xs
xsm
sm
md
lg

"หมัก"ป้อง"แม้ว"หมิ่นเบื้องสูง ลั่นขอแสดงฝีมือลบคำสบประมาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"สมัคร"ประเดิมภารกิจแรก หลังได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยการปกป้อง"แม้ว" จากข้อกล่าวหาไม่จงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูง ประกาศจะใช้ประสบการณ์ทางการเมืองที่สั่งสมมาค่อนชีวิต ปฏิบัติหน้าที่ผู้นำประเทศ ลบคำสบประมาท และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จากคนบางกลุ่ม วอนประชาชนให้โอกาส ขณะที่การจัดสรร ครม.ยังวิ่งวุ่น ต่อรองกันอุตลุด ขณะที่สื่อนอกชี้อีกนานกว่า"แม้ว"จะได้กลับบ้าน

เมื่อเวลา 17.45 น. วานนี้ (29 ม.ค.) นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อันเชิญพระบรมราชโองการฯโปรดเกล้าฯ ประกาศแต่งตั้ง นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อความว่า

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า

โดยที่ได้มีการเลือกตั้งส.ส.ตามรัฐธรรมนูญแล้ว คณะรัฐมนตรีที่บริหารารชการแผ่นดินอยู่ต้องพ้นจากตำแหน่ง และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2551 เห็นชอบด้วยการการแต่งตั้งนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

จึงทรงพระดำริว่า นายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ที่สมควรไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี บริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณวันที่ 29 มกรมคม พุทธศักราช 2551 เป็นปีที่ 63 ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ทั้งนี้ ในขั้นตอนการรับสนองพระบรมราชโองการนั้น นายสมัคร สุนทรเวช พร้อมด้วย คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ภริยา พร้อมด้วยบุตรสาวสองคน ได้เข้าร่วมพิธีด้วย โดยนายสมัครได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดบางชันจำนวน 10รูป มาร่วมพิธีสวดชยันโต เพื่อเป็นสิริมงคลด้วย

นายสมัคร ได้กล่าวหลังรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า " ผมมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าไว้วางพระราชหฤทัย แต่งตั้งให้ผมทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ขอเรียนท่านที่เคารพที่มาร่วมในงานนี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมในการแสดงความยินดีในงานที่ผมที่เข้ามารับภาระหน้าที่ กระผมเดินทางมาในเรื่องของการเมืองตลอดชีวิตผมค่อนชีวิต อยู่ในการเมืองท้องถิ่น จนถึงการเมืองระดับชาติ เป็นรัฐมนตรี เป็นรองนายกรัฐมนตรี แล้วย้อนไปทำงานท้องถิ่นแล้วก็ตั้งใจว่า จะเกษียณอายุทางการเมืองในตำแหน่ง สมาชิกวุฒิสภา เมื่อได้รับเลือกตั้งมาแล้ว อยู่เพียง 5 เดือน ก็เกิดการปฏิวัติ ยึดอำนาจ

เมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ เมื่อมีโอกาส และมีผู้คนรวบรวมกันสามารถจัดตั้งพรรคการเมือง ซึ่งมีจิตวิญญาณทางการเมือง ซึ่งผู้คนนั้นยังมีศรัทธาอยู่ ผมก็รับทำหน้าที่ ขอประกาศให้ท่านทั้งหลายได้ทราบว่า ผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองชื่อ พรรคพลังประชาชน มีสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้ง 233 คน และก็มาจัดคณะรัฐมนตรีตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด จากนั้นเมื่อได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ตามกฎหมายตามหน้าที่แล้ว ก็จะทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองนี้

ขอประกาศให้ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ในบ้านเมืองนี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกพ้อง หรือ เป็นพวกที่ไม่ค่อยชอบหน้ากัน ให้รู้ว่าผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองนี้ ผมทำงานการเมืองแน่นอน ผมเคยเป็นมาแล้วทุกตำแหน่ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ผมยืนยันกับท่านทั้งหลายว่า ผมจะทำการนี้ได้ ใครต่อใครจำนวน 24 ท่านที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาแล้วนั้น ก็เป็นคนไทยเหมือนกับผม มีความรักชาติ มีความผูกพันและมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ผมได้พูดเสมอว่า ในจิตใจคนไทยนั้น ชีวิตจิตใจความผูกพันนั้น อยู่ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ และเราอยู่ได้มาตลอดจนรอดฝั่ง จนถึงวันนี้ ไม่ได้นับย้อนหลังไปจริงๆ แต่นับได้หลายร้อยปี เรายังดำรงสถาบันนี้อยู่ แต่สถาบันนี้ก็จะอยู่คู่ประเทศไทยไปอีกนาน

ใครก็ตามแต่ที่บังอาจในอดีต ได้เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มากระทำการเหยียบย่ำผู้คนอื่น โดยกล่าวหาว่า เขาไม่จงรักภักดี ข้อหานี้เป็นข้อหาที่ร้ายแรง ผมแน่ใจว่า พี่น้องประชาชนคนไทย เสียงข้างมาก ที่ได้แสดงตัวเลขให้เห็นด้วยตัวเลข 233 เสียง อย่างน้อยที่สุด ไม่ได้เกี่ยวกับโรงศาล แต่เกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดว่า คนที่ถูกกล่าวหานั้น เขาไม่ได้ไม่จงรักภักดี อย่างที่เคยกล่าวหากัน เรื่องนี้เป็นเรื่องชีวิตของคนทั้งชีวิต ทั้งครอบครัวที่โดนเกินเหตุ

