xs
xsm
sm
md
lg

"อดิศร"จี้"หมัก"ขอโทษติงพล่าม 6 ตุลาฯ สร้างศัตรู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"อดิศร"แอ่นอกแทน "คนตุลาฯชิน" สวน"สมัคร" ยันมีคนตายจำนวนมากในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 การสาบานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็เหมือนกรณีฆ่าหมู่กรือเซะ ที่นายกฯบอกว่าไม่ได้เป็นคนสั่ง เตือนพูดพล่ามระวังมิตรกลับกลายเป็นศัตรู แนะให้ขอโทษประชาชนจะดีกว่า ด้าน"เสี่ยตือ" บอก"หมัก"ไม่ผิดที่เห็นคนตายแค่คนเดียว หนุนชำระประวัติศาสตร์เดือนตุลา จับเท็จ"หมัก"บิดเบือน ระบุเคยพูดต่อหน้านักศึกษาไทยที่ฝรั่งเศส ชัด 6 ตุลาฯ มีคนตาย 48 คน โดนเผา 4 คน

จากกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ว่า มีคนตายเพียงคนเดียว รวมทั้งล่าสุดได้ยืนยันกลางสภาในระหว่างการแถลงนโยบายรัฐบาลว่า มีคนตายด้วยการถูกเผานั่งยางที่สนามหลวงเพียงคนเดียวนั้น และยังสาบานว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดใดกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น

นายอดิศร เพียงเกษ หนึ่งใน 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และอดีตแกนนำนักศึกษาในยุค 14 ตุลา 16 กล่าวว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 นั้น ฝ่ายเผด็จการเข้าปราบปรามประชาชนครั้งยิ่งใหญ่และโหดร้ายที่สุดของประเทศไทย และ เมื่อวันนี้มีการพูดถึงกันมาก ก็ควรที่จะใช้โอกาสนี้ชำระประวัติศาสตร์ ซึ่งสมัยตนเป็น รมช.ศึกษาธิการ ได้พยายามชำระประวัติศาสตร์ 3 เรื่อง แต่สำเร็จไปเรื่องเดียวคือ กรณีเสรีไทย ที่ทุกฝ่ายมีความเห็นทางประวัติศาสตร์ตรงกัน ส่วนเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 และ 6 ตุลา 19 นั้นไม่สามารถชำระประวัติศาสตร์ได้ เพราะมีความเห็นที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับข้อเท็จจริง

สำหรับตนนั้น เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 มากกว่า 6 ตุลา 19 แต่ก็ได้รับผลกระทบจากการปกครองแบบเผด็จการหลัง 6 ตุลา ยุคนั้นต้องเข้าป่ากับครอบครัว จนน้องชายคือ “สหายหมอก” เสียชีวิตในป่า และวันนี้ยังหากระดูกไม่เจอ

"เหตุการณ์ 6 ตุลา ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดกันเล่นๆ หรือพูดแล้วมีความสุข เพราะเป็นเหตุการณ์แห่งความสูญเสีย อยากให้ทุกฝ่ายสงบสติอารมรณ์ สงบปากสงบคำ เพื่อร่วมกันสร้างความเป็นจริง โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว และนักศึกษาที่ต้องเสียชีวิตจำนวนมาก"

นายอดิศร กล่าวด้วยว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสังหารในเหตุการณ์ 6 ตุลา ต้องชดใช้กรรม ชดใช้หนี้ และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่การฟื้นฝอยหาตะเข็บ เพราะประวัติศาสตร์ที่เป็นบาดแผลสังคมควรได้รับการสะสาง เพราะถ้าคิดว่า เป็นการฟื้นฝอยนั้นเราก็จะลืมเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 หรือลืมเรื่องกบฏบวรเดช อย่างประเทศเวียดนาม เขาก็ปิดประวัติศาสตร์ตัวเองไปแล้วว่าชนะอเมริกา แต่เรายังมีประวัติศาสตร์ที่คาใจกันอยู่ ทำให้เวียดนามแซงเราไปแล้ว และที่พูดเรื่องนี้ก็ไม่ใช่การโค่นล้มรัฐบาล

