"พิภพ"จับสัญญาณ"แม้ว"มอบ"พงศ์เทพ" เดินเกมแก้ รธน.พร้อมออกกฎหมายลบคำสั่ง คมช. กันตัวเองไม่ต้องขึ้นศาล ยกความชอบธรรมมาจากการเลือกตั้งเป็นข้ออ้าง แฉโยกย้าย ขรก.-เปิดประเด็นบ่อนกาสิโน เบี่ยงเบนความสนใจ ชี้เบาะแสรัฐประหารตัวเอง เคยพยายามมาแล้วตั้งแต่ 19 ก.ย.
นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายสันติสุข มะโรงศรี ในรายการ "รู้ทันประเทศไทย" ทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 5 มี.ค. ถึงข้อสันนิษฐานความพยายามสร้างเงื่อนไขเพื่อรัฐประหารตัวเองของรัฐบาลชุดนี้ ว่า เป็นการวิเคราะห์การเมืองโดยเอาประวัติศาสตร์มาดู และดูอาการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคำแถลงของพันธมิตรฯ ฉบับที่ 2 ก็มีซึ่งหัวใจสำคัญคือ เราเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
นายพิภพ กล่าวต่อว่า เดิมทีที่เราบอกว่าอย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนั้น เป็นเรื่องที่เบาไปแล้ว เพราะเขาจะไม่เข้าเลย ตนสะกิดใจจากการที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ร่วมกับตนทางไทยพีบีเอสว่า คำสั่งของ คมช.ไม่ถูกต้อง ทำให้รู้เลยว่า เขาเอานักกฎหมายมาพูด แสดงว่าเขาจะใช้กฎหมายแก้ เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 มาตราสุดท้ายไปเขียนไว้ ว่าคำสั่งใดๆ ของ คมช.มีรัฐธรรมนูญรับรอง เพราะฉะนั้นเกมอันนี้ ทำให้รู้ว่าเขาจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเอามาตรานี้ออกไป แล้วแก้มาตราอื่นๆ อีก เพื่อให้คำสั่งของ คมช.หรือกิจกรรมของ คมช.ที่เกี่ยวกับข้อกฎหมาย รวมทั้งการตั้ง คตส.ด้วยหมดสภาพทางกฎหมาย
ทั้งนี้ อาจเป็นการใช้บทเรียนในช่วงการรัฐประหารของ รสช.ที่มีการตั้งพล.อ.สิทธิ จิรโรจน์ มาเป็นประธานตรวจสอบทรัพย์สินนักการเมือง แล้วก็ขึ้นศาล แล้วศาลบอกว่าคำสั่งในช่วงนั้นมีปัญหา ทำให้นักการเมืองที่จะถูกยึดทรัพย์รอดกันหมด ซึ่งคราวนี้ หากมีการแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ หากคดีไปถึงศาลก็จะหลุด หรือมิฉะนั้นก็ ออกกฎหมายยกเลิกให้ห้หมดเลย ซึ่งตนได้ทราบจากผู้พิพากษาที่มีชื่อเสียงบอกว่าสามารถทำได้ คดีทั้งหมดที่อยู่ในศาล ถ้าออกกฎหมายอันนี้ออกมาเรียบร้อยแล้ว ศาลก็จะจำหน่ายคดี แม้ว่าคดีไปถึงศาลแล้ว แต่มีการยกเลิกคำสั่งของ คมช. คำสั่งของ คตส. และคำประกาศของ คมช.ทั้งหมดให้เป็นโมฆะ
"ผมดูเกมของคุณทักษิณแล้ว เรื่องอะไรเขาจะเอาตัวเองไปขึ้นศาลตั้ง 10 กว่า คดี และโดยตัวของคุณทักษิณแล้ว เขาเป็นคนอหังการมาก แล้วคุณทักษิณก็เชื่อว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นเป็นความไม่ชอบธรรมแน่ๆ ที่ คมช. ซึ่งเขาจะใช้ความชอบธรรมตัวนี้ในการที่ จะทำตัว ไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม"
"หมายความว่าถ้ามาจากการเลือกตั้งแล้วจะทำอะไรก็ได้ อะไรๆ ก็ชอบธรรมไปหมด ประเทศไทยเป็นอย่างนี้ จนกระทั่งประชาชนอดรนทนไม่ไหวจึงได้ชุมนุมเดินขบวนกัน คราวที่แล้ว 6 ปี คุณทำกษิณก็ทำอะไรตามใจชอบ ไปแก้กฎหมายรองรับการการขายหุ้นให้เทมาเส็ก แก้กฎหมายสรรพสามิต ทำอะไรตามใจชอบเยอะแยะ ความไม่มีคุณธรรมของนักการเมือง ซึ่งไม่ได้หมายความเฉพาะตัวอดีตนายกฯทักษิณคนเดียว ทำให้การทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สามารถทำได้ในรัฐสภา เราจึงต้องมีประชาชนที่กระตือรือร้นออกมาตรวจสอบและบอกกับสังคม"
นายพิภพ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณประกาศว่า พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกันก็บอกว่า คตส.นี่อคติ ไม่ไปให้การ คตส. และตอนนี้กำลังหน่วงคดี จนกว่าการแก้กฎหมายต่างๆ จะเรียบร้อยเพื่อทำให้คดีความต่างๆ ของเขาเป็นโมฆะ ซึ่งมีรายละเอียดวธีการทำมากมาย ตอนนี้ก็มีบางคนเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ทำไมต้องรีบแก้
