รสนา โตสิตระกูล ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ว.ของ กทม.ด้วยคะแนนเสียงสูงกว่า 743,397 คะแนน ทิ้งอันดับ 2-3 หรือแม้แต่บางคนที่ว่ากันว่าเป็นคนของพรรครัฐบาลส่งเข้าประกวดอย่างขาดลอย นำมาซึ่งความโล่งใจของคนชนชั้นกลางในเมืองหลวง
โล่งใจ..ที่อย่างน้อยผลคะแนนพิสูจน์ได้ว่า ตนเองยังเป็นคนปกติอยู่ในสังคมที่ไม่ปกติบูดๆ เบี้ยวๆ ในยุคเมืองไทยมีนายกฯ 2 คนและรัฐมนตรีนอมินีทั้งหลาย
โล่งใจ..ที่อย่างน้อยข่าวนี้เข้ามาในจังหวะสารพัดข่าวเลวร้ายของตัวอย่างการใช้อำนาจตามอำเภอใจของรัฐบาลหุ่นเชิด ทำให้พอมองเห็นเรื่องน่ายินดีอยู่บ้างว่า คนหากทำงานจริง เป็นตัวตนของตนเองจริงๆ ก็จะมีที่ยืนโดยประชาชนพร้อมให้การสนับสนุน
การที่ เอ็นจีโอสาวในวัย 55 ปีผู้ที่มีบทบาทการทำงานคลุกคลีกับเครือข่ายสุขภาพ และการตรวจสอบเปิดโปงเรื่องราวทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมือง และทวงคืนสาธารณูปโภคคืนกลับสาธารณะมีผลงานโดดเด่นมาตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาคนหนึ่งได้คะแนนท่วมท้นนั้น ย่อมเป็นเรื่องที่น่าขบคิด
ถามว่า 743,397 คะแนนของ รสนา โตสิตระกูล มาจากไหน? เท่าที่ประเมินแล้วก็น่าจะมาจาก
1) อารมณ์ความรู้สึกและความต้องการของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องการส่งสัญญาณว่า ต้องการการตรวจสอบถ่วงดุลให้การเมืองไทยมีความหวัง พ้นไปจากสภาพน่าเบื่อหน่ายและมืดมิด
ดังที่ทราบ เสียงของคน กทม.เป็นเสียงที่ไม่มีเจ้าของ การตัดสินใจลงคะแนนให้ใครก็เป็นเพราะหวังว่าคนคนนั้นถูกคาดหวังว่า จะทำหน้าที่ให้กับบ้านเมืองตามที่เขาต้องการ
หากเมื่อใดที่ไม่ทำตามคาดหวังคนกรุงเทพฯ ก็พร้อมที่จะปฏิเสธ เหมือนกรณีพรรคไทยรักไทย ประชาธิปัตย์ พลังธรรม ที่เคยกวาดที่นั่งและสอบตกยกแผงมาแล้วในสนาม กทม.
2) กรณีการจัดตั้ง ครม.ขี้เหร่ เลือกลูกเหลิม ลูกวัฒนา ให้มามีอำนาจ ล้วนแต่เป็นการดูถูก ดูหมิ่น ดูแคลนคน กทม.ที่ไม่ชอบทักษิณและนอมินี การเลือก รสนา คือ การเลือกคนที่อยู่ในตรงข้ามกับทักษิณ แสดงให้เห็นถึงการปฏิเสธทักษิณ ของพวกชนชั้นกลาง คนเมือง
3) มีผลงานการตรวจสอบที่ชัดเจนปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรม นับตั้งแต่เรื่องการทุจริตยาในปี 2541 การทวงคืนสาธารณูปโภคสมบัติของแผ่นดิน กรณีคดีการแปรรูปการไฟฟ้าฯ คดี ปตท.
