ผู้จัดการรายวัน- จับตาผู้ค้าน้ำมันตัดสินใจปรับเปลี่ยนราคาน้ำมันขายปลีกหรือไม่โดยเฉพาะปตท.ในวันนี้(3มี.ค.) หลังค่าการตลาดต่ำหนัก หากปรับขึ้นดีเซลและเบนซิน95 ดาหน้ากันทุบสถิติสูงสุดทันที ขณะที่กกร.ถกเอกชนวิเคราะห์ผลกระทบค่าบาทหลังธปท.เลิกกันสำรอง 30% วันนี้เช่นกัน
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ค่าการตลาดโดยรวมของผู้ค้าน้ำมันยังติดลบดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่ผู้ค้าน้ำมันจะทำการปรับราคาขายปลีกอีกครั้งในสัปดาห์นี้ซึ่งคงจะต้องติดตามการตัดสินใจปรับเปลี่ยนของบมจ.ปตท.ในฐานะผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นสำคัญ ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมาการที่ปตท.ตรึงราคาไว้ทำให้มีการชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมันไปได้พอสมควรเพราะไม่เช่นนั้นราคาน้ำมันขณะนี้เบนซินคงสูงถึง 35 บาท/ลิตร ดีเซลคงไปอยู่ที่ 31 บาท/ลิตรไปแล้ว
"แนวโน้มราคาน้ำมันช่วงปีนี้คงไม่ตำกว่า 85-95 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันในไทยดีเซลไม่ต่ำไปกว่า 27 บาท/ลิตร ส่วนเบนซินน่าจะแพงกว่าดีเซลเล็กน้อย แต่สำคัญสุดคงต้องติดตามว่าจะมีการเทขายทำกำไรของเฮดฟันด์มากน้อยแค่ไหนด้วย"นายมนูญกล่าว
อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้คงต้องติดตามผลการประชุมโอเปก 5 มี.ค.อย่างใกล้ชิดเพราะจะมีผลต่อจิตวิทยาของราคาต่อบรรดาเฮดฟันด์ที่จะเข้ามาเก็งกำไรมากน้อยเพียงใด หลังเงินสหรัฐอ่อนค่าลง โดยก่อนหน้านี้หลายฝ่ายมองว่าโอเปกจะลดกำลังการผลิตลงตามปกติที่ช่วงนี้จะเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนความต้องการจะลดต่ำลง ทำให้ เฮดฟันด์เข้ามาซื้อน้ำมันเพื่อเก็บไว้ทำกำไร แต่การนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่หวังว่าโอเปกจะคงการผลิตมากกว่าลดเพื่อไม่ให้นานาชาติกดดันให้เพิ่มกำลังการผลิตภายหลัง
กกร.ถกค่าบาทวันนี้(3มี.ค.)