ทั้งนี้ หากพรรคการเมืองอื่นๆ ไปเห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ ก็อาจจะตกหลุมพรรคพลังประชาชนได้ หรือภาคประชาชนบางกลุ่มเห็นด้วยกับการแก้ไขซึ่งแน่นอนมีหลายมาตราที่คนอยากจะแก้ แต่หัวใจสำคัญเขาจะแก้เรื่องการที่จะไม่นำพ.ต.ท.ทักษิณเข้าสู่ศาล
นายพิภพชี้ว่า การเสนอเรื่องเปิดบ่อนกาสิโนหรือแม้แต่การย้ายข้าราชการอาจเป็นเรื่องหลอกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมก็ได้ เพราะการย้ายข้าราชการก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินขึ้นสู่ศาล การย้ายข้าราชการอาจมีผลทางคดีแค่ระดับการแทรกแซงขบวนการยุติธรรม แต่นั่น พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องยอมขึ้นศาล ซึ่งเท่าที่รู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณมา เขาจะไม่เดินขึ้นสู่ศาลในฐานะจำเลย
ด้านนายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวว่า เท่าที่รู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณมา เขาถือว่าเขามีผลงานระดับโลก เป็นผู้นำของภูมิภาคอาเซียน เพราะฉะนั้นคนที่คิดว่าตัวเองเป็นราชสีห์ อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่เดินขึ้นสู่ศาลแบบหนู หรือแมวเซื่องๆ อย่างแน่นอน เขาจะต้องดิ้นรนหาทางแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมให้ได้ มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และมุมมองจากนอกประเทศเขามองว่าประเทศไทยถูกปฏิวัติ นี่คือจุดอ่อนของประเทศไทย ที่ พ.ต.ท.ทักษิณนำไปอ้างได้ เมื่อวันก่อนพูดกับไฟแนนเชียลไทม์ ก็ยังอ้างอยู่
นายพิภพกล่าวเสริมว่า หลักต่างประเทศยอมรับว่าคำสั่งของ คมช.ทั้งหมดเกิดจากการรัฐประหาร ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณสร้างกระแสให้ต่างประเทศยอมรับก็จะนำไปสูการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ต้องบอกต่างประเทศว่า ความรู้สึกและข้อเท็จจริงหลายเรื่องมันเกิดก่อนการรัฐประหาร ความรู้สึกที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณใช้อำนาจเกินกว่าที่กำหมายบัญญัติ การละเมิดสิทธิมนุษยชนมันเกิดมาก่อน การออกกฎหมายเพื่อเอื้อผลประโยชน์เฉพาะตัวและกลุ่มของตัว และเอื้อให้เกิดการคอร์รัปชั่นในคณะรัฐมนตรีของตัว
"คุณทักษิณ บอกว่า คมช.ใช้อำนาจ ซึ่งเราก็ไม่เห็นด้วย เราอยากให้ขบวนการของพันธมิตรฯ เคลื่อนตัวไป จนคุณทักษิณออกมาประกาศว่า จะไม่ลงเลือกตั้งอีก แล้วมันก็กำลังจะจบลงตรงนั้น แล้วคุณทักษิณก็อ่อนแอมากจกระทั่งไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ มีเสียง 19 ล้านเสียง แต่ไม่สามาถรเปิดสภาเพื่อให้อภิปรายตัวได้ ไม่กล้าให้เปิด"
มาตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณโจมตีว่า คำสั่ง คมช.มิชอบ ซึ่งก็ใช่ในแง่หลักการประชาธิปไตย แต่เนื้อหาที่มีการตรวจสอบต้องบอกว่าชอบ เพราะมันเกิดก่อน คมช. พฤติกรรมมันเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น เกิดจากการเรียกร้องของประชาชนนับแสนนับล้าน และก็ได้ตรวจสอบพฤติกรรม พ.ต.ท.ทักษิณแล้วว่าเป็นเช่นนั้นจริง
"เสร็จแล้ว คุณทักษิณก็มาโจมตีว่าใน คตส.เต็มไปด้วยคนที่ไม่ชอบเขา ผมก็ถามหน่อยว่า คตส.มีอำนาจหน้าที่แค่รวบรวมหลักฐานนะ ถ้าคตส.ใช้ความไม่ชอบ มีบางคนไม่ชอบคุณทักษิณ แต่ไม่ใช่ไม่ชอบด้วยเรื่องส่วนตัว แต่ไม่ชอบเพราะพฤติกรรมที่หมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมายแล้วก็เรื่องนโยบาย ถ้า คตส.ทำข้อมูลหละหลวม ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ศาลจะเป็นคนฉีกหน้า คตส.นะ ถ้าคุณทักษิณเชื่อว่าตัวเองถูก ซึ่งคุณทักษิณก็พูดว่าตัวเองไม่ผิดจนถึงวันนี้ แล้วทำไมไม่กล้าให้กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่อัยการ ศาล ตรวจสอบหละ"
