“สุริยะใส” ตอก “แม้ว” ออกแบบท่าก้มกราบที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชี้ชัดทำให้สังคมเกิดความหวดระแวงรอบด้าน ขณะที่ “ไชยยันต์” แฉตั้ง “ทวี” เสียบนั่งเก้าอี้อธิบดี ดีเอสไอ ถือเป็นเรื่องประหลาด พร้อมจี้ชี้แจงความโปร่งใส ส่วน “กษิต” อัดซ้ำ “ทักษิณ” ไม่ไขก๊อกขณะมีปัญหา ถือเป็นผู้นำที่ไร้ศีลธรรม
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี คืนวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีนายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นดำเนินรายการ ซึ่งเปิดประเด็นถามนายไชยยันต์ ไชยาพร หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูต และนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ในฐานะอดีตผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศเพื่อต่อสู้คดี หลังการย้ายอธิบดี ดีเอสไอ
โดย นายไชยยันต์ กล่าวว่า จากวันที่ได้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตอนนั้นคณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ ได้ออกหนังสือไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขอให้ลาออก เนื่องจากไร้ซึ่งจรรยาบรรณของการเป็นผู้นำทางการเมือง ในประเด็นเรื่องการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป แต่กลับกลายเป็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศยุบสภา จึงรู้สึกว่าคนไทยเรามีพลังทางการเมือง และเป็นครั้งแรกที่เราสามารถนำเอาอดีตนายกฯ มาขึ้นศาลได้ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในความเสมอภาค
“ดีใจที่คุณทักษิณ กลับมาหลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้ว ซึ่งถ้ามองโลกในแง่ดีก็คือนายกฯ ทักษิณ ต้องการกลับมาเคลียร์คดีความที่เกิดขึ้น และต้องการความมั่นใจในความปลอดภัยของครอบครัว ซึ่งมาถูกจังหวะแล้ว เพราะมั่นในว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายที่ยึดอำนาจหลงเหลืออยู่”นายไชยยันต์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และนายยงยุทธ ติยะไพรัช เดินทางไปเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายไชยยันต์ กล่าวว่า ถ้าคนเหล่านั้นไปในฐานะรัฐมนตรี และประธานรัฐสภาภาพมันไม่สวย รวมทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ควรที่จะไปในฐานะคนธรรมดา ไม่ควรใช้ตำแหน่งที่มีอยู่เข้าไปเคลียร์พื้นที่ เพื่อต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ
“ประเด็นที่เราเป็นห่วงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ กับนายสมัคร ถ้าหากเคลียร์กันไม่ได้ก็จะเกิดปัญหาตามมา โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ซึ่งความวุ่นวายดังกล่าวไม่เกี่ยวกับพันธมิตรฯ อย่างแน่นอน ที่สำคัญคือ สถานการณ์พลิกผันจนนายสมัคร ได้เป็นนายกฯ อีกทั้งนายสมัคร ไม่หมู และเป็นตัวของตัวเอง รวมทั้งมีความใจถึงเป็นที่ตั้ง ทำให้ไม่มีใครอยากเอาตัวเข้าแลกกับเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19 และอำนาจยุบสภาอยู่ที่เขา”นายไชยยันต์ กล่าว
กรณีที่มีการเปลี่ยนตัวอธิบดี ดีเอสไอเป็น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ให้ขึ้นเป็นรักษาการนั้น นายไชยยันต์ กล่าวว่า ตำแหน่งอธิบดีคือซี 10 ซึ่งตำแหน่งที่น่าจะเข้ามาแทนที่ก็น่าจะต้องเป็นยศ พลตำรวจโท แต่กลายเป็นว่ายศพันตำรวจเอก ก็สามารถเข้ามาเป็นได้ ซึ่งนอกจากข้ามห้วยแล้ว ก็ยังข้ามอาวุโสมากมายมหาศาล ซึ่งถือเป็นเรื่องประหลาด จึงเป็นเรื่องถูกต้องที่พันธมิตรฯ จะออกมาเปิดเผยถึงการโยกย้าย และถ้ายิ่งให้ข้อมูลว่าคนที่มาแทนมียศแค่พันตำรวจเอก ลองเอาเหตุผลกางดูซิว่า ความโปร่งใสมันอยู่ตรงไหน
