เงินเฟ้อ ก.พ.กระฉูด 5.4% สูงสุดในรอบ 20 เดือน หลังสินค้าพาเหรดขึ้นราคายกแผง แต่ “พาณิชย์” กลับโยนบาปเกษตรกร เป็นตัวต้นเหตุทำเงินเฟ้อพุ่ง บอกหมูแพง เพราะดันไปขึ้นราคาหน้าฟาร์ม แถมอุ้มพ่อค้าสุดโต่ง ไม่บอกความจริง ว่าหมูแพงที่หน้าเขียง ไม่วายแหกตาประชาชนอาหารสำเร็จรูปขึ้นราคาแค่ 0.9% ทั้งๆ ที่ขึ้นจริง 20% “มิ่งขวัญ”ให้สัญญา 3 สัปดาห์ราคาสินค้ามีข่าวดี เตรียมยกโขยงนักลงทุนโรดโชว์ประเทศเพื่อนบ้าน ด้าน กกร.ยื่น 6 ข้อให้ทูตพาณิชย์ช่วยผลักดันการค้าระหว่างประเทศ ยอมรับเป้าหมายการส่งออก 15% ทำได้ยาก
นางไพเราะ สุดสว่าง รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) เดือนก.พ.2551 ที่สำรวจราคาสินค้าและบริการทั่วประเทศจำนวน 373 รายการ ครอบคลุมหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่ม เคหสถาน การตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล ยานพาหนะ การขนส่งและการสื่อสาร การบันเทิง การอ่านและการศึกษา เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.2551 สูงขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.2550 สูงขึ้น 5.4% สูงสุดในรอบ 20 เดือน และเฉลี่ย 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วสูงขึ้น 4.8% สูงสุดในรอบ 15 เดือน
สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อในเดือนก.พ. สูงขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เพราะดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 2% เป็นเพราะราคาอาหารเกือบทุกประเภทสูงขึ้น โดยราคาเนื้อสัตว์สูงขึ้น 15.5% จากการสูงขึ้นของราคาเนื้อสุกร 23.9% ตามราคาหน้าฟาร์มเป็นสำคัญ ไข่ สูงขึ้น 5.8% ไก่ 1% เครื่องประกอบอาหารสูงขึ้น 2% ตามการสูงขึ้นของน้ำมันพืช 7.2% ขณะที่อาหารสำเร็จรูปสูงขึ้น 0.9% เช่น กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ส่วนดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีการเคลื่อนไหวของสินค้าหลายชนิด แม้จะมีการปรับราคาน้ำมัน 2 ครั้ง และเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ดัชนีลดลง 0.4% รถไฟปรับลดค่าธรรมเนียมสำหรับรถเร็วที่วิ่งไม่เกิน 300 กม เครื่องรับโทรศัพท์มือถือลดลง 0.3% เครื่องเล่นเทปดิสก์ ลดลง 0.4% ส่วนการปรับค่าเอฟที สูงขึ้น 2.75 สตางค์/หน่วย ทำให้ดัชนีกระแสไฟฟ้าสูงขึ้น 0.9% ก๊าซหุงต้ม สูงขึ้น 1.7% ยาสูบและเครื่องดื่มามีแอลกอฮอล์สูงขึ้น 0.5% ได้แก่ บุหรี่ เบียร์ ไวน์และสุรา
สำหรับเงินเฟ้อเมื่อเทียบกับเดือนก.พ.ปีที่แล้ว เนื่องจากในช่วงเดือนก.พ.2550 มีสินค้าหลายชนิดมีราคาลดลง ได้แก่ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ ผักสดและผลไม้ ค่ากระแสไฟฟ้า ส่งผลให้ดัชนีรวมลดลง แต่ในเดือนก.พ.ปีนี้ ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 7.9% สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ เนื้อสัตว์ 25% ผักและผลไม้ 15.1% ไข่และผลิตภัณฑ์นม และเครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้นเท่ากันคือ 10.7% และดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 4% สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง 27.1% ค่าโดยสารสาธารณะ 2.2% ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ 3.7%