นายพิภพ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณมักจะลำเอียงเสมอ พอตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินคดีซุกหุ้น ก็บอกว่าเชื่อ แต่ประชาชน วันนั้นรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นในศาลรัฐธรรมนูญ ตอนนั้นตนเป็นประธาน ครป.ออกแถลงการณ์สวนเลยว่าเป็นคำวินิจฉัยสีเทา เพราะฉะนั้นขบวนการยุติธรรมมันมีจุดแข็ง พ.ต.ท.ทักษิณสามารถสู้ได้อย่างเปิดเผย เอาทนายที่ดีที่สุดในโลกมาสู้เลย หรือขอต่อศาลให้ถ่ายทอดสดเลยก็ได้
นายพิภพย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณครอบงำศาลได้ไม่หมด จึงไม่อยากขึ้นศาล และกลัวว่า เมื่อขึ้นศาลแล้วเรื่องราวต่างๆ ที่ คตส.สืบสวนสอบสวนเอาไว้จะถูกเปิดเผย ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณรับการเปิดเผยนั้นไม่ได้ และประชาชนจะรับรู้ความจริงในสิ่งที่ไม่เคยรู้ เพราะ คตส.ยังไมได้เปิดเผยรายละเอียด
ทั้งนี้ นายพิภพ กล่าวว่า ในที่ประชุมพันธมิตรฯ ตนได้นำข้อวิเคราะห์นี้เข้าหารือในที่ประชุมซึ่งมีนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์มาร่วมประชุมด้วย และเห็นตรงกันว่า หนึ่ง ทั้งความรู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณ สองจากของค์ประกอบที่ พ.ต.ท.ทักษิณกลับและรัฐบาลกำลังกระทำอยู่ มันเห็นชัดเจนว่าเส้นทางที่กำลังทำอยู่ เพื่อไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับสู่กระบวนการยุติธรรม
การยึดอำนาจตัวเอง เป็นการมองจากประวัติศาสตร์ นักการเมืองที่แก้ไขปัญหาของตัวเองไมได้ก็มักจะปฏิวัติตัวเอง เช่น รัฐบาลถนอม กิตติขจร เมื่อปี 2514 คราวนี้เป็นการวิะคราเห์และมีร่องรอยบ้าง ในวันที่ 19 ก.ย.49 เอง พ.ต.ท.ทักษิณก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เหมือนพยายามปฏิวัติตัวเอง เมื่อเรามาดูแล้วในเหตุการณ์วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนที่ ไม่มีทางที่จะยอมแพ้ ซึ่งจะเป็นไปตามขั้นตอน ถ้าแก้ปัญหาโดยทางแก้ไขรัฐธรรมนไม่ได้ ก็ต้องดูการย้ายทหารในเดือนเมษายน ซึ่งเกมการย้ายทหารยังเป็นเกมการเมืองอยู่ และทักษิณมาจากโรงเรียนเตรียมทหาร ก็ยังมีเพื่อนอยู่ ในวงการทหาร เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ว่า จากการวิเคราะห์ พ.ต.ท.ทักษิณมักจะทำอะไรที่ไม่คารดคิดเสมอ ก่อนวันที่ 19 ก.ย. ทั้งการออกกฎหมาย การขายหุ้นเทมาเส็ก การยุบสภา การส่งสัญญาณฆ่าตัดตอน เพราะฉะนั้นนี่อาจเป็นเกมสุดท้ายที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะทำ
"ที่เราเขียนไว้ในแถลงการณ์พันธมิตรฯ มีคำว่ารัฐประหารตัวเองเป็นสิ่งที่จะบอกกับประชาชน ว่าขอให้ดูเกมนี้ และขอให้ช่วยระมัดระวังเพราะเราไม่ควรจะส่งเสริมไม่ว่าฝ่ายใดให้มีการรัฐประหาร"
สำหรับเหตุใหญ่ที่ต้องจับตาดูในเดือนมีนาคม ก็คือการสับเปลี่ยนโยกย้ายนายทหาร และที่รู้มา หลังจากเขาแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากมาตราสุดท้าย แล้วยังมีมาตราที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง หลังจากนั้นเข้าจะยุบสภา เพราะว่าเขาต้องการได้เสียงที่เป็นพรรคเดียวจริงๆ นี่เป็นสไตล์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่เป็้นนายกครั้งแรกครบ 4 ปี ที่ต้องการผูกขาด และเขารู้ว่าคู่แข่งยังไม่พร้อมลงเลือกตั้ง เนื่องจากต้องใช้เงินมาก
"สิ่งเหล่านี้ เราต้องการบอกกับประชาชนให้จับตาดู ขณะเดียวกันก็เป็นการบอกไปถึงคุณทักษิณว่าเรารู้ทันนะ"นายพิภพกล่าว