วานนี้ (18 ก.พ.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวถึงการพิจารณาสำนวนทุจริตเลือกตั้งเชียงราย ว่า ทางเจ้าหน้าที่รายงานว่า นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการสอบสวน จะนำผลสรุปสำนวนดังกล่าวมามอบให้ กกต. ด้วยตนเอง จึงค่อนข้างแน่นอนว่า วันที่ 19 ก.พ. จะสามารถนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุม กกต.ได้ โดย กกต.จะพิจารณาทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง แต่คงไม่สามารถตอบได้ว่าจะลงมติได้เลยหรือไม่ เพราะกกต.ทั้ง 5 คนต้องใช้เวลาในการศึกษาสำนวนพอสมควร ซึ่งอาจจะมอบสำนวนให้ กกต.แต่ละคนนำสำนวนไปศึกษาแล้วนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง
"ยืนยันว่า กกต.จะพิจารณาให้เร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ และได้สืบสวนมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ถ้าพิจารณาให้เสร็จไปเลยในวันเดียวมันก็อาจจะลวกๆ ซึ่งจะไม่ดี โดยหลังจากลงมติแล้ว กกต. ก็สามารถ เปิดเผยมติต่อสาธารณะได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าผลสอบของอนุกรรมการฯ ที่ระบุว่าให้ใบแดง นายยงยุทธ นั้นก็จะไม่ส่งผลต่อการพิจารณาของ กกต. และผมก็ไม่รู้สึกกดดัน เพราะผมทำทุกอย่างด้วยความตรงไปตรงมาที่สุด ไม่ได้มีอคติต่อใคร ดังนั้นความกดดันจึงไม่มี"
**ไม่มีมือที่มองไม่เห็นมาบีบกกต.
ประธานกกต. ยังปฏิเสธถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า มีมือที่มองไม่เห็นมากำกับการทำงานของ กกต. เพื่อจ้องทำลายรัฐบาลว่า "ไม่มี มือของผมมองเห็นทั้งนั้นเลย ไม่มีมือที่มองไม่เห็น ยืนยันได้ว่า กกต.ไม่อยู่ภายใต้การบังคับ หรืออิทธิพลจากใคร ฝ่ายใดทั้งสิ้น และไม่รู้สึกกดดันก็พูดไปได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่พวกเราก็ยืนยันว่า ทำด้วยความสุจริต ไม่มีผลประโยชน์จากผู้ใด ตรงไปตรงมาที่สุด"
นายอภิชาต ยังยืนยันว่าการทำงานที่ผ่านมาไม่มีใครมาแทรกแซง หรือกดดัน ทำงานด้วยความสบายใจ หากได้รับสำนวนแล้วก็พร้อมจะพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาให้มากที่สุด ส่วนหาก กกต.ลงมติไปแล้วนายยงยุทธไม่พอใจ ก็ถือเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากงานของกกต. เพราะเมื่อลงมติไปแล้ว ก็ถือว่าจบ
**ยึดข้อเท็จจริงเป็นหลักพิจารณา
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. บริหารการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า การพิจารณาของกกต. ดูจากพยานหลักฐานให้รอบคอบ เพราะเข้าใจดีและคำนึงถึงว่านายยงยุทธ เป็นบุคคลสำคัญในพรรค ซึ่งเราก็คำนึงว่าจะมีใครวางแผนไปกลั่นแกล้งนายยงยุทธหรือไม่ แต่ทั้งหมดต้องดูตามข้อเท็จจริง และคำให้การของพยาน รวมถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ส่วนใครจะทำหน้าที่สอบสวนมาก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องหลักคือ เป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยเราต้องวิเคราะห์จากคำให้การพยาน และพยานแวดล้อมต่างๆ ซึ่งเท่าที่ดูเบื้องต้น ทราบว่ากำนันผู้ใหญ่บ้านได้เดินทางมาจริง ซี่งรายละเอียดต่างๆ จะต้องพิจารณาจากสำนวนอีกครั้ง
"ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะให้ความเป็นธรรมทุกเรื่องและทุกฝ่าย รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินการ ส่วนจะชี้ขาดได้เลยหรือไม่ในวันนี้( 19 ก.พ.) ขอพิจารณาจากรายงานผลการสอบสวนก่อนว่ามีรายละเอียดต่างๆ มากน้อยอย่างไร แต่ก็จะพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว"
เมื่อถามว่า ผลที่ออกมาก่อนหน้านี้ทำให้กกต.รู้สึกกดดันหรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าข่าวออกมาอย่างไร เพราะจริงๆ แล้วกรรมการสอบสวนยังไม่ได้แถลงเป็นเรื่องเป็นราว ตนเองก็ทราบจากข่าวเหมือนกัน ต้องรอสำนวนเป็นทางการวันนี้( 19 ก.พ.)