“แม้ว่าเงินเฟ้อในเดือนก.พ. จะเพิ่มสูงขึ้น แต่คาดว่าเดือนมี.ค. เงินเฟ้อจะมีแนวโน้มลดลง เพราะเดือนก.พ.เป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ความต้องการผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ สูงขึ้น ทำให้มีราคาแพง แต่เดือนมี.ค. นมผง จะลดราคา ผงซักฟอก ยาสีฟัน แชมพู จะตรึงราคาและบางรายการจะลดราคา ขณะที่อาหารสำเร็จก็จะลดราคา ทำให้แรงกดดันต่อเงินเฟ้อลดลง ส่วนการจะปรับเป้าหมายเงินเฟ้อหรือไม่ กระทรวงพาณิชย์ ขอดูสถานการณ์ก่อน 6 เดือนก่อน ตอนนี้ขอยืนตัวเลขที่ 3.5% เพราะมั่นใจว่ามาตรการที่ออกมาจะช่วยบรรเทาภาวะเงินเฟ้อได้”นางไพเราะ กล่าว
นอกจากนี้ ยังเห็นว่าราคาน้ำมันจะไม่เพิ่มขึ้นมาก เพราะการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% จะทำให้บาทแข็ง ส่งผลให้การนำเข้าน้ำมันมีราคาไม่สูงเหมือนในอดีต ที่สำคัญ มีการหันไปใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ทำให้ต้นทุนราคาสินค้าเพิ่มขึ้นไม่มาก ซึ่งจะช่วยชะลอการปรับขึ้นราคาในภาพรวมได้
นางวัชรี วิมุกตายน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า สินค้านมผง ได้แจ้งว่าจะมีการปรับลดราคานมผงบางรายการลงมา 5-13% ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.นี้ และบางรายการจะตรึงราคาไว้ โดยเฉพาะรายการที่เคยขอปรับขึ้นราคา ขณะที่ผงซักฟอก แชมพู ยาสีฟัน จะปรับลดราคาลงบางรายการ และตรึงราคาบางรายการ ส่วนอาหารสำเร็จรูปในห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกรายใหญ่ ได้ตกลงที่จะลดราคาเช่นกัน โดยอาหารจานละ 25 บาท จะลดเหลือ 23-24 บาท จานละ 30 บาท ลดเหลือ 28 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นมาก เพราะสินค้าหลายๆ รายการมีราคาสูงขึ้น แต่ที่น่าแปลกใจ ก็คือ กระทรวงพาณิชย์กลับไปโยนบาปให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูว่าเป็นต้นเหตุทำให้ราคาเนื้อสุกรสูงขึ้น เพราะขึ้นราคาหน้าฟาร์มตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่กลับไม่พูดถึงต้นเหตุที่ทำให้เนื้อสุกรแพงขึ้นว่าเป็นเพราะโรงชำแหละกับหน้าเขียงที่ได้กำไรเกินควรเลย ที่สำคัญ ยังระบุอีกว่าอาหารสำเร็จรูปขึ้นราคาแค่ 0.9% ทั้งๆ ที่ขึ้นราคาจริงสูงถึง 20% เช่น ก๋วยเตี๋ยว เดิมชามละ 25 บาท ขึ้นอีก 5 บาท เป็น 30 บาท จะขึ้นแค่ 0.9% ได้อย่างไร
"มิ่งขวัญ" ขอเวลา 3 สัปดาห์แก้ราคาสินค้า
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขอเวลา 3 สัปดาห์เพื่อดูราคาสินค้าต่างๆ โดย ดูตั้งแต่ราคาวัตถุดิบในประเทศและต่างประเทศ ค่าจ้างแรงงาน ค่าการตลาด และผู้บริโภค ซึ่งตอนนี้สินค้าหลายตัวที่ได้กำชับปลัดกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว โดยเน้นสินค้าที่คนเดือดร้อนมาก และจะลดราคาค่าใช้จ่ายอะไรได้บ้าง
