xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯไม่ขวางแม้วกลับ ลั่นยุติธรรมถูกแทรกแซงเคลื่อนไหวทันที

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า พันธมิตรฯ มีจุดยืนสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และพร้อมสนับสนุนนโยบายที่ดีของรัฐบาลเพื่อคลี่คลายวิกฤติปัญหาประเทศ ซึ่งพวกเราปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะนำพาประเทศก้าวพ้นจากความแตกแยก และการเผชิญหน้า และปลดเปลื้องสารพัดทุกข์ของประชาชน ตามที่ด้หาเสียงและแถลงนโยบายไว้กับประชาชน
ขณะเดียวกันพวกเราก็จะไม่ขัดขวางการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อพิสูจน์ความผิดของตัวเอง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้นำประเด็นการกลับหรือไม่กลับไปเป็นประเด็นทางการเมือง สร้างความสับสนเข้าใจผิดให้กับประชาชนตลอดเวลา โดยไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร
ทั้งนี้ แกนนำพันธมิตรฯได้ประเมินสถาณการณ์ในช่วงสั้นๆ ภายใต้รัฐบาลนายสมัคร พบความปกติหลายอย่างและดูเหมือนมีวาระซ่อนเร้น ที่สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับประชาชน เช่น การอ้างนโยบายเยียวยาข้าราชการประจำที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่นโยบายดังกล่าวขาดหลักธรรมาภิบาลเลือกปฏิบัติ และกลายเป็นนโยบายที่ใครทีมันโดยเฉพาะการส่งสัญญาณต่อข้าราชการระดับสูงที่ไม่สวามิภกดิ์ ต่อระบอบทักษิณ เช่น การขู่ปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และล่าสุดคำสั่งย้าย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อย่างมีเงื่อนงำ ทั้งๆ ที่อธิบดีคนดังกล่าว มีผลงานโดดเด่น โดยเฉพาะการสอบสวนขยายผลคดีซุกหุ้น ภาค 2 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นใน บริษัท เอสซี แอสเสท บริษัทในเครือชินคอร์ปฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งการขยายผลในประเด็นการฟอกเงิน และการเป็นนอมินีของบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นชินฯ 73,300 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีคดีสำคัญที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของ ดีเอสไอ ซึ่งเกี่ยวโยงกับความผิดของคนในรัฐบาลชุดนี้ เช่น การบุกรุกที่ป่าสงวนที่ จ.เชียงราย คดีฆ่าตัดตอนจากนโยบายปราบปรามยาเสพติด คดีอุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายสิทธิมนุษยชน คำสั่งย้ายดังกล่าวแท้ที่จริงแล้วคือ การตัดตอนคดีที่เกี่ยวโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่าย และต้องการนำบุคคลที่ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพลังประชาชน มาทำหน้าที่แทนเพื่อรื้อสำนวนสอบสวนในคดี ซุกหุ้น ภาค 2 และคดีอื่นๆ ดังที่กล่าวมา และในที่สุดเพื่อให้สำนวนที่จะขึ้นพิสูจน์ความผิด พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นสำนวนอ่อน หละหลวมไม่รัดกุม และผู้ต้องหารอดพ้นจากความผิดในที่สุด
ล่าสุดการโยกย้าย นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันกรณีการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา หรือ CL ก็พบเงื่อนงำชัดเจนในการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน ธุรกิจเอกชนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล
การพยายามรวบรัดเร่งรีบคืนพาสปอร์ต เล่มแดง ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
การวางตัวของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่เปรียบเสมือนองครักษ์ พ.ต.ท.ทักษิณ แทนที่จะทำหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ของประชาชนจากภัยอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ
การวางตัวของ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ที่ยังทำตนเป็นทนายประจำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่าตัวแทนคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้ง นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทั้ง 2 คนได้ใช้เวลาราชการแอบไปพบปะกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในต่างประเทศเป็นระยะๆ ทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตกเป็นผู้ต้องหา และมีหมายจับในคดีใช้อำนาจมิชอบ ซึ่งอาจทำให้อำนาจรัฐต้องถูกใช้ไปเพื่อฟอกผิด พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่าย
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า เป็นที่ทราบกันดีว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ได้ลอกเลียนนโยบายของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ มาแทบทั้งหมด แม้เป็นสิทธิของรัฐบาลที่จะทำได้ก็ตาม แต่รัฐบาลไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบและปัญหาที่เกิดขึ้นจากนโยบายดังกล่าว หวังแต่เพียงกอบโกยคะแนนนิยมทางการเมืองเป็นสำคัญ ทั้งนี้ มีนโยบายหลายประการที่เคยสร้างปัญหา และรัฐบาลชุดนี้นำประกาศใช้โดยไม่มีการทบทวน เช่น
นโยบายประชานิยม ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหมู่บ้าน การพักชำระหนี้ บ้านเอื้ออาทรฯ
นโยบายปราบปรามยาเสพติด ที่ไม่ได้ยึดหลักกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม แต่กลับส่งสัญญาณให้เกิดการฆ่าตัดตอน ทำให้ผู้บริสุทธิ์ ต้องตกเป็นแพะต้องสียชีวิต และถูกขึ้นบัญชีดำ
การจัดระเบียบสื่อ ที่ไม่ได้ยืนอยู่บนหลักกฎหมายแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.ประกอบกิจการวิทยุโทรทัศน์ แต่อยู่บนหลักพวกใครพวกมัน และส่งสัญญาณไปยังสื่อในกำกับของรัฐให้หวาดกลัว ไม่กล้าตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล
ด้งนั้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอย้ำจุดยืนว่า จะไม่เคลื่อนไหวใดๆ เพื่อคัดค้านการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทันทีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางถึงประเทศไทย แกนนำพันธมิตรฯ จะเฝ้าดูและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าทีที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจในฐานะเจ้าพนักงานสอบสวน อัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยยึดหลักปฏิบัติเดียวกับกรณี คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ก่อนหน้านี้
ในขณะเดียวกัน บรรดารัฐมนตรีที่ได้รับการปูนบำเหน็จทางการเมืองจากพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ควรวางตัวให้เหมาะสม ไม่ทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยว่า รัฐบาลชุดนี้ทำทุกวิถีทางเพื่อมอบคืนอำนาจให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และหากพบมีความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทั้งทางตรง และทางอ้อม แกนนำพันธมิตรฯ จะเรียกประชุมเพื่อกำหนดการเคลื่อนไหวเป็นกรณีฉุกเฉินทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น