"การที่นายสมัครสาบานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารนักศึกษาในเหตุการณ์นี้นั้น ความจริงกรณีสังหารประชาชนในมัสยิดกรือเซะ รัฐมนตรีที่รับผิดชอบเขาก็ไม่ได้สั่งให้ยิงประชาชนโดยตรง เรื่องนี้ไม่ควรเอาศพวีรชนมาพูดเล่นๆ มีเรื่องอื่นมากมายที่นายสมัคร ควรจะพูด ไม่เข้าใจทำไมถึงพูดเรื่องนี้บ่อยๆ ระวังมิตรจะกลายเป็นศัตรู เพราะพูดไปแล้วก็ไม่ได้สร้างความปรองดองให้กับประเทศ ขอร้องอย่ามาล้อเล่นกับประวัติศาสตร์ วันนี้น่าจะขอโทษประชาชนมากกว่า และที่นายสมัคร ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียวนั้น ทุกอย่างก็สะท้อนจากภาพ คนตายฟรีมีจำนวนมาก"

นายอดิศร กล่าวว่า หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินได้ตั้งรัฐบาลหอยเข้ามาปกครองประเทศ ถือเป็นยุคเผด็จการน่ากลัวที่สุด รัฐบาลหอยจ้องทำลาย กวาดล้างเสรีภาพประชาชน ขนาดพ่อของตน แม้จะหนีเข้าป่าแต่ก็เกือบเสียชีวิต เพราะมีการตามล่า เช่นเดียวกับผู้นำกรรมกรจำนวนมาก

ดังนั้นวันนี้ผู้ที่จะเป็นฝ่ายริเริ่มชำระประวัติศาสตร์ 6 ตุลา น่าจะเป็นคนกลาง เช่น สื่อมวลชนหรือองค์กรสากล ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ก็อาจมีปัญหาว่าเป็นการสูญเสียอธิปไตยของชาติหรือไม่ เพราะหากจะให้นายสมัครในฐานะผู้นำรัฐบาลเป็นผู้ริเริ่ม ก็อาจถูกมองว่า ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาช่วยเหลือตัวเอง ไม่ควรเอาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ 6 ตุลา มาเกี่ยวข้อง เพราะพวกเราถูกมองว่าเป็นสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ไปแล้ว ที่พ่ายแพ้ต่ออุดมการณ์ในการต่อสู้กับขบวนการพรรคคอมมิวนิสต์ในป่า

หนุนชำระประวัติศาสตร์ 6 ตุลาฯ 19

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า แม้ว่าประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่ได้มีส่วนร่วม หรือคนรุ่นหลังได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลในบางส่วน แต่ประวัติศาสตร์ก็คือประวัติศาสตร์ ที่จะต้องมีการชำระให้เป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครบิดเบือนได้

"ผมเชื่อว่าการชำระประวัติศาสตร์ 14 ตุลาฯ ก็ดี หรือ 6 ตุลาฯ ก็ดี มันต้องมีการชำระสะสางแน่นอนเพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง มีข้อมูลครบและรอบด้าน ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีใครเหนี่ยวรั้ง และขัดขวางได้ มันต้องเป็นไปตามกระบวนการชำระประวัติศาสตร์อยู่แล้ว" นายสมศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ การตอบโต้ระหว่าง นายสมัคร กับอดีตคนเดือนตุลาฯ ก็ขึ้นอยู่กับทั้ง 2 ฝ่าย ว่ามีเจตนาอย่างไร คงตอบยาก ตนคิดว่านายสมัครได้ตอบไปแล้ว ท่านก็คงจบ แต่อยู่ที่ว่า คนเดือนตุลาฯ จะรับฟัง และรับกับสิ่งที่นายสมัครได้ตอบไปมากน้อยแค่ไหน

