รอยเตอร์/เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่สหรัฐฯออกประกาศกองทัพเรือแสดงท่าทีจะใช้ระบบสกัดขีปนาวุธทำลายดาวเทียมจารกรรมที่หลุดวงโคจรเป็นครั้งแรกในช่วงสายวันนี้(21) บริเวณทางตะวันตกของฮาวาย เตือนเรือและเครื่องบินออกห่างจากพื้นที่ดังกล่าว เผยการยิงดาวเทียมถือความท้าทายเนื่องจากดาวเทียมเคลื่อนที่เร็วกว่าและเย็นกว่าขีปนาวุธของศัตรูที่ระบบตรวจจับได้ อาจต้องยิงหัวรบมากกว่า 1 ลูกจึงจะสามารถทำลายดาวเทียมดังกล่าว
สำนักงานข่าวกรองภูมิอวกาศแห่งชาติ ออกอากาศคำเตือนผู้ที่เดินเรือในบริเวณใกล้ๆกับน่านน้ำดังกล่าวว่า อาจมีปฏิบัติการอันตรายในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกของเกาะฮาวาย ในช่วงเวลาระหว่าง 2.30 - 5.00 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช หรือ 9.30 - 12.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ของวันนี้
สำนักงานบริหารการบินของสหรัฐฯ(เอฟเอเอ) ได้ประกาศคำเตือนลักษณะนี้แก่นักบินเช่นกัน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯซึ่งไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า ทางการเผยแพร่ประกาศเตือนดังกล่าวเพื่อเคลียร์การจราจรทางอากาศและการเดินเรือให้หมดไปจากบริเวณดังกล่าว ในช่วงเวลาที่กองทัพเรืออาจเริ่มปฏิบัติยิงทำลายดาวเทียมจารกรรมขนาดเท่ากับรถโดยสาร เป็นครั้งแรก
เกออฟ มอร์เรลล์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ(เพนทากอน) แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า เพนทากอนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะยิงดาวเทียมดังกล่าวเมื่อใด แต่การยิงครั้งแรกจะมีขึ้นหลังจากที่กระสวยอวกาศแอตแลนติสลงจอดที่ศูนย์อวกาศเคนเนดี้ ที่มลรัฐฟลอริดา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"การลงจอดของกระสวยอวกาศแอตแลนติสจะเปิดโอกาสให้กองทัพสหรัฐฯในการพยายามยิงดาวเทียมข่าวกรองที่กำลังหมดสภาพอย่างรวดเร็ว" มอร์เรลล์กล่าว
ทางด้านสตีฟ ฟริก ผู้บังคับการกระสวยแอตแลนติส กล่าวว่ามีความเสี่ยงขั้นต่ำมากอยู่บ้าง เพราะดาวเทียมโคจรอยู่ในระดับต่ำกว่ายานแอตแลนติส อย่างไรก็ดี กระสวยจะลงสู่พื้นโลกก่อนที่ทางกองทัพจะเริ่มปฏิบัติการสอยดาวเทียม
ณ ตอนนี้ เพนกากอนกำลังฝึกซ้อมเรือรบสหรัฐฯหลายลำที่ติดตั้งระบบเอจิส เรดาร์ และเครือข่ายบัญชาการผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ตรวจจับและทำลายดาวเทียมจารกรรม หนัก 2,270 กิโลกรัม
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า มีการเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่ใช้กับขีปนาวุธ SM-3 เพื่อที่ขีปนาวุธจะสามารถตรวจจับดาวเทียมในอวกาศ แทนที่จะตรวจจับขีปนาวุธของศัตรู ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กองทัพตั้งโปรแกรมไว้ตามปกติ
หลังจากนั้น ขีปนาวุธซึ่งบรรจุหัวรบที่ไม่มีวัตถุระเบิดก็จะถูกยิงขึ้นจากเรือรบ โดยภาคพื้นจะนำวิถี จนกระทั่งขีปนาวุธใช้เซนเซอร์อินฟาเรด บ่ายหน้าพุ่งชนและทำลายดาวเทียม ในระดับความสูง 150 ไมล์ทะเล (240 กิโลเมตร) เหนือพื้นโลก ทั้งนี้ กองทัพเรือจัดเตรียมเรือรบ USS Lake Erie ซึ่งติดตั้งขีปนาวุธที่ปรับปรุงใหม่เป็นพิเศษ ดำเนินภารกิจดังกล่าว
กองทัพเรือมีแผนยิงขีปนาวุธเข้าใส่ถังเชื้อเพลิงของดาวเทียมที่บรรจุสารไฮดราซีน ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่าสารดังกล่าวอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ หากดาวเทียมกลับลงสู่ผิวโลกโดยไม่ถูกทำลาย
ด้านเจ้าหน้าที่กองทัพเรือสหรัฐฯคนหนึ่งกล่าวว่า ปฏิบัติการสอยดาวเทียมให้ตกลงสู่มหาสมุทรสร้างความท้าทายหลายประการต่อระบบสกัดขีปนาวุธ เนื่องจากดาวเทียมเคลื่อนที่เร็วกว่าและมีอุณหภูมิเย็นกว่าขีปนาวุธ ระบบจึงตรวจจับดาวเทียมได้ยากกว่าขีปนาวุธเป้าหมาย
หากเรือรบ USS Lake Erie ยิงขีปนาวุธลูกแรกพลาดเป้าไป อาจต้องรออีก 1 วัน จึงจะสามารถดำเนินปฏิบัติการได้อีกครั้ง ยิ่งรอนานขึ้นเท่าใด ก็จะยิ่งทำลายดาวเทียมได้ยากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากดาวเทียมจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นในระหว่างตกลงสู่ชั้นบรรยากาศของโลก
คำประกาศเตือนเกี่ยวกับปฏิบัติการยิงทำลายดาวเทียมโดยไม่ระบุวันชัดเจนหมายความว่า สหรัฐฯอาจเลือกทำลายดาวเทียมในวันไหนก็ได้ในสัปดาห์นี้ไปจนถึงวันจันทร์หน้า ในช่วงเวลา 2.30 - 5.00 น.
