“พาณิชย์” อนุมัตินำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ไม่เกิน 3 หมื่นตัน 29 ก.พ.นี้ “เกริกไกร” สั่งศึกษาแนวทางการประกาศลอยตัวราคาน้ำมันพืช ก่อนถอดออกจากสินค้าควบคุม เชื่อแผนพลังงานทดแทนไม่สะดุด
วันนี้ (16 ม.ค.) นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบ อนุมัติให้องค์การคลังสินค้า(อคส.) นำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ ปริมาณไม่เกิน 3 หมื่นตัน โดยให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ก.พ.2551 เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน
ก่อนหน้านี้ คณะอนุกรรมการแก้ไขปาล์มน้ำมันทั้งระบบ เสนอให้ อคส.นำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจำนวน 6 หมื่นตัน เพื่อทดแทนปริมาณสำรองที่ควรจะมีอยู่ที่ 1.5 แสนตัน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า (22 ม.ค.) เพื่อให้พิจารณาอนุมัติการนำเข้าดังกล่าว ซึ่งเป็นการอนุมัตินำเข้าเพิ่มเติมจากที่ก่อนหน้านี้ที่ ครม.เคยมีมติให้นำเข้าไปแล้วเมื่อเดือน ต.ค.2550 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
รมว.พาณิชย์ ยังได้สั่งการให้กรมการค้าภายในไปศึกษาถึงแนวทางการแก้ปัญหาน้ำมันพืชบรรจุขวด ด้วยการนำระบบลอยตัวมาใช้ เพื่อให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และเป็นไปตามกลไกตลาด โดยหากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ราคาขายปลีกก็จะต้องเพิ่มขึ้นตาม แต่หากราคาวัตถุดิบลดลง ราคาขายปลีกก็ต้องลดลงตามไปด้วย
“การลอยตัวเป็นการปล่อยให้กลไกตลาดทำงาน ราคาต้องขึ้นๆ ลงๆ ได้ ถ้าวัตถุดิบขึ้น ก็ต้องให้ขึ้น ถ้าวัตถุดิบลง ราคาต้องลง คาดจะได้ผลศึกษาในเร็วๆ นี้ แต่การลอยตัวน้ำมันพืชไม่ใช่การถอดออกจากบัญชีสินค้าควบคุม เพราะแม้มาตรการดูแลจะเปลี่ยนไป แต่ยังสามารถใช้มาตรการอื่นๆ ควบคุมดูแลได้อีกหลายวิธี”
นายเกริกไกร กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เดือน มี.ค.นี้เป็นต้นไป จะไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันปาล์ม เนื่องจากผลปาล์มดิบจะออกสู่ตลาดเดือนละ 109,000 ตัน และมีน้ำมันปาล์มดิบใช้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 100,000 ตัน
พร้อมกันนี้ ได้ฝากไปยังรัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะการบริหารจัดการพืชที่นำมาใช้ผลิตพลังงานทดแทน ทั้งอ้อย, มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ที่จะต้องวางแผนการผลิต การตลาด การบริหารจัดการด้านราคาให้ดี ที่สำคัญราคาของพืชที่จะนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทนจะต้องสมเหตุสมผล เพราะขณะนี้ราคาเพิ่มขึ้นสูงมาก