ด้าน นายสุริยะใส กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก้มลงกราบพื้นทันทีที่ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิว่า โดยส่วนตัวคิดว่าการกระทำดังกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการออกแบบมาก่อน และกลับมาโดยทำให้สังคมมีความหวาดระแวงรอบด้าน โดยเฉพาะการย้ายอธิบดี ดีเอสไอ ดังนั้นการตัดสินใจในครั้งนี้จึงอยู่บนต้นทุนของความได้เปรียบ และสามารถเรียกคะแนนความสงสารได้ รวมทั้งเลือกใช้คำดีๆ ซึ่งซื้อใจคนได้
“แต่เราต้องแยกแยะ เพราะไม่ว่าจะคดีตากใบ หรือการฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ และแม้แต่กระทั่งคดีทนายสมชาย ซึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งเป็นความผิดของคุณทักษิณ ที่ได้ก่อเอาไว้มากมายมหาศาล ที่สำคัญคือ ที่คุณทักษิณ เปิดให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมเพนนินซูลา โดยเปิดเกมรุกโจมตี คมช.ว่าเป็นฝ่ายกล่าวหา และรังแก ทั้งๆ คุณทักษิณ กลับมาในฐานะที่ศาลออกหมายจับ 2 คดี ซึ่งหมายถึงคดีมีมูล จึงเป็นการหมิ่นเหม่ว่าจะละเมิดอำนาจศาลหรือไม่”นายสุริยะใส กล่าว
ส่วนกรณีที่นายสมัคร อาจจะขัดแย้งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในอนาคตนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า นายสมัคร ซึ่งยิ่งนานไปก็จะยิ่งขยายเขตแดนไปเรื่อยๆ และคงไม่ทุบโต๊ะในทีเดียว เพราะเขาเป็นผู้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เลือกให้ขึ้นมานั่งตำแหน่งนายกฯ แต่จุดหนึ่งที่อาจจะพลิกผันก็คือคดีของนายสมัคร ซึ่งถ้ามีการแทรกแซงได้ นายสมัคร ก็ต้องไปก่อน ดังนั้นพันธมิตรฯ จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายสมัคร ในเวลานี้ และถ้าภายใน 1 – 2 เดือนนี้ นายสมัคร ยังจัดระเบียบไม่ได้ ก็จะสุ่มเสี่ยงทั้งใต้ดิน และบนดิน
ขณะที่ นายกษิต กล่าวว่า ต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยถามว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตนก็ตอบไปว่า ต้องดูว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.ท.ทักษิณ จะว่าอย่างไร รวมทั้งฝ่ายค้าน และภาคประชาชน จะว่าอย่างไร ซึ่งที่ออกมาก็เห็นอยู่แล้วว่า คนวิ่งเข้าไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอำนาจที่แท้จริงอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
“รวมทั้งมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปนั่งเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมันก็จะสวนทางกับที่เขายืนยันว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางการเมือง เราเคยได้ยินมา 3 – 4 ปี แต่ในที่สุดก็ไม่ใช่ เพราะเรารู้ว่าอำนาจที่แท้จริงอยู่ที่ไหน ถึงแม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งทางการเมืองก็ตาม และการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา ก็ไม่ได้ทำให้เสถียรภาพทางการเมืองของประเทศเราดีขึ้น โดยขณะนี้เรายังแพ้ประเทศเวียดนามด้วยซ้ำไป ฉะนั้นไม่ว่าคุณทักษิณ หรือนายสมัคร จะทำหรือ ไม่ทำอะไร ก็ต้องรักประเทศไทยด้วย ไม่เช่นนั้นการบริหารบ้านเมืองจะถดถอยลงไปอีกมาก”นายกษิต กล่าว
นายกษิต กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นผู้นำที่ไร้ศีลธรรม ซึ่งไม่ได้จบเมื่อการได้ไปศาล หรือไม่ได้ไปศาล ซึ่งในต่างประเทศถ้ารัฐมนตรีมีเรื่องอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวกับศีลธรรม เขาก็จะลาออกทันที ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเป็นคนที่ไม่สามารถจะเป็นผู้นำประเทศไทยได้ โดยจะดูได้จากการพูดจา วันนี้พูดอย่างหนึ่ง วันนั้นพูดอีกอย่างหนึ่ง ทำให้ในอนาคตก็ยังคงมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ถ้าตราบใดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเข้ามายุ่งเกี่ยวกับวงการเมือง