ผมเป็นนักการเมือง เพราะเห็นว่า ผมจะสามารถทำการเมืองเพื่อพิสูจน์ได้ ผมก็ทำการเมืองนี้ แต่บัดนี้เป็นข้อพิสูจน์ ผมขอให้ใครก็ตามแต่ ที่เคยดูหมิ่นถิ่นแคลนด้วยการเขียนหนังสือ หรือ ด้วยการว่ากล่าว พูดจาถากถาง เหมือนกับผมไม่มีความสามารถ เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องต่างๆ นั้น ผมขอยืนยันว่า ท่านต้องให้เวลาผมทำงาน

นายกรัฐมนตรีคนที่แล้ว ทำงานมา 16 เดือน ท่านก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกับผม ท่านเชี่ยวชาญเรื่องการทหาร และไม่เชี่ยวชาญเรื่องการเมืองเลย แต่ท่านก็ถือหางเสือ ดูแลบ้านเมืองนี้ได้ตามปกติ ผมเป็นนักการเมือง ผมรู้ในเล่ห์กลการเมือง วิธีการบริหารบ้านเมืองไม่ทุกแขนง แต่คนที่มานั้น มาทั้งคณะรัฐมนตรี ผมไม่ได้บริหารบ้านเมืองนี้คนเดียว ขอให้ท่านเชื่อใจเถอะครับว่า ผมจะทำหน้าที่ดูแลงานของบ้านเมืองนี้

งานการเมืองที่บริหารกันนั้นก็เหมือนรถยนต์ ถ้าใครเห็นรถยนต์คันใหม่ รุ่นใหม่ที่สุด จะขับไหม ถ้าขับเป็นแล้ว ก็ต้องถามว่า พวงมาลัยอยู่ข้างไหน เกียร์เป็นเกียร์กระปุก หรือเกียร์ออโตเมติก มันจะมีเครื่องระบบละเอียดตรงไหน ถ้าตากฝนก็จะดูว่า ที่ปัดน้ำฝนอยู่ตรงไหน ถ้าปลอดภัยก็ต้องดูเบรก น้ำมันเครื่อง ว่าเต็มถังหรือไม่ เปิดแทงค์ตรงไหน เท่านั้นแหละ เมื่อออกขับ โชคดีว่า ขับถนนใหญ่ 8 ช่อง 9 ช่อง 10 ช่อง ขับไปไม่มีปัญหา ใครโชคไม่ดี อาจจะเริ่มขับตอนกลางคืน ขับถนนขรุขระ ขึ้นเนินขึ้นเขา ขับถนนที่ไม่ปกติ และเมื่อผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ก็จะขับรถคันนี้ในเวลาที่ไม่ปกติ

ผมขอวิงวอนโปรดให้ความสนับสนุน รัฐบาลที่ตั้งขึ้นใหม่ เป็นรัฐบาลผสม จะชั่วดีถี่ห่าง ก็เป็นคนไทยด้วยกัน มาจากพรรคการเมืองที่ตั้งใจด้วยกัน 6 พรรค จะแก้ปัญหาบ้านเมืองให้เดินหน้าต่อไปได้

ขอบพระคุณทุกท่านและโทรทัศน์ทุกช่องที่ช่วยถ่ายทอด เพราะไม่มีโอกาสไหนที่จะได้พูดกับคนไทยได้เท่าโอกาสนี้ ผมไม่รีบร้อน ไม่ลุกลน และไม่ได้ถือว่า ต้องมีฤกษ์งามยามดี แต่จังหวะเท่าที่ก็พอเพียงแล้ว ขอยืนยันว่า ที่ต้องพูดอย่างนี้เพราะสถานการณ์ที่ผ่านมาบังคับให้ผมต้องพูด ผมถูกดูหมิ่นดูแคลนจากผู้คนในแวดวงหนึ่งที่ผมไม่ขอออกชื่อ ผมยอมอดทน อดกลั้น และผมจะอดกลั้นต่อไป ผมจะทำหน้าที่ดูแลบ้านเมืองในความรับผิดชอบดังที่ได้ประกาศไว้ ขอให้ท่านทั้งหลายได้โปรดให้กำลังใจด้วย ขอบคุณมากครับ

แจกภาพพร้อมพระกริ่งเป็นที่ระลึก

เมื่อเสร็จสิ้นพิธี ประชาชนที่สนับสนุนพรรคพลังประชาชนที่มาร่วมพิธีนอกบ้าน ได้ตะโกนคำว่า "ไชโย"สามครั้ง จากนั้น นายสมัคร ได้ขอให้ทุกคนยืนตรงเคารพธงชาติ ต่อมานายสมัคร เดินทักทายแขกเหรือที่มาร่วมงาน โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่ง นายสมัครได้คุยกับพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ตัวแทนพรรคชาติไทย เป็นเวลาครู่หนึ่ง และขึ้นบ้านพักทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

