xs
xsm
sm
md
lg

น้ำตาลโลกพุ่ง15เซนต์/ปอนด์จี้รัฐเร่งวางแผน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- น้ำตาลดิบตลาดโลกพุ่ง 15 เซนต์ต่อปอนด์ หลังกองทุนฯเข้าเก็งกำไรจากความต้องการพลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้นจากทั่วโลก ประกอบกับจีนดันแผนใช้แก๊สโซฮอล์ส่งผลให้ต้องการเอทานอลนำเข้าจำนวนมาก แนะรัฐบาลต้องเร่งวางแผนบูรณาการวางระบบปลูกอ้อยและผลิตเอทานอลให้ชัดเจน

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นมากเฉลี่ยมาอยู่ในระดับ 14.5- 15 เซนต์ต่อปอนด์ ส่งผลให้บริษัทอ้อยและน้ำตาลทราย(อนท.) ได้เร่งระบายปริมาณน้ำตาลขายออกเพื่อทำราคาดังกล่าวซึ่งเชื่อว่าระดับราคานี้จะส่งผลให้ราคาอ้อยขั้นสุดท้ายในปี 2550/51 จะสูงกว่า 800 บาทต่อตันหรือสูงกว่าราคาอ้อยขั้นต้นขั้นต่ำ 100 บาทต่อตันจากที่กำหนดไว้ที่ระดับ 700บาทต่อตันแน่นอน

ทั้งนี้สาเหตุที่น้ำตาลตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมากจากเดิมในช่วงปลายปีอยู่ที่เพียงระดับ 8-9 เซนต์ต่อปอนด์เท่านั้นเนื่องจากกองทุนเก็งกำไรและบริษัทการเงินทั่วโลกให้ความสนใจที่จะลงทุนในตลาดวัตถุดิบของพลังงานทดแทนผ่านกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้น ซึ่งอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเอทานอลที่เป็นพลังงานทดแทนที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญซึ่งล่าสุดจีนได้ประกาศที่จะส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ทำให้หลายฝ่ายมองว่าเอทานอลที่จะเป็นวัถตุดิบจะมีการนำเข้าไปยังจีนจำนวนมาก

" ไทยเองควรจะมองไปให้ไกลด้วยว่าท้ายสุดจะจัดการอย่างไรกับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายที่ต้องดูการปลูกเพื่อพืชพลังงานในการนำไปทำเอทานอล และน้ำตาลที่ชัดเจนไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหา และทำอย่างไรจะส่งเสริมการเอทานอลเพื่อการส่งออกที่มีประสิทธิภาพได้ประโยชน์อย่งแท้จริง" แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับการหาแหล่งเงินกู้ตามมติครม.เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 2549/50 ที่ต่ำกว่าราคาอ้อยขั้นต้นที่รัฐได้มอบหมายกระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ให้แล้วให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดตั้งงบประมาณเพื่อจ่ายคืนหนี้ดังกล่าววงเงิน 5,277 ล้านบาทรวมไปถึงเงินกู้ 4,225 ล้านบาทเพื่อเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นปี 2550/51 จากที่ได้ 600 บาทต่อตันเป็น 700 บาทต่อตันนั้นทางกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย(กท.)จะมีการหารือร่วมกับตัวแทนกระทรวงการคลังในวันนี้(3 มี.ค.)

" เดิมทีวงเงิน 5,277 ล้านบาทที่คลังเสนอทางเลือกมาให้เป็นการกู้จากธนาคารออมสินนั้นเบื้องต้นคาดว่าคงจะเป็นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.)ทั้งหมดเพราะจะง่ายกว่าเนื่องจากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลมีการกู้เงินจากธ.ก.ส.มานานแล้วจึงง่ายกว่าที่จะบริหารจัดการทั้งหมด"แหล่งข่าวกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น