ส่วนเรื่องโรดโชว์เพื่อสร้างความเข้าใจกับนักลงทุนในต่างประเทศนั้น ถ้าเป็นแผนใหญ่ต้องหารือกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นนายกรัฐมนตรีได้ไปประเทศลาว และกัมพูชา ซึ่งตนขออนุญาตไม่ร่วมเดินทางไปด้วยโดยขอแยกไปต่างหาก แต่ก็ได้ขอให้นายกรัฐมนตรีกราบเรียนผู้นำรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศว่า กระทรวงพาณิชย์จะพากลุ่มพ่อค้ากลุ่มใหญ่ไป เพื่อไปคุยทางการค้าที่นั่นและประเทศใกล้เคียงทั้งหมด
กกร.หารือทูตพาณิชย์
นายธนิต โสรัตน์ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย หรือกกร. ร่วมกับทูตพาณิชย์ทั่วโลกวานนี้ว่า ทางกกร.ได้ยื่นข้อเสนอ 6ข้อให้ทูตพาณิชย์ช่วยดำเนินการ 1.หาตลาดใหม่ทั้งส่งออกสินค้าและบริการ 2.ช่วยหาแหล่งวัตถุดิบราคาถูกให้ผู้ส่งออกเอสเอ็มอี 3.สนับสนุนข้อมูลให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนต่างประเทศ
4.สนับสนุนข้อมูลจากแต่ละประเทศให้เกิดการประสาน รวมทั้งพบปะเจรจาร่วมทุนกันได้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย 5. สร้างกฎระเบียบในการใช้บริการสำนักงานในต่างประเทศอย่างชัดเจน เพื่อให้เอกชนทั้งหมดเข้าถึงทูตพาณิชย์ได้ และ 6.ให้กรมส่งเสริมการส่งออก ช่วยสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากการค้าชายแดนให้เป็นช่องทางการค้าใหม่ให้กับผู้ส่งออก
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานส.อ.ท. กล่าวว่า เป้าหมายการส่งออกที่รัฐบาลใหม่ตั้งไว้ให้ขยายตัว 15% นั้นยอมรับว่าเป็นเป้าการส่งออกที่สูง ภาคเอกชนต้องทำงานหนัก ในการผลักดันให้ได้ตามเป้า ดังนั้นรัฐต้องช่วยในการจัดหาวัตถุดิบพื้นฐานและวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เพื่อลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ แต่ขณะนี้ผู้ประกอบการยังไม่ทราบข้อมูลทั้งหมด วัตถุดิบราคาถูกอยู่ในแหล่งใดบ้าง ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือในด้านข้อมูล
นางไพเราะ สุดสว่าง รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) เดือนก.พ.2551 ที่สำรวจราคาสินค้าและบริการทั่วประเทศจำนวน 373 รายการ ครอบคลุมหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่ม เคหสถาน การตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล ยานพาหนะ การขนส่งและการสื่อสาร การบันเทิง การอ่านและการศึกษา เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.2551 สูงขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.2550 สูงขึ้น 5.4% สูงสุดในรอบ 20 เดือน และเฉลี่ย 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วสูงขึ้น 4.8% สูงสุดในรอบ 15 เดือน
สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อในเดือนก.พ. สูงขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เพราะดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 2% เป็นเพราะราคาอาหารเกือบทุกประเภทสูงขึ้น โดยราคาเนื้อสัตว์สูงขึ้น 15.5% จากการสูงขึ้นของราคาเนื้อสุกร 23.9% ตามราคาหน้าฟาร์มเป็นสำคัญ ไข่ สูงขึ้น 5.8% ไก่ 1% เครื่องประกอบอาหารสูงขึ้น 2% ตามการสูงขึ้นของน้ำมันพืช 7.2% ขณะที่อาหารสำเร็จรูปสูงขึ้น 0.9% เช่น กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ส่วนดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีการเคลื่อนไหวของสินค้าหลายชนิด แม้จะมีการปรับราคาน้ำมัน 2 ครั้ง และเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ดัชนีลดลง 0.4% รถไฟปรับลดค่าธรรมเนียมสำหรับรถเร็วที่วิ่งไม่เกิน 300 กม เครื่องรับโทรศัพท์มือถือลดลง 0.3% เครื่องเล่นเทปดิสก์ ลดลง 0.4% ส่วนการปรับค่าเอฟที สูงขึ้น 2.75 สตางค์/หน่วย ทำให้ดัชนีกระแสไฟฟ้าสูงขึ้น 0.9% ก๊าซหุงต้ม สูงขึ้น 1.7% ยาสูบและเครื่องดื่มามีแอลกอฮอล์สูงขึ้น 0.5% ได้แก่ บุหรี่ เบียร์ ไวน์และสุรา
สำหรับเงินเฟ้อเมื่อเทียบกับเดือนก.พ.ปีที่แล้ว เนื่องจากในช่วงเดือนก.พ.2550 มีสินค้าหลายชนิดมีราคาลดลง ได้แก่ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ ผักสดและผลไม้ ค่ากระแสไฟฟ้า ส่งผลให้ดัชนีรวมลดลง แต่ในเดือนก.พ.ปีนี้ ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 7.9% สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ เนื้อสัตว์ 25% ผักและผลไม้ 15.1% ไข่และผลิตภัณฑ์นม และเครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้นเท่ากันคือ 10.7% และดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 4% สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง 27.1% ค่าโดยสารสาธารณะ 2.2% ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ 3.7%
“แม้ว่าเงินเฟ้อในเดือนก.พ. จะเพิ่มสูงขึ้น แต่คาดว่าเดือนมี.ค. เงินเฟ้อจะมีแนวโน้มลดลง เพราะเดือนก.พ.เป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ความต้องการผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ สูงขึ้น ทำให้มีราคาแพง แต่เดือนมี.ค. นมผง จะลดราคา ผงซักฟอก ยาสีฟัน แชมพู จะตรึงราคาและบางรายการจะลดราคา ขณะที่อาหารสำเร็จก็จะลดราคา ทำให้แรงกดดันต่อเงินเฟ้อลดลง ส่วนการจะปรับเป้าหมายเงินเฟ้อหรือไม่ กระทรวงพาณิชย์ ขอดูสถานการณ์ก่อน 6 เดือนก่อน ตอนนี้ขอยืนตัวเลขที่ 3.5% เพราะมั่นใจว่ามาตรการที่ออกมาจะช่วยบรรเทาภาวะเงินเฟ้อได้”นางไพเราะ กล่าว
นอกจากนี้ ยังเห็นว่าราคาน้ำมันจะไม่เพิ่มขึ้นมาก เพราะการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% จะทำให้บาทแข็ง ส่งผลให้การนำเข้าน้ำมันมีราคาไม่สูงเหมือนในอดีต ที่สำคัญ มีการหันไปใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ทำให้ต้นทุนราคาสินค้าเพิ่มขึ้นไม่มาก ซึ่งจะช่วยชะลอการปรับขึ้นราคาในภาพรวมได้
นางวัชรี วิมุกตายน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า สินค้านมผง ได้แจ้งว่าจะมีการปรับลดราคานมผงบางรายการลงมา 5-13% ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.