ทั้งนี้นายสมัคร ยังมอบหมายให้คนใช้ในบ้านแจกพระกริ่งพระพุทธชนะมาร และภาพถ่ายนายสมัครแต่งกายชุดขาวพร้อมเครื่องราชอิสริยาภรณ์เต็มยศ เขียนข้อความด้วยลายมือพร้อมลายเซ็นของนายสมัครว่า "เป็นที่ระลึก ในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 25"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายสมัครได้เรียก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ไปหารือแบบสองต่อสอง โดยใช้เวลาหารือยี่สิบนาที ซึ่ง นายสมัครรับฟังข้อมูลที่ นพ.สุรพงษ์รายงานให้ทราบ โดยคาดว่า น่าจะเป็นความคืบหน้าการจัดตั้ง ครม. ต่อมา นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เข้าพบนายสมัครแบบสองต่อสองด้วย

นายสุรชัย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกับสื่อมวลชนว่า มาพบนายสมัครด้วยเหตุใด ว่า ไม่มีอะไร ตนมาคุย และคำนับเจ้านายใหม่

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวภายหลังพิธีโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ ถึงความคืบหน้าการตั้ง " ครม.สมัคร1"ว่า ล่าสุดก่อนที่จะมีการประกาศฯ ได้ประสานพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดแล้ว โดยหัวหน้าพรรค ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ประสาน และพิจารณานำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ

เมื่อถามว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 30 ม.ค.ซึ่งจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนนั้น จะสรุปเรื่องการจัดตั้งครม.ได้หรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นการเสนอให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณา จากนั้นนายสมัคร จะเป็นผู้สรุป ซึ่งขั้นตอนนี้ไม่ควรนำมาเปิดเผย ขอให้กระบวนการเป็นไปตามขั้นตอน

เมื่อถามว่ากระแสข่าวว่า นายวีรพงษ์ รามางกูร จะมาเป็นรมว.คลัง นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในมือของนายสมัคร การปรับเปลี่ยนแก้ไขนั้น นายสมัคร จะเป็นผู้พิจารณาในขั้นสุดท้าย ตนไม่ขอพูดใดๆ ส่วนโผครม.ที่สื่อมวลชนนำเสนอไปนั้น เป็นเพียงกระแสข่าว และวิเคราะห์ข้อมูลของบางฝ่าย แต่สุดท้ายนั้นเรื่องนี้จะเข้าสู่ที่ประชุมกรรมบริหารพรรคเพื่อหารืออีกครั้ง

"รายชื่อบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีนั้น พรรคร่วมรัฐบาลเสนอชื่อมาแล้ว โดยจะนำเข้าที่ประชุมเพื่อขอมติ และบางส่วนนั้น นายสมัคร จะนำไปประกอบการพิจารณาในขั้นตอนสุดท้าย ส่วนจะทูลเกล้าฯเมื่อใดนั้น ผมไม่ทราบ เพราะขั้นตอนจากนี้ไปขึ้นอยู่กับนายกฯ และรอการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ"นพ.สุรพงษ์ กล่าว

ต่อมาเวลา 18.45 น. นายสมัครได้ออกมารับช่อดอกไม้จากตัวแทนประเทศดูไบ ด้วยอารมณ์ที่ยิ้มแย้ม เมื่อผู้สื่อ ข่าวถามว่า จะต้องใช้เวลาตรวจสอบรายชื่อ ครม.นานเท่าไร เพราะทราบว่ารายชื่อถึงมือแล้ว นายสมัคร กล่าวว่า ต้องขอตรวจสอบก่อน เมื่อถามว่า วันที่ 30 ม.ค. จะเข้าทำเนียบฯ เลยหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า นอน นอน นอน

สั่งอาหารอิตาเลียนมาเลี้ยง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่บ้านพักของนายสมัคร ที่หมู่บ้านโอฬาร ซอยนวมินทร์ 81 มีความคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า บรรดากองทัพสื่อมวลชน และคนในบ้านของนายสมัคร เตรียมพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และเตรียมการจัดงานเลี้ยงแก่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน และแขกวีไอพี ที่จะมีขึ้นในช่วงเย็น มีการจัดโต๊ะรอบบริเวณบ้านของนายสมัครไว้รับรอง โดยนายสมัคร ได้สั่งอาหารจากร้านอาหารอิตาเลียน “FUSIO” เอกมัย ซอย 7 โดยจัดเตรียมรายการอาหารดังนี้ แซนวิสไส้แฮมรมควัน และชีส แป้งทาร์ทหน้าผักขม อาหารทะเลในแป้งพัฟ ข้าวตังหน้าตั้งซอสกุ้ง ขนมช่อม่วง สาคูไส้หมู และ ซุ้มช็อคโกแลตฟองดู มาจัดเลี้ยงแก่ผู้ร่วมงาน