ส่วนเรื่องความกดดัน ก็เป็นธรรมดา เพราะเป็นคดีสำคัญ และการสั่งคดีอะไรก็ต้องทำให้รอบคอบ ต้องดูให้ดี ต้องคำนึงถึงหลายด้าน และเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดผลกระทบได้ เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหา เป็นบุคคลมีตำแหน่งเป็นถึงประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบที่สุด
ส่วนที่นายสมัคร ระบุว่า ขณะนี้มีมือที่มองไม่เห็นมากดดันการทำงาน กกต.ในการพิจารณาสำนวนนายยงยุทธ นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต. เป็นองค์กรอิสระในรัฐธรรมนูญ การทำงานเรามีความเป็นกลาง เป็นธรรม และอิสระ ไม่ได้รับคำสั่งจากใคร หรือมีการชี้นำจากใคร เราพิจารณาไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายต่างๆอยู่แล้ว ขอให้มั่นใจ และโดยพื้นฐานองค์ประกอบของ กกต.ชุดนี้ มี 4 คนที่มาจากผู้พิพากษาศาลฎีกา 4 คน และอัยการ 1 คน
เมื่อถามว่าหากกรณีสำนวนนายยงยุทธ กกต. มีมติแจกใบแดง จะใช้เวลาส่งไปที่ศาลฎีกานานเท่าใด นายประพันธ์ กล่าวว่า เท่าที่ผ่านมา สำนวนที่ กกต. มีมติให้การให้ใบแดง ส่วนใหญ่ก็นำคำร้องไปยื่นให้ที่ศาลฎีกาภายใน 2 สัปดาห์ ซี่งหาก กกต. มีมติก็ต้องเร่งพิจารณาสำนวนเอกสาร และพยานส่งให้ศาลฎีกาให้เร็วที่สุด เพราะเมื่อศาลฎีการับคำร้อง ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ทันที กกต.ก็ต้องทำให้เร็ว
-------------------
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องมือที่มองไม่เห็นที่ นายสมัคร ออกมาพูดบ่อยๆนั้น นายสมัครต้องกล้าพูดว่าเป็นฝีมือของใคร เพราะวิธีการที่จะทำให้สังคมเกิดความสามัคคีนั้น ต้องไม่ใช่การส่งสัญญาณให้เกิดความระแวงโดยไม่มีข้อมูลแบบนี้ ดังนั้นต้องสอบสวนลงไปว่า มือที่มองไม่เห็นตามที่นายสมัครพูดนั้นเป็นใคร ถ้าผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องออกมาขู่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่อยากให้นายสมัครพูดถึงเรื่องมือที่มองไม่เห็นบ่อยๆ ถ้าอยากจะสร้างบรรยากาศของการสร้างความสมานฉันท์ ตามนโยบายของรัฐบาล แต่ถ้ามีใครทำอะไรผิดกฎหมายนอกระบบ ก็ขอให้จัดการไปตามกฎหมาย และตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ ไม่อยากให้พูดแล้วก็สร้างความแยก
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากทราบว่านายสมัคร พูดขึ้นมาเพราะอะไร ตั้งใจที่จะเรียกร้องความสงสาร หรือต้องการที่จะตีปลาหน้าไซ ว่า มีคนที่จ้องจะทำลายรัฐบาลอยู่ และถ้ามือที่มองไม่เห็นนั้นเป็นมือที่สกปรก ขณะนี้รัฐบาลมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ แล้วทำไมไม่ใช้อำนาจรัฐจัดการ เพราะถ้าเป็นมือสกปรก ก็แสดงว่าเป็นมือที่ไม่ถูกต้อง แต่ปัญหาก็คือ มือที่มองไม่เห็นนั้นอาจจะเป็นมือสะอาด ที่มาจัดการกับมือที่สกปรกหรือไม่ ที่ทำให้นายกฯ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงออกมาพูดเหมือนเป็นการตีปลาหน้าไซในขณะนี้ มาเรียกร้องความสงสาร ความเห็นใจอยู่ในขณะนี้หรือไม่
