ผู้จัดการรายวัน-"มิ่งขวัญ"สั่งเพิ่มเป้าส่งออกปีนี้เป็น 15% จากเดิม 10-12.5% หลังมีแผนบุกเจาะตลาดใหม่เพิ่มมากขึ้น "วิรุฬ"ฝากทูตพาณิชย์แจงต่างชาติการเมืองไทยไม่มีปัญหา เพื่อสร้างความเชื่อมั่น พร้อมขอให้เตรียมพร้อมรับมือการออกโรดโชว์ของรัฐบาลในเร็วๆ นี้ ทูตพาณิชย์สหรัฐฯ ยันซัมไพร์มไม่ใช่เรื่องใหญ่ เชื่อคลี่คลายได้ใน 6 เดือนนี้ คาดตลาดสหรัฐฯ ปีนี้โต 5%
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้กับทูตพาณิชย์ไทยที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก วานนี้ (27 ก.พ.) ว่า ในปีนี้ แม้ว่าการส่งออกจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ มีปัญหาจากสินเชื่อด้อยคุณภาพในอสังหาริมทรัพย์ (ซัมไพร์ม) ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสหรัฐฯ ทั่วโลก แต่ยังมั่นใจว่าการส่งออกน่าจะขยายตัวได้ถึง 15% จากเดิมที่ได้ตั้งเป้าหมายการขยายตัวไว้ที่ 10-12.5%
"จากการหารือและพูดคุยกับทูตพาณิชย์ พบว่าตลาดใหม่บางประเทศ อย่างเช่น จีน อินเดีย แอฟริกา รัสเซีย ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมากถึง 20-30% ส่วนตลาดที่มีปัญหาอย่างสหรัฐฯ เอง ก็น่าจะขยายตัวได้มากขึ้น จากปีก่อนที่ติดลบ จึงคาดว่า การส่งออกในภาพรวมปีนี้น่าจะขยายตัวได้ถึง 15% ไม่ยาก" นายวิรุฬกล่าว
พร้อมกันนี้ ได้มีการชี้แจงให้ทูตพาณิชย์รับทราบถึงสถานการณ์การเมืองภายในประเทศว่าไม่มีปัญหาอะไร รัฐบาลยังมีเสถียรภาพ และได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ไปชี้แจงให้ทั้งรัฐบาล และภาคเอกชนของประเทศต่างๆ เข้าใจด้วย เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ขณะเดียวกัน ได้ขอให้ทูตพาณิชย์ไปเตรียมความพร้อม เพราะในเร็วๆ นี้ รัฐบาลจะเดินทางไปโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และดึงนักลงทุนมายังไทยด้วย
นางเกษสิริ ศิริภากรณ์ อัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) สำนักงานพาณิชย์ไทยในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ปีนี้ การส่งออกไทยไปสหรัฐฯ น่าจะขยายตัวได้ถึง 5% มูลค่ากว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมทั้งเป้าที่ 2% เพราะสหรัฐฯ น่าจะแก้ปัญหาซับไพร์มได้ ซึ่งขณะนี้ทยอยออกมาตรการแก้ปัญหาแล้ว รวมถึงการแจกเงินประชาชน เพื่อเพิ่มกำลังซื้อ และกระตุ้นการบริโภค สำหรับสินค้าที่ยังมีศักยภาพส่งออกได้ดี ได้แก่ อาหาร โดยเฉพาะกุ้ง อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น
ทั้งนี้ คาดว่า สหรัฐฯจะกลับมานำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น หลังจากปีก่อนนำเข้าสินค้าราคาถูก และด้อยคุณภาพจากจีน จนทำให้ไทยเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับจีนไปมาก โดยปีที่ผ่านมา จีนส่งออกไปสหรัฐฯเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 20% ขณะที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ ติดลบประมาณ 1.8%
"ปัญหาซับไพร์มเป็นเรื่องเล็กๆ เฉพาะของสถาบันการเงิน แต่กลับประโคมข่าวเหมือนเป็นเรื่องใหญ่โต ซึ่งขณะนี้ สถาบันการเงินก็เริ่มมีเครดิตแล้ว ประกอบกับ รัฐบาลสหรัฐฯได้ออกมาตรการต่างๆ แก้ปัญหา ซึ่งน่าจะคลี่คลายได้ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ และไม่น่าจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอยลงได้" นางเกษสิริกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้นายวิรุฬ ชี้แจงกับทูตพาณิชย์ว่า ต้องการให้เป้าหมายการส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวได้สูงถึง 15% จากเป้าหมายเดิมที่ 10-12.5% ซึ่งจะทำให้ทั้งทูตพาณิชย์ และกรมส่งเสริมการส่งออกต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างหนักในการส่งออกสินค้าไทย และบุกเจาะตลาดใหม่