เมื่อถามว่า การเข้าใจของนายสมัคร ที่บอกว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 มีคนเสียชีวิต 1 คนจริงหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็เป็นความคิดเห็นข้อมูลของท่าน ซึ่งตนเชื่อว่าสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์นั้นก็จะปรากฏออกมา เมื่อวานท่านก็พูดว่า ท่านเห็นคนเดียวที่สนามหลวง ถามว่าผิดหรือไม่ ก็คงไม่ผิด ถ้าท่านเห็นของท่านตอนนั้น แต่ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้น ตนคิดว่าสื่อมวลชนและประวัติศาสตร์ ก็คงจะบอกได้

"หมัก"เคยบอกมีคนตาย 48 คน

อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีหนังสือ “โหงว นั้ง ปัง” หรือ “GANG OF FIVE” ที่เขียนโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตแกนนำ นปก. ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรก เมื่อเดือนสิงหาคม 2521 หลังจากนายสมัคร พ้นตำแหน่ง รมว.มหาดไทย 1 ปี ในรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร มีการเขียนถึงนายสมัครในหัวข้อ "คุณซ่าส์ทายาททางการเมืองของฯพณฯ ท่านหอย" ตอนหนึ่ง โดยได้ถอดเทปคำพูดของ นายสมัคร ที่ได้กล่าวกับนักศึกษาไทย เมื่อครั้งเดินทางไปประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 20 มีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ตอนหนึ่งว่า..

เหตุการณ์นักศึกษาต่อต้านโดยมีนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลส่วนหนึ่งอยู่เบื่องหลัง ซึ่งการต่อต้านได้เลยเถิดไปถึงขั้นหมิ่นสถาบัน ด้วยการแสดงละครล้อเลียนของนักศึกษาธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ประชาชนมาชุมนุมกันจำนวนมากที่ท้องสนามหลวง ฝ่ายตำรวจก็ได้รับคำสั่งจากรัฐบาลให้คุมสถานการณ์หากมีการปะทะกันให้ตำรวจใช้อาวุธได้เท่านั้น ซึ่งขณะนั้นมีคนอยู่ในธรรมศาสตร์ 3 พันคน ให้ออกก็ไม่ยอมออก ประชาชนที่ท้องสนามหลวง ก็เพิ่มขึ้นเป็นเรือนหมื่น จะบุกเข้าไปในธรรมศาสตร์ ตำรวจเองต้องตัดสินใจ ตำรวจประมาณ 200-300 คน เป็นแซนวิส เสียบเข้าไประหว่างคนหลายหมื่นในท้องสนามหลวงที่จะบุกเข้าไปในธรรมศาสตร์กับคนจำนวน 3 พัน ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก

ตำรวจเข้าไปเกิดปะทะกัน นักศึกษายิงป้องกันไม่ให้ตำรวจเข้าไป ตำรวจยิงกลับ ตอนนั้นกลายเป็นสมรภูมิ หาความผิดของใครตรงนั้นไม่ได้เลย ฝ่ายที่จะเข้าไปก็มีปืน ฝ่ายที่อยู่ข้างในก็มีปืน มีการยิงกัน ผลการยิงกันนั้นมีคนตาย 48 คน ในคนที่ตาย 48 คน มีคนถูกเผาตายไป 4 คน ซึ่งเป็นปัญหาที่ข้องใจกันในฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองว่า ทำไมถึงต้องมีการเผาคน การเผาคนตายกลางถนนนั้น ไม่ใช่ลักษณะของคนไทย สิ่งที่เกิดขึ้นแปลกมาก มีการทุบตีคนให้ตายแล้วเอามาแขวนคอจนตาย มีการเอายางรถยนต์วางแล้วเอาศพวาง แล้วเอายางรถยนต์วางทับ เอาน้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาทั้ง 4 ศพ ทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกลางถนน กลางสนามหลวง กลางถนนราชดำเนิน ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องนี้ได้

