“บล. เกียรตินาคิน” คาดตลาดหุ้นพุ่งขึ้น 6% สัปดาห์ที่แล้วเป็นการฟื้นตัวแค่ระยะสั้น เชื่อความผันผวนยังคงมีตลอดทั้งปี ชี้รัฐบาลใหม่วางหัวหน้าทีม ศก.2 คนอาจขัดแย้งในการแก้ปัญหา “ค่ายกสิกรไทย” คาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าลดภาวะกระทิง หลายประเทศหยุดช่วงตรุษจีน ขณะที่ “บล.นครหลวงไทย” ชี้จุดอันตรายหากรัฐบาลไปไม่สามารถทำได้ตามที่ส่งสัญญาณยกเลิกมาตรการกันเงินทุนสำรอง 30%
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นไทยที่ฟื้นตัวขึ้นกว่า 6% ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า เป็นการฟื้นตัวในระยะสั้นเท่านั้น ตามความเชื่อมั่นต่อการเร่งแก้ปัญหาวิกฤตสินเชื่อด้อยคุณภาพในสหรัฐฯ (ซับไพรม์) ในการออกมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤต แต่ส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนด้านดอกเบี้ยที่ต่ำลง ก็ทำให้มีผลต่อการโยกย้ายเงินลงทุนเข้ามาในตลาดย่านเอเชีย
ทั้งนี้ นางวิริยา ประเมินว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีโอกาสเกิดความผันผวนขึ้นได้อีก ในช่วงที่จะมีการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ในช่วงไตรมาส 1 ของตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะออกมาไม่ดีนัก จากปัญหาวิกฤตซับไพรม์ที่ยังไม่คลี่คลาย
อย่างไรก็ตาม มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งปีนี้
สำหรับประเด็นการเมืองภายในประเทศ การที่รัฐบาลชุดใหม่ซึ่งมีแนวโน้มจะมีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจสองคนนั้นคงจะต้องประสานงานร่วมกันให้ดี เนื่องจากการบริหารเศรษฐกิจจะทำได้ยากขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะต้องเผชิญกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพรม์ราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยส่งผลให้การบริหารงานเป็นไปด้วยยากยิ่งขึ้น
ด้าน บล.กสิกรไทย จำกัด และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้า วันที่ 4-8 ก.พ.ว่า แรงซื้อจากต่างชาติมีแนวโน้มที่จะชะลอลง สืบเนื่องจากการที่ตลาดหุ้นในต่างประเทศหลายแห่งจะปิดทำการหลายวันในช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะที่คาดว่านักลงทุนจะจับตามองการประชุม ครม. และแนวนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่
สำหรับปัจจัยต่างประเทศนั้น คาดว่าการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัวของสหรัฐในคืนวันศุกร์ เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และดัชนี ISM ภาคการผลิต จะส่งผลต่อการปรับตัวของตลาดหุ้นต่างประเทศในต้นสัปดาห์หน้า คาดว่าดัชนีจะมีแนวรับที่ 795 และ 780 จุด และแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่820 และ 860 จุด ตามลำดับ
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลชุดใหม่มีการส่งสัญญาณเปลี่ยนยกเลิกการกันสำรอง 30% หลังเข้ามาบริหารประเทศซึ่งทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับกับกระแสข่าวดังกล่าวไปแล้วในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเป็นอันตรายต่อรัฐบาล หากเข้ามาบริหารประเทศแล้วไม่สามารถทำได้ตามที่ส่งสัญญาณไว้จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ ซึ่งทางรัฐบาลต้องระมัดระวังการเดินนโยบายเศรษฐกิจตามแนวคิดประชานิยม