พระวัดอรุณฯ ให้พรเป็นนายกฯ นานๆ

เวลาประมาณ 8.30 น. พระครูปลัดโสภิต ถิรธมฺโฒ หรือ หลวงพ่ออินเตอร์ วัดอรุณราชวราราม ซึ่งก่อนหน้านี้เคยไปเยี่ยม กกต.ชุด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ที่ถูกตัดสินจำคุก ได้เข้าพบนายสมัคร เพื่อเป่ากระหม่อมให้พรนายสมัคร พร้อมกับมอบ พระสมเด็จวัดระฆัง รุ่นแรก พระพุทธรูปสมเด็จพระมหาธรรมมิกจักพรรดิราช ตะกรุดหลวงปู่ศุข เหรียญหลวงปู่ศุข วัดปาคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และเหรียญเสด็จพ่อ ร.5 ด้านหลังพิมพ์สมเด็จวัดระฆังกระเบื้องเคลือบ รวมถึงพระพุทธรูปที่สื่อความหมายถึงการปกครองบ้านเมืองที่เป็นธรรม

พระครูปลัดโสภิต กล่าวว่า นายสมัครได้ลงมาต้อนรับด้วยอารมณ์แจ่มใส ซึ่งได้เคาะกระหม่อมให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับอวยพรให้เป็นนายกรัฐมนตรีไปนานๆ ให้มีความอดทน ขอให้อโหสิกรรมให้ทุกคน อย่าจองเวรกับใคร ทั้งนี้สำหรับพระพุทธรูปสมเด็จพระมหาธรรมมิกจักดิราช ที่มอบให้นายสมัคร เป็นพระที่มีความหมายว่า ผู้บริหารประเทศด้วยธรรม ซึ่งนายสมัคร เป็นลูกศิษย์และเป็นคนมีธรรมะ มีเมตตา และเป็นที่รักของคนไทยทั้งประเทศด้วยความจริงใจ เพราะที่ผ่านมานายสมัครได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากมาย ตั้งแต่สมัยเป็นรมว.มหาดไทย และผู้ว่าฯ กทม.

"ครม.สมัคร 1"ต่อรองกันอุตลุด

รายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชน ถึงความคืบหน้าการตั้ง ครม.สมัคร 1 ว่า การเปลี่ยนแปลงในบางตำแหน่ง นั้นเกิดจากการล็อบบี้ ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตประธานภาคกทม. คือ นายสุธา ชันแสง ได้โควตา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ส.ส.กทม. เพื่อสร้างฐานเสียงใหม่ โดยขอแลกกระทรวงนี้ จากพรรคประชาราช แต่ พรรคประชาราช ต่อรองว่า ขอเก้าอี้ รมว.แรงงาน จากพรรคมัชฌิมาฯ ทำให้พรรคมัชฌิมาฯ ขอรมว.ทรัพยากรฯ มันจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงรายชื่อจากโผเดิมไปบ้าง

พรรคมัชฌิมาธิปไตยนั้น นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เดิมนั้นจะได้เป็น รมว.แรงงาน จะย้ายไปเป็น รมว.ทรัพยากรฯ จนนายปลอดประสพ สุรัสวดี แกนนำพรรคพลังประชาชน หลุดตำแหน่งนี้ไป และโดนพรรคพลังประชาชน เปลี่ยนเก้าอี้ รมช.มหาดไทย ของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ไปเป็น รมช.พาณิชย์ โดยเบื้องหลัง เรื่องนี้นั้น พ.ต.ท.บรรยินได้ต่อรองตำแหน่งนี้กับ นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา ตัวเต็ง รมช.อีกคนของพรรคมัชฌิมาฯ ที่ช่วยเหลือ ส.ส.ของพรรคมัชฌิมาฯ ได้หลายคน แต่สุดท้าย นายวิวัฒน์ ยอมให้ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นรมช.ไปก่อนแล้วอาจจะสลับกันเป็นในภายหลัง

"เสี่ยตือ"นั่ง รมว.เกษตรฯ

พรรคชาติไทย มีการเปลี่ยนรายชื่อ และสลับตำแหน่งบ้าง โดย พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรองนายกฯ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เป็น รมว.ท่องเที่ยวฯ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เป็น รมว.เกษตรฯ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ เป็นรมช.เกษตรฯ นายจองชัย เที่ยงธรรม เป็นรมช.คมนาคม ส่วนนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค หลุดโผรมว.เกษตรฯ แม้นายประภัตร จะต่อสายกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อขอโควตานี้ แต่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยไม่ยอม ส่วนนายนพดล พลเสน คนใกล้ชิดนายบรรหาร ที่เดิมมีชื่อเป็นรมช.คมนาคม ก็โดนนายจองชัย เบียดเป็น รมช.คมนาคม ในช่วงท้ายของการต่อรอง และยังสลับนายสมศักดิ์ กับนายวีระศักดิ์ ให้รับตำแหน่งรัฐมนตรีที่ใหญ่ขึ้นจากโผเดิมด้วย

"สุวิทย์"รองนายกฯ ควบ รมว.อุตฯ

พรรคเพื่อแผ่นดิน เสนอชื่อ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเป็นรองนายกฯ และรมว.อุตสาหกรรม นายมั่น พันธโนทัย เดิมนั้นถูกวางเป็นรมช.มหาดไทย แต่โดนแรงต่อรองให้เปลี่ยนไปเป็น รมช.คมนาคม หรือรมช. คลัง และแกนนำพรรคสายของ นายพินิจ จารุสมบัติ และสายนายสุชาติ ตันเจริญ รวมตัวผลักดัน นายสิทธิชัย โค้วสุรัตน์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วน ให้เป็นรมช.มหาดไทย เพื่อเป็นตัวแทนรัฐมนตรีของส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินสายอีสานทั้งหมด ส่วน รมว.ไอซีที นั้น มีการเสนอชื่อคนนอกซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร และยังมีรายงานอีกสายหนึ่งว่า นายสิทธิชัย สลับเก่อี้กับ นายมั่น โดยนายมั่น ไปเป็น รมช.มหาดไทย ตามโผเดิม ส่วนนายสิทธิชัย ย้ายไปเป็น รมช.คมนาคม