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า วันนี้(3มี.ค.) คณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.0 ซึ่งประกอบไปด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย จะมีการหารือถึงผลกระทบต่อค่าเงินบาทหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30 % ซึ่งมีผลบังคับวันนี้(3มี.ค.) ว่าภาคเอกชนมองอย่างไรและต้องเตรียมรับมืออย่างไร
"ส.อ.ท.เองคงต้องหารือสมาชิกให้ระวังการแข็งค่าของค่าเงินบาทที่จะกระทบกับการผลิตและการส่งออก ซึ่งห่วงว่าจะแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะการเก็งกำไร แต่หากค่าเงินบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องในทิศทางเดียวกับเงินสกุลภูมิภาคเอเชียก็ไม่น่าห่วง"นายสันติกล่าว
แหล่งข่าวจากส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้ภาคการผลิตกำลังประสบปัญหาต้นทุนสูงทั้งน้ำมัน ค่าแรง วัตถุดิบแพงแล้วยังเจอปัญหาการส่งออกต้องเผชิญความผันผวนของค่าเงินบาทอีกดังนั้นมูลค่าการส่งออกของไทยปีนี้คงต้องติดตามเป็นพิเศษว่าจะลดลงมากน้อยเพียงใด ประกอบกับมองว่า มาตรการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาทที่ ธปท.ประกาศออกมาเพิ่มเติมนั้นไม่มีผลต่อการแข็งค่าของเงินบาทแต่อย่างใด
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ค่าการตลาดโดยรวมของผู้ค้าน้ำมันยังติดลบดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่ผู้ค้าน้ำมันจะทำการปรับราคาขายปลีกอีกครั้งในสัปดาห์นี้ซึ่งคงจะต้องติดตามการตัดสินใจปรับเปลี่ยนของบมจ.ปตท.ในฐานะผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นสำคัญ ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมาการที่ปตท.ตรึงราคาไว้ทำให้มีการชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมันไปได้พอสมควรเพราะไม่เช่นนั้นราคาน้ำมันขณะนี้เบนซินคงสูงถึง 35 บาท/ลิตร ดีเซลคงไปอยู่ที่ 31 บาท/ลิตรไปแล้ว
"แนวโน้มราคาน้ำมันช่วงปีนี้คงไม่ตำกว่า 85-95 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันในไทยดีเซลไม่ต่ำไปกว่า 27 บาท/ลิตร ส่วนเบนซินน่าจะแพงกว่าดีเซลเล็กน้อย แต่สำคัญสุดคงต้องติดตามว่าจะมีการเทขายทำกำไรของเฮดฟันด์มากน้อยแค่ไหนด้วย"นายมนูญกล่าว
อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้คงต้องติดตามผลการประชุมโอเปก 5 มี.ค.อย่างใกล้ชิดเพราะจะมีผลต่อจิตวิทยาของราคาต่อบรรดาเฮดฟันด์ที่จะเข้ามาเก็งกำไรมากน้อยเพียงใด หลังเงินสหรัฐอ่อนค่าลง โดยก่อนหน้านี้หลายฝ่ายมองว่าโอเปกจะลดกำลังการผลิตลงตามปกติที่ช่วงนี้จะเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนความต้องการจะลดต่ำลง ทำให้ เฮดฟันด์เข้ามาซื้อน้ำมันเพื่อเก็บไว้ทำกำไร แต่การนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่หวังว่าโอเปกจะคงการผลิตมากกว่าลดเพื่อไม่ให้นานาชาติกดดันให้เพิ่มกำลังการผลิตภายหลัง
กกร.ถกค่าบาทวันนี้(3มี.ค.)
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า วันนี้(3มี.ค.) คณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.0 ซึ่งประกอบไปด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย จะมีการหารือถึงผลกระทบต่อค่าเงินบาทหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30 % ซึ่งมีผลบังคับวันนี้(3มี.ค.) ว่าภาคเอกชนมองอย่างไรและต้องเตรียมรับมืออย่างไร
"ส.อ.ท.เองคงต้องหารือสมาชิกให้ระวังการแข็งค่าของค่าเงินบาทที่จะกระทบกับการผลิตและการส่งออก ซึ่งห่วงว่าจะแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะการเก็งกำไร แต่หากค่าเงินบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องในทิศทางเดียวกับเงินสกุลภูมิภาคเอเชียก็ไม่น่าห่วง"นายสันติกล่าว
แหล่งข่าวจากส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้ภาคการผลิตกำลังประสบปัญหาต้นทุนสูงทั้งน้ำมัน ค่าแรง วัตถุดิบแพงแล้วยังเจอปัญหาการส่งออกต้องเผชิญความผันผวนของค่าเงินบาทอีกดังนั้นมูลค่าการส่งออกของไทยปีนี้คงต้องติดตามเป็นพิเศษว่าจะลดลงมากน้อยเพียงใด ประกอบกับมองว่า มาตรการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาทที่ ธปท.ประกาศออกมาเพิ่มเติมนั้นไม่มีผลต่อการแข็งค่าของเงินบาทแต่อย่างใด