แม้กระทั่งเรื่องซีแอลยา เครือข่ายที่เคลื่อนไหวเรื่องซีแอล ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในเวลานี้ก็อยู่ในกลุ่มเครือข่ายเดียวกับที่เคลื่อนไหวเรื่องทุจริตยามาก่อนหน้านี้ และเป็นเครือข่ายเดียวกันที่ฟ้องคดี กฟผ.และ ปตท.ผลงานของ รสนา ทำให้มีคนบริจาคเพื่อช่วยเหลือในการเลือกตั้งครั้งนี้ค่อนข้างมาก
4) การประสานเครือข่ายทุกเครือข่ายของเอ็นจีโอที่เคลื่อนไหวเรื่องต่างๆ ทั้งเครือข่ายผู้บริโภค ทุจริตคอร์รัปชัน และกลุ่มต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในยุคไล่ทักษิณผนึกประสานกันอย่างเหนียวแน่นเหมือนเดิม
นอกจากนั้น ว่ากันว่า ยังมีการบอกกันปากต่อปาก ซึ่งตลอด 21 วัน ของการเดินทางหาเสียงในพื้นที่ เสียงของประชาชนทั่วไปบอกต่อทีมงานที่หาเสียงคือ ไม่ต้องมาหาเสียงเพราะเลือกอยู่แล้ว ทั้งยังบอกญาติมิตรเพื่อนฝูงต่อๆ กันไปว่า คราวนี้ขอให้เลือก รสนา
5) มีกลุ่มคนที่เข้าช่วยหาเสียงแทนค่อนข้างมาก คล้ายๆ แฟนคลับรสนา และมีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือสื่อสาร กระตุ้นให้คนมาใช้สิทธิเลือก รสนา มีการทำ เว็บไซต์ เขียนลงบล็อก ส่งเมลส่งเอสเอ็มเอส ฯลฯ
ตัวอย่างเช่น อ.จอน อึ๊งภากรณ์ อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ ส่งเมลไปยังเครือข่ายของอาจารย์ เพื่อบอกว่าตนเองเลือก รสนา และเชิญชวนให้คนอื่นๆ ลงคะแนนให้ด้วย ซึ่งคนอื่นๆ ที่มีกลุ่มเพื่อนฝูง ญาติมิตร ก็ทำแบบเดียวกัน ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่น่าสนใจ
สำหรับรสนาเอง เธอมองว่า “การได้รับเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากประชาชนมองเห็นว่าเป็นพลังอิสระจริงๆ ที่ไม่ได้อยู่กับขั้วการเมือง หรือกลุ่มผลประโยชน์ใดๆ แล้วถือว่าเป็นสัญญาณไปที่วุฒิสภาด้วยว่า เวลานี้วุฒิสภาต้องมีบทบาทในการเข้ามาตรวจสอบถ่วงดุลให้การเมืองโปร่งใส หรือมีธรรมาภิบาลมากขึ้นเหมือนอย่างเจตนารมณ์ประชาชนและรัฐธรรมนูญกำหนด”
ดังนั้น รสนา โตสิตระกูล ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา จึงมีนัยเป็นมากกว่าการที่คนคนหนึ่งจะได้คะแนนเสียงมากกว่าผู้สมัครรายอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งขัน
จากผลการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน ก็จะสะท้อนในอีกมุมหนึ่งสำหรับผู้สมัครบางรายที่ใช้ข้อความ และแผนการรณรงค์ขอเสียงจากประชาชนด้วยการแสดงตนเป็น ‘พวกขั้วที่สาม’ โดยไม่มีข้าง ไม่มีขั้ว นั้นเป็นแนวคิดที่ใช้ไม่ได้กับภาวะสังคมในปัจจุบัน
เนื่องเพราะในความเป็นจริงของสังคมวันนี้ไม่อาจปฏิเสธว่า ไม่มีการแบ่งขั้วเป็นฝักเป็นฝ่าย
สังคมประชาธิปไตย ย่อมมีความเห็นที่แตกต่างเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยังไงก็ต้องเลือกข้าง! โดยมีข้อแม้ว่าต้องเลือกข้างที่ถูกต้อง เพราะยามที่สังคมมืดบอดไม่ปกติ มีแต่การเลือกข้างที่ถูกต้องเท่านั้นจึงจะสร้างสมดุลให้สังคมได้
ในเมื่อเหล่า ส.ส.พรรคพลังประชาชน รัฐมนตรีปากปีจอ และนอมินีทั้งหลายชอบอ้างความชอบธรรมว่า พวกตนมาจากฉันทานุมัติของประชาชนส่วนใหญ่ที่คนยังรัก (เงิน) ทักษิณจึงได้มาเป็นรัฐบาล โดยไม่พูดถึงการซื้อเสียง แล้วก็แสดงพฤติกรรมกักขฬะอย่างที่เห็นๆ กันอยู่
คน 743,397 คนที่เลือก รสนา โตสิตระกูล ซึ่งพูดได้ว่าเป็นคะแนนบริสุทธิ์ ไม่มีพรรคการเมืองจัดตั้งหนุนหลัง ก็มีสิทธิที่จะให้คำตอบแก่สังคมเช่นกันว่า พวกเขาคิดอะไรอยู่ ข้างไหน ขั้วไหน?
วันนี้-พรุ่งนี้ เรื่องทักษิณอยู่ไหน ทำอะไร ให้ถามลิเดีย ในฐานะคนใกล้ชิด แต่หากอยากรู้ว่าคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่กำลังคิดอะไร รู้สึกอย่างไรกับการเมืองไม่ต้องรอถามใคร
เลือกตั้ง ส.ว.2 มี.ค.ที่ผ่านมา มีคำตอบให้แล้ว.
ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก http://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th