"เมียสุวัจน์"นั่ง รมว.พลังงาน

พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นั้น ยังยืนยันว่า พลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ ภรรยานายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นรมว.พลังงาน แม้จะมีข่าวว่าจะโดนย้ายไปเป็น รมว.สาธารณสุข แต่แหล่งข่าวจากพรรครวมใจไทยฯ ย้ำว่า รมว.สาธารณสุขนั้น พรรคพลังประชาชน เคยยื่นมาให้พรรคพิจารณาในช่วงแรกๆ ที่แกนนำพรรครวมใจไทยฯ ตกลงร่วมตั้งรัฐบาล แต่พรรคได้ขอเปลี่ยน เพราะพรรครวมใจไทยฯ วางจุดขายของพรรคว่า จะเป็นพรรคที่เน้นการทำงานภาคเศรษฐกิจ จึงขอดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ โดยได้รับโควตา รมว.พลังงาน ฉะนั้นข่าวนี้จึงเป็นข่าวปล่อย ส่วนนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคนั้น ยังยืนยันในตอนนี้ว่า เป็นรมช.คลังแน่นอน

พรรคประชาราช นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคได้ต่อรองขึ้นเป็น รมว.แรงงาน โดยนายเสนาะ ติดต่อขอเก้าอี้นี้จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยตัวเอง เพราะหากนายเสนาะไม่ต่อรอง และมอบเก้าอี้ให้นางอุไรวรรณ เทียนทอง ไปเป็นรัฐมนตรีนั้น พรรคประชาราช อาจโดนบีบให้รับเก้าอี้ที่เล็กลงไปอีก

"ณัฐวุฒิ"เป็นโฆษกรัฐบาล

ส่วนพรรคพลังประชาชนนั้น มีรายงานว่า หากพรรคทาบทาม นายวีรพงษ์ รามางกูร มาเป็นรมว.คลังได้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จะย้ายไปเป็นรองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข และหากนายสมใจนึก เองตระกูล เข้ามาเป็นรมช.คลัง นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ จะโดนย้ายไปเป็นรมช.พาณิชย์ หรือ รมว.กระทรวงเล็กๆ เช่น วิทยาศาสตร์ หรือ วัฒนธรรม โดยต้องตกลงกับ นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ว่าจะเลือกกระทรวงใด ทั้งนี้คนใกล้ชิดนายวุฒิพงศ์ ยอมรับว่า ได้สัญญาณมาว่าได้เป็นรมช.มหาดไทย หรือ รมช.เกษตรฯ

ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคนั้น จะเป็นนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.กลาโหม โดยโควตานี้เป็นโควตาพรรคที่ผู้ใหญ่ในพรรคเสนอให้นายสมัครรับตำแหน่งนี้ด้วย และนายสมัคร ยังดึงนายสหัส บัณฑิตกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. มาเป็นรมช.คมนาคม ส่วนเลขาธิการนายกฯนั้น นายสมัครดึงนายธีรพล นพรัมภา อดีตเลขานุการฯ รองผู้ว่าฯ กทม. และยังดึงนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำ นปก. มาเป็นโฆษกรัฐบาล ซึ่งตรงนี้เป็นตามโควตาที่นายสมัคร ขอไว้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ

ทั้งนี้ยังมีรายงานว่า พรรคพลังประชาชน กำลังเกลี่ยตำแหน่งรัฐมนตรีใหม่ เพราะโควตาจากแกนนำพรรคที่เสนอมานั้นมันเกินจำนวน ฉะนั้นพรรคพลังประชาชนกำลังบีบพรรคเล็ก เพื่อขอโควตาคืนบ้าง เช่นพรรคเพื่อแผ่นดินที่ได้ไป 5 ตำแหน่ง 4 คน พรรคพลังประชาชนต่อรองไปว่า ขอให้4 คน 4 ตำแหน่ง อีกทั้งยังบีบพรรคเล็กๆ เช่น พรรครวมใจไทยฯ ที่ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคขอ รมช.คลัง แต่พรรคจะให้ตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมแทนเป็นต้น

รายงานข่าวจากคนใกล้ชิด นายสรอรรถ กลิ่นประทุม เปิดเผยว่า ภาคกลางนั้นได้มา 4 ตำแหน่ง คือ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย เป็นรองประธานสภาฯ นายบุญลือ ประเสริฐโสภา เป็นรมช.มหาดไทย นายไชยา สะสมทรัพย์ เป็น รมว.ยุติธรรม และนายวุฒิพงศ์ ฉายแสง เป็น รมว.กระทรวงเล็ก หรือรมช.เกษตรฯ