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้กับทูตพาณิชย์ไทยที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก วานนี้ (27 ก.พ.) ว่า ในปีนี้ แม้ว่าการส่งออกจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ มีปัญหาจากสินเชื่อด้อยคุณภาพในอสังหาริมทรัพย์ (ซัมไพร์ม) ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสหรัฐฯ ทั่วโลก แต่ยังมั่นใจว่าการส่งออกน่าจะขยายตัวได้ถึง 15% จากเดิมที่ได้ตั้งเป้าหมายการขยายตัวไว้ที่ 10-12.5%
"จากการหารือและพูดคุยกับทูตพาณิชย์ พบว่าตลาดใหม่บางประเทศ อย่างเช่น จีน อินเดีย แอฟริกา รัสเซีย ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมากถึง 20-30% ส่วนตลาดที่มีปัญหาอย่างสหรัฐฯ เอง ก็น่าจะขยายตัวได้มากขึ้น จากปีก่อนที่ติดลบ จึงคาดว่า การส่งออกในภาพรวมปีนี้น่าจะขยายตัวได้ถึง 15% ไม่ยาก" นายวิรุฬกล่าว
พร้อมกันนี้ ได้มีการชี้แจงให้ทูตพาณิชย์รับทราบถึงสถานการณ์การเมืองภายในประเทศว่าไม่มีปัญหาอะไร รัฐบาลยังมีเสถียรภาพ และได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ไปชี้แจงให้ทั้งรัฐบาล และภาคเอกชนของประเทศต่างๆ เข้าใจด้วย เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ขณะเดียวกัน ได้ขอให้ทูตพาณิชย์ไปเตรียมความพร้อม เพราะในเร็วๆ นี้ รัฐบาลจะเดินทางไปโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และดึงนักลงทุนมายังไทยด้วย
นางเกษสิริ ศิริภากรณ์ อัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) สำนักงานพาณิชย์ไทยในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ปีนี้ การส่งออกไทยไปสหรัฐฯ น่าจะขยายตัวได้ถึง 5% มูลค่ากว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมทั้งเป้าที่ 2% เพราะสหรัฐฯ น่าจะแก้ปัญหาซับไพร์มได้ ซึ่งขณะนี้ทยอยออกมาตรการแก้ปัญหาแล้ว รวมถึงการแจกเงินประชาชน เพื่อเพิ่มกำลังซื้อ และกระตุ้นการบริโภค สำหรับสินค้าที่ยังมีศักยภาพส่งออกได้ดี ได้แก่ อาหาร โดยเฉพาะกุ้ง อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น
ทั้งนี้ คาดว่า สหรัฐฯจะกลับมานำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น หลังจากปีก่อนนำเข้าสินค้าราคาถูก และด้อยคุณภาพจากจีน จนทำให้ไทยเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับจีนไปมาก โดยปีที่ผ่านมา จีนส่งออกไปสหรัฐฯเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 20% ขณะที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ ติดลบประมาณ 1.8%
"ปัญหาซับไพร์มเป็นเรื่องเล็กๆ เฉพาะของสถาบันการเงิน แต่กลับประโคมข่าวเหมือนเป็นเรื่องใหญ่โต ซึ่งขณะนี้ สถาบันการเงินก็เริ่มมีเครดิตแล้ว ประกอบกับ รัฐบาลสหรัฐฯได้ออกมาตรการต่างๆ แก้ปัญหา ซึ่งน่าจะคลี่คลายได้ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ และไม่น่าจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอยลงได้" นางเกษสิริกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้นายวิรุฬ ชี้แจงกับทูตพาณิชย์ว่า ต้องการให้เป้าหมายการส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวได้สูงถึง 15% จากเป้าหมายเดิมที่ 10-12.5% ซึ่งจะทำให้ทั้งทูตพาณิชย์ และกรมส่งเสริมการส่งออกต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างหนักในการส่งออกสินค้าไทย และบุกเจาะตลาดใหม่