นี้ และบางรายการจะตรึงราคาไว้ โดยเฉพาะรายการที่เคยขอปรับขึ้นราคา ขณะที่ผงซักฟอก แชมพู ยาสีฟัน จะปรับลดราคาลงบางรายการ และตรึงราคาบางรายการ ส่วนอาหารสำเร็จรูปในห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกรายใหญ่ ได้ตกลงที่จะลดราคาเช่นกัน โดยอาหารจานละ 25 บาท จะลดเหลือ 23-24 บาท จานละ 30 บาท ลดเหลือ 28 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นมาก เพราะสินค้าหลายๆ รายการมีราคาสูงขึ้น แต่ที่น่าแปลกใจ ก็คือ กระทรวงพาณิชย์กลับไปโยนบาปให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูว่าเป็นต้นเหตุทำให้ราคาเนื้อสุกรสูงขึ้น เพราะขึ้นราคาหน้าฟาร์มตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่กลับไม่พูดถึงต้นเหตุที่ทำให้เนื้อสุกรแพงขึ้นว่าเป็นเพราะโรงชำแหละกับหน้าเขียงที่ได้กำไรเกินควรเลย ที่สำคัญ ยังระบุอีกว่าอาหารสำเร็จรูปขึ้นราคาแค่ 0.9% ทั้งๆ ที่ขึ้นราคาจริงสูงถึง 20% เช่น ก๋วยเตี๋ยว เดิมชามละ 25 บาท ขึ้นอีก 5 บาท เป็น 30 บาท จะขึ้นแค่ 0.9% ได้อย่างไร
"มิ่งขวัญ" ขอเวลา 3 สัปดาห์แก้ราคาสินค้า
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขอเวลา 3 สัปดาห์เพื่อดูราคาสินค้าต่างๆ โดย ดูตั้งแต่ราคาวัตถุดิบในประเทศและต่างประเทศ ค่าจ้างแรงงาน ค่าการตลาด และผู้บริโภค ซึ่งตอนนี้สินค้าหลายตัวที่ได้กำชับปลัดกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว โดยเน้นสินค้าที่คนเดือดร้อนมาก และจะลดราคาค่าใช้จ่ายอะไรได้บ้าง
ส่วนเรื่องโรดโชว์เพื่อสร้างความเข้าใจกับนักลงทุนในต่างประเทศนั้น ถ้าเป็นแผนใหญ่ต้องหารือกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นนายกรัฐมนตรีได้ไปประเทศลาว และกัมพูชา ซึ่งตนขออนุญาตไม่ร่วมเดินทางไปด้วยโดยขอแยกไปต่างหาก แต่ก็ได้ขอให้นายกรัฐมนตรีกราบเรียนผู้นำรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศว่า กระทรวงพาณิชย์จะพากลุ่มพ่อค้ากลุ่มใหญ่ไป เพื่อไปคุยทางการค้าที่นั่นและประเทศใกล้เคียงทั้งหมด
กกร.หารือทูตพาณิชย์
นายธนิต โสรัตน์ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย หรือกกร. ร่วมกับทูตพาณิชย์ทั่วโลกวานนี้ว่า ทางกกร.ได้ยื่นข้อเสนอ 6ข้อให้ทูตพาณิชย์ช่วยดำเนินการ 1.หาตลาดใหม่ทั้งส่งออกสินค้าและบริการ 2.ช่วยหาแหล่งวัตถุดิบราคาถูกให้ผู้ส่งออกเอสเอ็มอี 3.สนับสนุนข้อมูลให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนต่างประเทศ
4.สนับสนุนข้อมูลจากแต่ละประเทศให้เกิดการประสาน รวมทั้งพบปะเจรจาร่วมทุนกันได้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย 5. สร้างกฎระเบียบในการใช้บริการสำนักงานในต่างประเทศอย่างชัดเจน เพื่อให้เอกชนทั้งหมดเข้าถึงทูตพาณิชย์ได้ และ 6.ให้กรมส่งเสริมการส่งออก ช่วยสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากการค้าชายแดนให้เป็นช่องทางการค้าใหม่ให้กับผู้ส่งออก
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานส.อ.ท. กล่าวว่า เป้าหมายการส่งออกที่รัฐบาลใหม่ตั้งไว้ให้ขยายตัว 15% นั้นยอมรับว่าเป็นเป้าการส่งออกที่สูง ภาคเอกชนต้องทำงานหนัก ในการผลักดันให้ได้ตามเป้า ดังนั้นรัฐต้องช่วยในการจัดหาวัตถุดิบพื้นฐานและวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เพื่อลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ แต่ขณะนี้ผู้ประกอบการยังไม่ทราบข้อมูลทั้งหมด วัตถุดิบราคาถูกอยู่ในแหล่งใดบ้าง ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือในด้านข้อมูล