ส่วนโควตาภาคเหนือนั้น นายสันติ พร้อมพัฒน์ จะเป็นรมว.คมนาคม ตามโควตา นายพษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็น รมว.ศึกษาธิการ นายอนุวัธ วงษ์วรรณ เป็นรมช.ศึกษาธิการ ส่วนนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่นายวราเทพ รัตนากร และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ผลักดันเป็น รมช.คลัง นั้น ตอนนี้อาจโดนเบียดออกไป โดยนายสมใจนึก เองตระกูล ที่แกนนำพรรคทาบทามให้เป็น รมช.คลัง ทำให้นายวิรุฬ ต้องย้ายไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอื่น ที่ยังหาตำแหน่งไม่ได้

ส่วนภาคอีสานนั้น นายสุพล ฟองงาม ได้รับการเสนอชื่อเป็นรมช.เกษตรฯ เช่นเดียวกับ นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ และร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รวมทั้ง นายชัย ชิดชอบ ที่จะเป็น รมต.สำนักนายกฯ ส่วนนายพงศกร อรรณพพรนั้น นายสรอรรถ ยังผลักดันให้เป็น รมช.อีกด้วย

"นพดล"รมว.ต่างประเทศ

นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวในเรื่องของการประชุม 6 พรรคร่วมรัฐบาลหลังนายสมัคร ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นนายกฯ ว่า ตอนแรกนัดประชุมเรื่อง นโยบายเวลา 10.00 น.วันที่ 30 ม.ค. แต่เมื่อหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลที่ 6 พรรค ก็คิดว่าจะไปคุยก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งรายชื่อ ครม. ก็คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องของการจัดสรรครม. จะเสร็จเมื่อไรนั้นคิดว่า ผู้ใหญ่คงคุยกันอยู่ ซึ่ง 2-3 วัน ก็น่าจะเสร็จ

นายนพดล กล่าวอีกว่า ในวันนี้ (30 ม.ค. ) จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ในเวลา 14 .00 น. เพื่อมอบอำนาจให้นายสมัคร เป็นผู้มีอำนาจในการไปพิจารณารายชื่อ ครม. ส่วนความคืบหน้ารายชื่อครม. นั้น ขณะนี้ลงตัว 95เปอร์เซ็นต์แล้ว น่าจะเรียบร้อยทุกอย่างไม่มีปัญหาใดๆ

เมื่อถามว่า ได้หารือกับพ.ต.ท.ทักษิณบ้างหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ไม่ได้คุย เมื่อถามว่า มีรายงานข่าวว่า จะได้เป็น รมว.ต่างประเทศ นายนพดล กล่าวว่า ไม่รู้ว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีในประเทศ หรือต่างประเทศ ขอดูความชัดเจนอีก 1-2 วันก็น่าจะรู้

เมื่อถามความคืบหน้าการตั้งครม.ที่ยังไม่ชัดนั้น เป็นเพราะ 6 พรรคยังเจรจาไม่ลงตัว นายนพดลกล่าวว่าไม่เกี่ยวเพราะเป็นเรื่องความพร้อมของแต่ละพรรคที่จะไปจัดสรรรัฐมนตรีของตัวเอง หลังจากนั้นจะมีการหารือร่วมกัน เพราะจะได้รู้ว่าใครเป็นรัฐมนตรี แล้วค่อยมาคุยเรื่องนโยบายรัฐบาล

ปลาไหลยอมเสียสัตย์แลก 5 เก้าอี้

นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการจัดสรรครม. ว่า ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ทางพรรคพลังประชาชน คงจะเชิญพรรคร่วมรัฐบาลไปหารือ คาดว่าคงจะเสร็จภายในอาทิตย์นี้ ก็ต้องรอดูว่าเขาจะจัดตำแหน่งอะไรให้เรา ซึ่งยืนยันว่า พรรคชาติไทยจะได้รัฐมนตรี 5 ตำแหน่ง แต่ได้กระทรวงไหนยังไม่ทราบ

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย จะไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ทราบ มีแต่ข่าวที่เขียนกันหน้าหนังสือพิมพ์ เดากันเองทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า เป็นธรรมดาไม่มีปัญหาแน่นอน จะได้กระทรวงอะไรก็ไม่มีปัญหา ให้อะไรมาเราก็รับได้ทั้งนั้น

"ประภัตร"ยันถึงวืดก็ยังอยู่ ชท.

นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย กล่าวถึงกระแสข่าวถึงความขัดแย้งในเรื่องการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคชาติไทยว่า เรื่องนี้นายบรรหาร จะเป็นผู้ตัดสินใจ ตนไม่เคยเกี่ยงงอนเรื่องการทำงาน เพราะอยู่ตรงไหนก็สามารถทำงานได้ เราต้องให้เกียรติหัวหน้าพรรคที่จะพิจารณาเอง