**"ยุทธ" ยันไม่ใช้ม็อบกดดันกกต.
ด้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าว ถึงเรื่องความเชื่อมั่นจากสมาชิกในการประชุมสภา เนื่องจากประธานมีปัญหาเกี่ยวกับการพิจารณาคดีเลือกตั้งจาก กกต. อยู่ ว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน และในการประชุมสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลนั้น หากตนไม่มาทำหน้าที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสนช. ซึ่งทำหน้าที่ด้วยนั้นก็จะเหนื่อย สำหรับเรื่องคดีของตนนั้น ก็เป็นเรื่องของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง วันนี้ถ้าเราติดกับดักความขัดแย้ง แล้วมาโต้ตอบ เถียงกันเป็นรายวัน งานก็จะไม่เดินไปไหน
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าจะมีม็อบจาก จ.เชียงราย มากดดันการพิจารณาของ กกต.ในคดีนี้ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่มี เป็นการสร้างข่าวเพื่อทำให้รู้สึกว่าตนเป็นคนไม่ดี ส่วนตัวเชื่อในความยุติธรรม อยากขอร้องว่าตอนนี้บ้านเมืองสงบแล้ว ไม่อยากให้มาคอยตั้งข้อกล่าวหา แล้วนำหลักฐานเท็จมาเล่นงานกัน บ้านเมืองจะไปไม่รอด
**"เสธ.ยอด"ให้ปากคำคดียุบมฌ.
พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย รักษาการหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย เดินทางเข้าชี้แจงต่ออนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณียุบพรรคของ กกต. ที่มีนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน ซึ่งภายหลังเข้าชี้แจงกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวว่า อนุกรรมการได้ถามคำถาม 8 ข้อ โดยเน้นถามเรื่องกรณีทุจริตเลือกตั้งที่ จ.ปราจีนบุรี ของนายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตกรรมการบริหารพรรค ที่ กกต. ให้ใบแดง ว่าพรรคมีส่วนรู้เห็น หรือเป็นไปตามมติของพรรคหรือไม่ ซึ่งตนได้ชี้แจงว่า พรรคไม่ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคเลย หลังจากวันที่ 4 ธ.ค. 50 ที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งทำให้กรรมการบริหารพรรคต้องพ้นสภาพไปด้วย เป็นเพียงรักษาการ กรรมการบริหารพรรคเท่านั้น และไม่มีส่วนรู้เห็น ซึ่งตนมั่นใจว่ากกต. จะให้ความเป็นธรรมกับพรรค จึงไม่หนักใจหรือห่วงเรื่องใด และขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามความจริง ที่ต้องยอมรับ ทั้งนี้ คาดว่า อนุกรรมการชุดดังกล่าว จะรีบสรุปเรื่องของพรรคพร้อมกับพรรคชาติไทย