สำนักงานข่าวกรองภูมิอวกาศแห่งชาติ ออกอากาศคำเตือนผู้ที่เดินเรือในบริเวณใกล้ๆกับน่านน้ำดังกล่าวว่า อาจมีปฏิบัติการอันตรายในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกของเกาะฮาวาย ในช่วงเวลาระหว่าง 2.30 - 5.00 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช หรือ 9.30 - 12.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ของวันนี้
สำนักงานบริหารการบินของสหรัฐฯ(เอฟเอเอ) ได้ประกาศคำเตือนลักษณะนี้แก่นักบินเช่นกัน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯซึ่งไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า ทางการเผยแพร่ประกาศเตือนดังกล่าวเพื่อเคลียร์การจราจรทางอากาศและการเดินเรือให้หมดไปจากบริเวณดังกล่าว ในช่วงเวลาที่กองทัพเรืออาจเริ่มปฏิบัติยิงทำลายดาวเทียมจารกรรมขนาดเท่ากับรถโดยสาร เป็นครั้งแรก
เกออฟ มอร์เรลล์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ(เพนทากอน) แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า เพนทากอนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะยิงดาวเทียมดังกล่าวเมื่อใด แต่การยิงครั้งแรกจะมีขึ้นหลังจากที่กระสวยอวกาศแอตแลนติสลงจอดที่ศูนย์อวกาศเคนเนดี้ ที่มลรัฐฟลอริดา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"การลงจอดของกระสวยอวกาศแอตแลนติสจะเปิดโอกาสให้กองทัพสหรัฐฯในการพยายามยิงดาวเทียมข่าวกรองที่กำลังหมดสภาพอย่างรวดเร็ว" มอร์เรลล์กล่าว
ทางด้านสตีฟ ฟริก ผู้บังคับการกระสวยแอตแลนติส กล่าวว่ามีความเสี่ยงขั้นต่ำมากอยู่บ้าง เพราะดาวเทียมโคจรอยู่ในระดับต่ำกว่ายานแอตแลนติส อย่างไรก็ดี กระสวยจะลงสู่พื้นโลกก่อนที่ทางกองทัพจะเริ่มปฏิบัติการสอยดาวเทียม
ณ ตอนนี้ เพนกากอนกำลังฝึกซ้อมเรือรบสหรัฐฯหลายลำที่ติดตั้งระบบเอจิส เรดาร์ และเครือข่ายบัญชาการผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ตรวจจับและทำลายดาวเทียมจารกรรม หนัก 2,270 กิโลกรัม
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า มีการเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่ใช้กับขีปนาวุธ SM-3 เพื่อที่ขีปนาวุธจะสามารถตรวจจับดาวเทียมในอวกาศ แทนที่จะตรวจจับขีปนาวุธของศัตรู ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กองทัพตั้งโปรแกรมไว้ตามปกติ
หลังจากนั้น ขีปนาวุธซึ่งบรรจุหัวรบที่ไม่มีวัตถุระเบิดก็จะถูกยิงขึ้นจากเรือรบ โดยภาคพื้นจะนำวิถี จนกระทั่งขีปนาวุธใช้เซนเซอร์อินฟาเรด บ่ายหน้าพุ่งชนและทำลายดาวเทียม ในระดับความสูง 150 ไมล์ทะเล (240 กิโลเมตร) เหนือพื้นโลก ทั้งนี้ กองทัพเรือจัดเตรียมเรือรบ USS Lake Erie ซึ่งติดตั้งขีปนาวุธที่ปรับปรุงใหม่เป็นพิเศษ ดำเนินภารกิจดังกล่าว
กองทัพเรือมีแผนยิงขีปนาวุธเข้าใส่ถังเชื้อเพลิงของดาวเทียมที่บรรจุสารไฮดราซีน ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่าสารดังกล่าวอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ หากดาวเทียมกลับลงสู่ผิวโลกโดยไม่ถูกทำลาย
ด้านเจ้าหน้าที่กองทัพเรือสหรัฐฯคนหนึ่งกล่าวว่า ปฏิบัติการสอยดาวเทียมให้ตกลงสู่มหาสมุทรสร้างความท้าทายหลายประการต่อระบบสกัดขีปนาวุธ เนื่องจากดาวเทียมเคลื่อนที่เร็วกว่าและมีอุณหภูมิเย็นกว่าขีปนาวุธ ระบบจึงตรวจจับดาวเทียมได้ยากกว่าขีปนาวุธเป้าหมาย
หากเรือรบ USS Lake Erie ยิงขีปนาวุธลูกแรกพลาดเป้าไป อาจต้องรออีก 1 วัน จึงจะสามารถดำเนินปฏิบัติการได้อีกครั้ง ยิ่งรอนานขึ้นเท่าใด ก็จะยิ่งทำลายดาวเทียมได้ยากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากดาวเทียมจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นในระหว่างตกลงสู่ชั้นบรรยากาศของโลก
คำประกาศเตือนเกี่ยวกับปฏิบัติการยิงทำลายดาวเทียมโดยไม่ระบุวันชัดเจนหมายความว่า สหรัฐฯอาจเลือกทำลายดาวเทียมในวันไหนก็ได้ในสัปดาห์นี้ไปจนถึงวันจันทร์หน้า ในช่วงเวลา 2.30 - 5.00 น.