หนังสืออ้างคำพูดนายสมัคร ต่อว่า แต่ผลการสอบสวนใสภายหลังนั้น ก็สามารถจะปะติดปะต่อได้ การที่มีการเผาคนตายไป 4 คนนั้น เป็นการเผาคนที่ต้องการทำลายหลักฐาน ไม่ให้รู้ว่าเป็นคนชาติใด เพราะเหตุว่าหลักฐานกองที่ไหม้นั้น มีรูปโหจีมินเล็กๆ ซึ่เผาไปไม่หมด เราสอบไปในภายหลังในธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่ได้... หนักหนานั้นมีหมาที่ถูกฆ่าตายแล้วย่าง หมาตุ๋น หมาสตูว์ เอาอ่างมีตะแกรงหมากรอบทั้งตัว มีมีดเสียบอยู่หลายตัว ผมเองซึ่งในขณะนั้นไม่ได้มีตำแหน่งอะไรอยู่ แต่ได้เขาไปดูเอง และไปดูหลักฐานที่โรงพักชนะสงคราม เราวิเคราะห์ได้ในเวลาต่อมาว่า มีชาติอื่นคือชาติเวียดนามนั้นจำนวนไม่ทราบได้แน่นอน เข้าไปเกี่ยวข้องกรณีธรรมศาสตร์ แล้วเข้าใจว่าเป็นคนเวียดนามเองที่ฆ่าตาย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการชันสูตรและกลายเป็นคนชาติอื่น ซึ่งจะกระทบกระเทือนถึงทางนั้น

คนที่เกี่ยวข้องได้จัดการเผาคนทั้ง 4 เสีย เขาเรียกวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่มิใช่วิสัยคนไทยทำ การเผาคนกลางถนนนั้น ไม่ใช่วิสัยของคนไทยจากเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเองรูปถูกแพร่หลายไปทั่วโลก การปะทะมีจริงการฆ่ากันมีจริง การเอาไม้ฟาด การเอาแขวนคอ การเผาไฟกลางถนนจริงทั้งนั้น แต่ทั้งหมดนั้นได้เสร็จสิ้นลงในเวลาบ่าย 3 โมง วันที่ 6 ตุลา ทุกอย่างจบเรียบร้อบ ตำรวจสามารถจับเอาคน 3 พันคนมาได้ และในวันรุ่งขึ้น ก็รีบประกันตัวหมด เพราะเจตนานั้นต้องการเอาคนออกจากธรรมศาสตร์เท่านั้น แล้วก็ให้ประกันตัวไปเอง ประกันตัวไป 2,500 คน อีก 500 คนไม่ยอมประกัน ต้องการจะเอาเครดิตในการติดตะราง

"มาร์ค"ซัด"หมัก"เบนประเด็น

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ที่ตนได้ตอบโต้กับนายสมัคร ระหว่างการแถลงนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ว่า ตนรู้สึกเสียดาย ที่ช่วงนั้นเกิดเหตุการณ์ตอบโต้กับนายกฯ และคิดว่าการตอบโต้ดังกล่าว เป็นเพียงการเบี่ยงเบนประเด็นของนายสมัคร ที่จะเลี่ยงตอบเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบาย

ส่วนที่ตนแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องสิทธิเสรีภาพของสื่อนั้น และยกข้อมูลครั้งที่ นายสมัคร เป็นรมว.มหาดไทย ที่สั่งปิดหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ก็เพราะว่า เหตุการณ์วิกฤตทางการเมืองที่ผ่านมาก็เนื่องจากการที่รัฐบาลเข้าไปแทรกแซง คุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน และประชาชน ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดขึ้นซ้ำอีก จึงได้กล่าวไว้ ก็เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพทางการเมือง

"การที่นายกฯ เบี่ยงเบนประเด็น ไม่ตอบเรื่องนโยบายนั้น ผมเป็นห่วงว่าการบริหาร และการกำหนดนโยบายเป็นเรื่องหลักที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศนั้น จะไม่สามารถทำได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ภาพการตอบโต้นั้นหลายฝ่ายมองว่าเป็นการก้าวร้าวผู้ใหญ่ นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า "ไม่มี ไปเปิดเทปดูได้"

เมื่อถามย้ำว่า บรรยากาศการตอบโต้นั้น เหมือนกับทาง นายสมัครถูกรุมอยู่ฝ่ายเดียว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีเรื่องรุม มีเรื่องของการตอบโต้ เมื่อนายสมัครพูดว่าตนอายุน้อย และพาดพิงไปยัง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายชวน ก็ต้องออกมาชี้แจง และยืนยันว่าข้อมูลที่ตนระบุถึงนั้น เป็นข้อเท็จจริง นอกจากนั้นแล้วตนยืนยันว่า ข้อมูลที่ตนพูดในสภานั้น เป็นข้อมูลที่ได้ศึกษามาอย่างดี ทั้งทางประวัติศาสตร์ และจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์

อัด"หมัก"เป็นนายกฯ บิดเบือน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การอภิปรายในประเด็นนี้ ระหว่างนายชวน กับนายสมัคร ว่า ถ้าอ่านหนังสือกำลังภายในก็บอกว่าเป็นการต่อสู้กันระหว่างยอดฝีมือของบู๊ลิ้ม ทั้งฝ่ายธรรมะ และฝ่ายอธรรม ส่วนใครจะเป็นฝ่ายธรรมะกับอธรรมผู้ชมก็เป็นผู้ตัดสินใจเอาเอง แต่ถือว่าเป็นตัวอย่างการอภิปรายให้ส.ส.รุ่นใหม่ได้ เพราะได้อภิปรายถึงเนื้อหาจริงๆ

ส่วนเรื่องนโยบายสำหรับสื่อ นายสุเทพ กล่าวว่า การแทรกแซงสื่อที่ปะทะกันเมื่อวาน ก็อยากให้สื่อเองรู้สึกว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่เป็นการคุกคามสื่อ ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ชี้เรื่องนี้แล้ว แต่รัฐบาลก็ได้หลบเลี่ยงไป ดังนั้นสื่อควรจะเข้าใจตัวเองว่า ถูกกระทำดำเนินการอย่างไรบ้าง เรื่องนี้สำหรับฝ่ายค้านการปิดกั้น คุกคามสื่อเป็นการทำลายกระบวนการประชาธิปไตยอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด

ส่วนที่มีการพูดถึงเหตุการณ์เดือนตุลา เป็นเพราะนายสมัคร ไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ว่ามีคนตายหนึ่งคน ซึ่งคนทั้งประเทศต้องไปดูว่า วันนั้นมีการเสนอไว้ว่าอย่างไร มีผู้เสียชีวิตกี่สิบ กี่ร้อยคน แต่นายกฯ พูดว่ามีคนเดียว ดังนั้นถ้านายกฯ พูดไม่จริง ฝ่ายค้านก็ต้องทักท้วง เพราะคนเป็นนายกฯ ต้องพูดเรื่องจริง ต้องไม่โกหกต้องไม่บิดเบือน แต่ทั้งนี้ ก็เป็นการทักท้วง และชี้แจงในสภาส่วนคนจะฟังแล้วตัดสินใจอย่างไรก็อยู่ที่คนฟัง

เมื่อถามว่า ที่นายสมัคร บอกว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ให้คนไทยคนอื่นๆได้ตระหนักว่า นายกฯ พูดอย่างนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ที่สำคัญก็คือว่าคนที่ถูกตามฆ่า ถูกไล่ล่า ก็มานั่งตาสลอนอยู่ในรัฐบาล ไม่รู้สึกอับอายกันเองก็ช่วยไม่ได้ ใครจะไปว่าอะไรได้
กำลังโหลดความคิดเห็น