"ตอนนี้หัวหน้าพรรคทั้งอึดอัด และลำบากใจหลายเรื่อง โดยหลังจากเข้าร่วมรัฐบาลได้ถูกโจมตีหลายแบบหลายอย่าง ผมเห็นใจ และขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจ และเห็นใจหัวหน้าพรรค การตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ก็เพื่อทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ผมถามตรงๆว่าใครกล้าตัดสินใจอย่างนี้ ถ้าไม่ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลการแก้ไขปัญหาจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ผมขอฝากทุกคนให้ความเป็นธรรมกับพรรคชาติไทยด้วย " นายประภัตร กล่าว และว่า ตนไม่ได้ยึดติด เพราะอยู่กับพรรคชาติไทย และหัวหน้าพรรคมามากว่า 30 ปี ตน ไม่เคยมีปัญหาอะไรมีแต่คนอื่นไปเขียนว่าอย่างนั้นอย่างนี้

เมื่อถามกรณีที่มีกระแสข่าวว่า หากนายประภัตร ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี จะยก ส.ส.ในกลุ่มย้ายออกจากพรรคชาติไทย นายประภัตร กล่าวว่า ไปไหนล่ะ ไปสุพรรณฯหรือ ผมเป็นคนสุพรรณฯ ก็ต้องไปสุพรรณฯ เมื่อถามต่อว่ายืนยันได้หรือไม่ว่า จะอยู่ทำงานกับพรรคชาติไทยต่อไป นายประภัตร กล่าวว่า "ถามอย่างนี้ผมก็เสียหาย ผมยังไม่มีอะไรในใจเลย ผมอยู่กับพรรคชาติไทยมา 32 ปีเต็ม อยู่กับหัวหน้าพรรคมา 30 ปี ผมยังไม่มีอะไรเลย ต้องเห็นใจหัวหน้าพรรคท่านเหน็ดเหนื่อยมาก ผมคิดว่าเราต้องช่วยกัน เพราะเราทำเพื่อบ้านเมืองจริงๆ ผมอยู่กับพรรคไม่มีปัญหา ถ้ายิ่งพรรคไปดูแลกระทรวงที่เกี่ยวกับปากท้องประชาชน เรายิ่งต้องไปช่วยกันดูแล เพราะถ้าพี่น้องประชาชนอยู่ไม่ได้ ใครก็อยู่ไม่ได้"

"สุรยุทธ์"อำลาตำแหน่ง มท.1

เมื่อเวลา 10.00.น วานนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เดินทางไปที่ กระทรวงมหาดไทย เพื่อประชุมเทเลคอนเฟอร์เร้นประจำเดือน ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด โดยพล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้คิดว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้ขอบคุณผู้ว่าราชการจังวัดต่างๆ ที่ได้ทำงานร่วมกันมาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ได้ฝากเรื่องการพัฒนาชุมชน หมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นฐานที่จะสร้างความมั่นคง

เมื่อถามว่ามีงานที่จะให้รัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาสานต่อหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่มีอะไร เพราะงานของกระทรวงมหาดไทย มีขอบเขตที่กว้างขวางมากในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข หากรัฐมนตรีใหม่เข้ามารับหน้าที่แล้ว ปลัดกระทรวงคงจะชี้แจงให้ทราบ เมื่อถามว่า รัฐบาลใหม่จะมีการฟื้นฟูนโยบายเก่าของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐบาลของท่านได้ยุบไป พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิของแต่ละรัฐบาลอยู่แล้วที่จะดำเนินการได้ ก็เป็นเรื่องของนโยบายที่แต่ละรัฐบาลเห็นความแตกต่างกัน

ปธ.สภายอมรับตัด พปช.ไม่ขาด

นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมกับส.ส.กทม. พรรคพลังประชาชนที่โรงแรมเอสซีปาร์ค จนถูกมองว่าไม่เหมาะสมเพราะประกาศว่าจะวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ว่า ตนไปเพื่อเล่าถึงสถานการณ์ที่สมาชิกสนใจในสถานภาพของตนที่ยังมีเรื่องค้างอยู่ใน กกต. เหมือนเป็นการเล่าเรื่องให้คนในครอบครัวฟัง แต่บังเอิญเป็นข่าวออกไปข้างนอก จึงกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เมื่อถามย้ำว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกิจกรรมการเมืองของพรรค นายยงยุทธ กล่าวว่า ได้พูดไปแล้วว่า ความเป็นพี่เป็นน้อง ญาติมิตร ความเป็นสมาชิกไม่สามารถตัดขาดได้

"กรรมจะเป็นเครื่องชี้เจตนาเองว่าผมเป็นกลางหรือไม่ ขอให้เป็นไปตามธรรมชาติ อย่าไปฝืนธรรมชาติ ที่จริงอยากให้สังคมวัฒนธรรมการรับรู้ อย่าไปหลอกกัน และขอให้มีความเชื่อมั่นว่า ผมจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง บางคนอยู่กันคนละพรรค เมื่อกลับถึงบ้านความเป็นพี่น้องก็ยังอยู่"นายยงยุทธ กล่าว

จับตัวเงินตัวทองก่อน"หมัก"เข้าทำเนียบฯ

เจ้าหน้าที่สวนสาธารณะ กทม. เขตดุสิต เปิดเผยว่า พื้นที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล มีความสมบูรณ์มากในเชิงนิเวศน์วิทยาเหมาะสมอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ของตัวเงินตัวทอง หรือ ตัวเหี้ย เพราะ น้ำ ปลา ต้นไม้ และไม่มีสิ่งรบกวน กลายเป็นแหล่งเพาะพันและที่อยู่อาศัย ทำให้ประชากรตัวเงินตัวทองบริเวณทำเนียบรัฐบาลมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จนรุกกล้ำเข้ามาอาศัยปะปนบริเวณอาคารใกล้ตึกไทยคู่ฟ้า

