ปตท.เช่าท่อก๊าซยื้อต่อ ธนารักษ์เผยไม่สามารถลงนามในสัญญาณฯ เหตุยังติดปัญหาการจดทะเบียนโอนสินทรัพย์ตามที่ท่อก๊าซ 300 กม.ตั้งอยู่ เตรียมตั้งคณะกรรมการที่มีตัวแทนกรมที่ดินเข้าร่วมสางปัญหา ส่วนความคืบหน้าการคำนวณค่าเช่าย้อนหลังจะสรุปภายในสิ้นเดือนนี้
นายอำนวย ปรีมนวงษ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่สามารถลงนามในสัญญาค่าเช่าท่อก๊าซ ระยะเวลา 30 ปี กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) ได้ เนื่องจากยังติดปัญหาเรื่องการดำเนินการจดทะเบียนโอนสินทรัพย์ตามที่ท่อก๊าซ 300 กม.ตั้งอยู่ ซึ่งเป็นที่ดินที่ ปตท. ได้มาโดยการใช้อำนาจเวนคืนจำนวนเนื้อที่ประมาณ 32 ไร่ แต่ที่ดินดังกล่าวนั้นเป็นที่ดินที่คาบเกี่ยวกับโฉนดจำนวนหลายแปลง และตั้งอยู่ในคนละเขตกัน รวมถึงบางแปลงยังไม่ได้มีการจดกรรมสิทธิ์เป็นของ ปตท.ให้เรียบร้อย ดังนั้นทางกระทรวงการคลังและ ปตท .จึงต้องตั้งคณะกรรมการร่วมกันขึ้นมาสะสางปัญหาดังกล่าว โดยเชิญตัวแทนจากกรมที่ดินเข้ามาร่วมด้วย
"สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือโอนที่ดินจากชาวบ้านที่เวนคืนมาทุกแปลง ซึ่งมีจำนวนมากเป็น 100 แปลง ให้มาเป็นชื่อของ ปตท.ก่อน และหลังจากนั้นก็โอนที่ดินทั้งหมดจำนวน 32 ไร่ เข้ามาเป็นชื่อของกระทรวงการคลัง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกฝ่ายก็เร่งดำเนินการสะสางกันมาตั้งแต่มกราคม แต่คาดว่าจะแล้วเสร็จทุกแปลงในเดือนมีนาคม หลังจากนั้นจึงจะสามารถลงนามในสัญญาเช่าระหว่างกระทรวงการคลัง และ ปตท.ได้ และหลังจากนั้นกระทรวงการคลังถึงจะได้ค่าเช่าย้อนหลังตามที่กำหนดกันไว้ โดยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,400-1,500 ล้านบาท" นายอำนวยกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการคำนวณค่าเช่าย้อนหลังนับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2544 ซึ่งเป็นวันที่มีการแปลงสภาพการปิโตรเลียมฯ เป็น ปตท.ถึงสิ้นปี 2550 นั้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมกันและคาดว่าจะสรุปได้ชัดเจนภายในสิ้นเดือนนี้ แต่ตัวเลขคงจะอยู่ระหว่าง 1,400-1,500 ล้านบาท เพราะคำนวณจากฐานรายได้ต่อปีในระยะเวลา 6 ปี ที่ 3,600-4,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะคิดเป็นค่าเช่าต่อปีในอัตรา 10% คิดเป็นเงินประมาณ 180-200 ล้านบาทต่อปี และคิดอัตราดอกเบี้ยไม่ทบต้นในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งการจ่ายเงินย้อนหลังจะจ่ายในวันที่กระทรวงการคลังและ ปตท.ได้ลงนามสัญญาในเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ สัญญาเช่าดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลา 30 ปี และปตท. สามารถต่อสัญญาออกไปได้อีกคราวละ 30 ปี โดยภาระค่าเช่าต่อปีที่ ปตท.ต้องจ่ายให้กับกระทรวงการคลังจะต้องไม่ต่ำกว่า 180 ล้านบาท และสูงสุดไม่เกิน 550 ล้านบาท โดยอัตราค่าเช่าจะกำหนดเป็นอัตราขั้นบันได ได้แก่ รายได้ส่วนเพิ่มในช่วง 3,601-3,700 ล้านบาท คิดค่าเช่า 10% ตั้งแต่ 3,701-3,900 ล้านบาท คิดค่าเช่า 15% ตั้งแต่ 3,901-4,100 ล้านบาท คิดค่าเช่า 20% ตั้งแต่ 4,101-4,300 ล้านบาท คิดค่าเช่า 25% ตั้งแต่ 4,301-4,500 ล้านบาท คิดค่าเช่า 30% และตั้งแต่ 4,501-5,000 ล้านบาท คิดค่าเช่า 36%.
