260 ล้านบาท กำไรสุทธิ 30 ล้านบาทโดยมีผู้เข้าใช้บริการราว 1.8 ล้านครั้ง ขณะที่ปี 2552 คาดว่าจะมีรายได้ 700-1,000 ล้านบาท
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับเทศกาล บิ๊ก ฮอลิเดย์ 2008 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่าง 9 มีนาคม ถึง 10 พฤษภาคม ปีนี้ เพื่อเป็นการปลุกขวัญกำลังใจของประชาชนชาวไทยในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และบำรุงขวัญแก่ชาวสวนสยามเอง จึงได้จัดงานภายใต้โครงการ “มหัศจรรย์มหาพุทธานุภาพ” โดยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจาก 9 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา เนปาล พม่า ลาว กัมพูชา จีน ภูฎาน และไทย มาประดิษฐาน ณ มหามณฑลพิธี สวนสยาม โดยในวันที่ 9-19 มีนาคม2551 ได้เปิดให้ประชาชนเข้าสักการะฟรี ไม่ต้องเสียบัตรผ่านประตู
อย่างไรก็ตามงบการตลาดและประชาสัมพันธ์ปีนี้ ตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท เฉพาะที่ใช้ช่วงเทศกาลบิ๊กฮอลิเดย์ราว 30 ล้านบาท คาดว่า ตลอดระยะเวลาจัดงาน น่าจะมีรายได้เข้าสวนสยามไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