แม้ทาง กทม.จะไม่มีสถิติตัวเลขชัดเจนว่าประชากร ตัวเงินตัวทองเพิ่มสูงขึ้นมากเท่าไร แต่ปริมาณประชากรตัวเงินตัวทองมีจำนวนมากเกินการควบคุม ดังนั้นทาง สวนสัตว์ดุสิต (เขาดิน)ได้ส่งเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ เพื่อเข้ามาไล่จับตัวเงินตัวทองบางส่วนออกไปจากบริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยนำไปปล่อยไว้ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว – เขาชมภู่ จ.ชลบุรี เพื่อลดความแออัดที่อยู่อาศัยของตัวเงินตัวทอง จึงทำให้ขณะนี้ประชากรตัวเงินตัวทอง บริเวณทำเนียบรัฐบาลลดน้อยลง

"จำนวนตัวเงินตัวทองในบริเวณทำเนียบไม่ได้ลดลง มีแต่เพิ่มขึ้น เพราะสภาพแวดล้อมดี ปลาชุกชุม น้ำสะอาด มีต้นไม้ และไม่มีคนไปรบกวน แต่ทางสวนสัตว์เห็นว่า มีมากเกินจึงนำตัวเงินตัวทองบางส่วนไปปล่อยที่เขาเขียว"เจ้าหน้าที่สวนสาธารณะ กทม. กล่าว

อีกนานกว่า"ทักษิณ"จะได้กลับบ้าน

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานวานนี้ โดยอ้างความเห็นของนักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า เวลานี้ถึงแม้จะได้พันธมิตรขึ้นเป็นรัฐบาลแล้ว แต่การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับคืนประเทศไทย ก็ยังจะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน

เอเอฟพีพูดถึงท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ก่อนหน้าการเลือกตั้งเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เคยคาดหมายว่าจะกลับบ้านได้ในเดือนกุมภาพันธ์ ทันทีที่รัฐบาลใหม่ตั้งกันได้สำเร็จ ทว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คุณหญิงพจมาน ก็ได้ให้การต่อศาลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาในเดือนพฤษภาคม

เรื่องนี้ เอเอฟพีอ้างพวกนักวิเคราะห์มองว่า "เป็นสัญญาณของความสมดุลอันละเอียดอ่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการทำให้เกิดขึ้น ในการฉวยประโยชน์จากชัยชนะทางการเมืองของเขา โดยที่ไม่สร้างความโกรธเคืองให้แก่เหล่านายพลรอยัลลิสต์ ซึ่งขับไล่เขาออกไป"

รายงานของเอเอฟพี กล่าวว่า เท่าที่ผ่านมา คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ดูไม่ประสบความก้าวหน้าอะไรนักในการดำเนินคดีความผิดต่างๆ กับ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว โดยที่พรรคพลังประชาชนก็มีการหารือกันถึงความเป็นไปได้ที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ

เอเอฟพีบอกว่า พวกนักวิเคราะห์มองกันว่า การนิรโทษกรรมจะเป็นเรื่องยากหากจะทำตอนช่วงต้นสมัยรัฐบาล เพราะอาจทำให้ประชาชน และทหารที่ก่อรัฐประหารไม่พอใจ

แต่นายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลบริหารงานได้ดีในช่วงเดือนแรกๆ เหล่านายพลก็จะเข้ามาแทรกแซงได้ยากยิ่งขึ้น

"ประชาธิปไตยทำให้เกิดผลเช่นนี้ สิ่งนี้บังคับทหารต้องหลบไปอยู่วงนอก" เขากล่าว "ถ้ารัฐบาลใหม่โชว์ฝีมือได้ดีพอ อย่างนั้นแล้ว ทหารก็จะถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างหลังมากยิ่งขึ้น"

ทางด้านนายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็กล่าวว่า ตอนนี้คนไทยจำนวนมากวิตกเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าการเมือง ดังนั้น ถ้ารัฐบาลนายสมัครเริ่มแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ประชาชนก็อาจไม่สนใจว่าทักษิณจะหาทางกลับประเทศอย่างไร

"ถ้าพวกเขารับมือกับเศรษฐกิจได้ดี คนก็จะไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือวาระการเมืองของพรรคพลังประชาชน" อาจารย์สมชายชี้

นอกจากนั้น อาจารย์ฐิตินันท์ ชี้ว่า การเข้าซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ ก็ยังเป็นเหุตผลอันเหมาะสมที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้อ้างเพื่ออยู่ต่างประเทศต่อไป

อาจารย์ฐิตินันท์ บอกว่า ตอนนี้ทีมแมนฯซิตี้ กำลังอยู่ในอันดับดีๆ ในพรีเมียร์ลีก พ.ต.ท.ทักษิณอาจอ้างได้ว่า เขาอยากเห็นสโมสรเล่นจบฤดูกาลในเดือนพฤษภาคมก่อน แล้วค่อยกลับเมืองไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น