นายอำนวย ปรีมนวงษ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่สามารถลงนามในสัญญาค่าเช่าท่อก๊าซ ระยะเวลา 30 ปี กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) ได้ เนื่องจากยังติดปัญหาเรื่องการดำเนินการจดทะเบียนโอนสินทรัพย์ตามที่ท่อก๊าซ 300 กม.ตั้งอยู่ ซึ่งเป็นที่ดินที่ ปตท. ได้มาโดยการใช้อำนาจเวนคืนจำนวนเนื้อที่ประมาณ 32 ไร่ แต่ที่ดินดังกล่าวนั้นเป็นที่ดินที่คาบเกี่ยวกับโฉนดจำนวนหลายแปลง และตั้งอยู่ในคนละเขตกัน รวมถึงบางแปลงยังไม่ได้มีการจดกรรมสิทธิ์เป็นของ ปตท.ให้เรียบร้อย ดังนั้นทางกระทรวงการคลังและ ปตท .จึงต้องตั้งคณะกรรมการร่วมกันขึ้นมาสะสางปัญหาดังกล่าว โดยเชิญตัวแทนจากกรมที่ดินเข้ามาร่วมด้วย
"สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือโอนที่ดินจากชาวบ้านที่เวนคืนมาทุกแปลง ซึ่งมีจำนวนมากเป็น 100 แปลง ให้มาเป็นชื่อของ ปตท.ก่อน และหลังจากนั้นก็โอนที่ดินทั้งหมดจำนวน 32 ไร่ เข้ามาเป็นชื่อของกระทรวงการคลัง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกฝ่ายก็เร่งดำเนินการสะสางกันมาตั้งแต่มกราคม แต่คาดว่าจะแล้วเสร็จทุกแปลงในเดือนมีนาคม หลังจากนั้นจึงจะสามารถลงนามในสัญญาเช่าระหว่างกระทรวงการคลัง และ ปตท.ได้ และหลังจากนั้นกระทรวงการคลังถึงจะได้ค่าเช่าย้อนหลังตามที่กำหนดกันไว้ โดยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,400-1,500 ล้านบาท" นายอำนวยกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการคำนวณค่าเช่าย้อนหลังนับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2544 ซึ่งเป็นวันที่มีการแปลงสภาพการปิโตรเลียมฯ เป็น ปตท.ถึงสิ้นปี 2550 นั้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมกันและคาดว่าจะสรุปได้ชัดเจนภายในสิ้นเดือนนี้ แต่ตัวเลขคงจะอยู่ระหว่าง 1,400-1,500 ล้านบาท เพราะคำนวณจากฐานรายได้ต่อปีในระยะเวลา 6 ปี ที่ 3,600-4,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะคิดเป็นค่าเช่าต่อปีในอัตรา 10% คิดเป็นเงินประมาณ 180-200 ล้านบาทต่อปี และคิดอัตราดอกเบี้ยไม่ทบต้นในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งการจ่ายเงินย้อนหลังจะจ่ายในวันที่กระทรวงการคลังและ ปตท.ได้ลงนามสัญญาในเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ สัญญาเช่าดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลา 30 ปี และปตท. สามารถต่อสัญญาออกไปได้อีกคราวละ 30 ปี โดยภาระค่าเช่าต่อปีที่ ปตท.ต้องจ่ายให้กับกระทรวงการคลังจะต้องไม่ต่ำกว่า 180 ล้านบาท และสูงสุดไม่เกิน 550 ล้านบาท โดยอัตราค่าเช่าจะกำหนดเป็นอัตราขั้นบันได ได้แก่ รายได้ส่วนเพิ่มในช่วง 3,601-3,700 ล้านบาท คิดค่าเช่า 10% ตั้งแต่ 3,701-3,900 ล้านบาท คิดค่าเช่า 15% ตั้งแต่ 3,901-4,100 ล้านบาท คิดค่าเช่า 20% ตั้งแต่ 4,101-4,300 ล้านบาท คิดค่าเช่า 25% ตั้งแต่ 4,301-4,500 ล้านบาท คิดค่าเช่า 30% และตั้งแต่ 4,501-5,000 ล้านบาท คิดค่าเช่า 36%.
