นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การหารือกับนายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ข้อยุติร่วมกันในการกำหนดอัตราค่าเช่าผ่านท่อก๊าซฯ ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยให้คิดคำนวณแบบขั้นบันได เริ่มต้นที่ร้อยละ 5 เพิ่มขึ้นเป็น 10, 15, 20 ถึง 35 โดยใช้รายได้จาก 0-3,600 เก็บค่าเช่าร้อยละ 5 ขั้นต่อไปจาก 3,600-4,100 เก็บร้อยละ 10 และเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ หากรายได้มากขึ้นก็จ่ายสูงขึ้น หากค่าผ่านท่อน้อยลงก็จ่ายค่าเช่าลดลง โดยแต่ละขั้นจะเพิ่มขึ้นประมาณ 200 ล้านบาท โดยเก็บค่าเช่าขั้นต่ำ 180 ล้านบาท/ปี เพดานขั้นสูง 550 ล้านบาท และรายได้ยังปรับเพิ่มตามอัตราเงินเฟ้อด้วย
สำหรับสูตรนำรายได้มากำหนดค่าผ่านท่อก๊าซฯ อยู่บนพื้นฐานของรายได้ส่วนเกินที่นำค่าใช้จ่ายจากเงินต้น ดอกเบี้ย การดูแลท่อก๊าซฯ และการบริหารจัดการ มาหักจากการคำนวณรายได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อยุติ จึงยอมรับตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ส่วนรายได้ค่าผ่านท่อจากช่วงปี 2544 นับตั้งแต่การแปรรูปมานั้น ให้นำรายได้ที่เสนอไปประมาณ 3,600 ล้านบาท คูณด้วยสูตรที่ตกลงกัน เริ่มต้นร้อยละ 5 และบวกด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ซึ่งรายได้ที่เสนอไปนั้น กระทรวงการคลังขอไปดูรายละเอียด หากผู้ตรวจสอบบัญชีเห็นว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่น 100 ล้านบาท ก็ให้นับไปตามนั้น ซึ่ง ปตท.ก็พร้อมจะโอนให้กระทรวงการคลังในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท และข้อสรุปทั้งหมด กรมธนารักษ์จะนัดลงนามร่วมกับ ปตท.อีกครั้ง
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การหารือครั้งนี้นับว่าได้ข้อสรุปร่วมกันแล้ว และได้ทำตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อให้คำนึงผลประโยชน์ของผู้หุ้น ไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภค และฐานรายได้ค่าผ่านท่อประมาณ 3,600 ล้านบาท
นายฉลองภพ กล่าวว่า หลังจากได้ข้อสรุปร่วมกันแล้ว ภายใน 1-2 วัน กรมธนารักษ์และ ปตท.น่าจะลงนามร่วมกันได้ ส่วนรายได้ย้อนหลัง เมื่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบรายละเอียดแล้ว จะสามารถรับโอนได้ แต่ยืนยันว่า แนวทางทั้งหมดจะดำเนินการได้แล้วเสร็จในรัฐบาลชุดนี้
สำหรับสูตรนำรายได้มากำหนดค่าผ่านท่อก๊าซฯ อยู่บนพื้นฐานของรายได้ส่วนเกินที่นำค่าใช้จ่ายจากเงินต้น ดอกเบี้ย การดูแลท่อก๊าซฯ และการบริหารจัดการ มาหักจากการคำนวณรายได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อยุติ จึงยอมรับตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ส่วนรายได้ค่าผ่านท่อจากช่วงปี 2544 นับตั้งแต่การแปรรูปมานั้น ให้นำรายได้ที่เสนอไปประมาณ 3,600 ล้านบาท คูณด้วยสูตรที่ตกลงกัน เริ่มต้นร้อยละ 5 และบวกด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ซึ่งรายได้ที่เสนอไปนั้น กระทรวงการคลังขอไปดูรายละเอียด หากผู้ตรวจสอบบัญชีเห็นว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่น 100 ล้านบาท ก็ให้นับไปตามนั้น ซึ่ง ปตท.ก็พร้อมจะโอนให้กระทรวงการคลังในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท และข้อสรุปทั้งหมด กรมธนารักษ์จะนัดลงนามร่วมกับ ปตท.อีกครั้ง
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การหารือครั้งนี้นับว่าได้ข้อสรุปร่วมกันแล้ว และได้ทำตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อให้คำนึงผลประโยชน์ของผู้หุ้น ไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภค และฐานรายได้ค่าผ่านท่อประมาณ 3,600 ล้านบาท
นายฉลองภพ กล่าวว่า หลังจากได้ข้อสรุปร่วมกันแล้ว ภายใน 1-2 วัน กรมธนารักษ์และ ปตท.น่าจะลงนามร่วมกันได้ ส่วนรายได้ย้อนหลัง เมื่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบรายละเอียดแล้ว จะสามารถรับโอนได้ แต่ยืนยันว่า แนวทางทั้งหมดจะดำเนินการได้แล้วเสร็จในรัฐบาลชุดนี้