ต่อมานายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่ง กกต.เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ได้เข้าชี้แจงต่อ คณะกรรมการสืบสวนฯ ภายหลังการชี้แจงนายสุนทร กล่าวว่า คณะกรรมการฯได้สอบถามว่าได้รับเงินสนับสนุนจากทางพรรคหรือไม่ ซึ่งได้ชี้แจงว่า ไม่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคแต่อย่างใด มีแต่กลุ่มของพวกตนช่วยกันออกเงินเอง ครั้งละ 1-2 หมื่นบ้าง อีกทั้งก่อนการเลือกตั้งก็มีการประชุมเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งก็ได้พูดคุย และห้ามผู้สมัครของพรรคซื้อเสียง ห้ามไปรับปากใคร หรือห้ามสัญญาว่าจะให้
"ส่วนเรื่องจะยุบพรรคหรือไม่นั้นไม่เกี่ยวกับผมแล้ว เพราะผมลาออกจากพรรคตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา และไม่ขอพูดเรื่องเหตุการณ์ภายในพรรค" นายสุนทร กล่าว
**เตรียมเรียกเลขาฯมฌ.-ชท.ชี้แจง
ขณะที่นายบุญทัน ดอกไธสง ประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนฯ เปิดเผย ว่าในการชี้แจงในส่วนของพรรคมัชฌิมาธิปไตย ทางผู้ชี้แจงระบุว่า ทางพรรคไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริตเลือกตั้งแต่อย่างใด พร้อมทั้งปฏิเสธเรื่องการจ่ายเงินให้กับผู้สมัคร โดยจะนำหลักฐานเป็นสมุดบัญชีของผู้สมัครมาให้
อย่างไรก็ตาม จากการรับฟังคำชี้แจงของทั้งสองพรรคการเมือง ก็มีความเห็นว่า ยังจำเป็นต้องเชิญเลขาธิการ ของทั้งสองพรรคมาให้ปากคำเพิ่มเติม โดยจะเชิญเลขาธิการพรรคชาติไทยมาในวันที่ 20 ก.พ. และ เลขาธิการพรรคมัชฌิมาธิปไตย มาในวันที่ 25 ก.พ. ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน เพราะตอนนี้ยังเหมือนหนังที่ยังฉายไม่หมด ยังขาดบางตอน เช่น พรรคมัชฌิมาธิปไตยที่เขาชี้แจงว่าในพรรคมีหลายกลุ่ม จึงจะเอาข้อมูลมาดูอีกที และจะให้เลขาธิการพรรคมาชี้แจง ทั้งนี้การสรุปสำนวน เสนอต่อ กกต. จะเสนอในทันทีที่ข้อมูลพร้อม และเสนอพร้อมกันทั้งสองพรรค
"ยืนยันว่า กกต.จะพิจารณาให้เร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ และได้สืบสวนมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ถ้าพิจารณาให้เสร็จไปเลยในวันเดียวมันก็อาจจะลวกๆ ซึ่งจะไม่ดี โดยหลังจากลงมติแล้ว กกต. ก็สามารถ เปิดเผยมติต่อสาธารณะได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าผลสอบของอนุกรรมการฯ ที่ระบุว่าให้ใบแดง นายยงยุทธ นั้นก็จะไม่ส่งผลต่อการพิจารณาของ กกต. และผมก็ไม่รู้สึกกดดัน เพราะผมทำทุกอย่างด้วยความตรงไปตรงมาที่สุด ไม่ได้มีอคติต่อใคร ดังนั้นความกดดันจึงไม่มี"
**ไม่มีมือที่มองไม่เห็นมาบีบกกต.
ประธานกกต. ยังปฏิเสธถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า มีมือที่มองไม่เห็นมากำกับการทำงานของ กกต. เพื่อจ้องทำลายรัฐบาลว่า "ไม่มี มือของผมมองเห็นทั้งนั้นเลย ไม่มีมือที่มองไม่เห็น ยืนยันได้ว่า กกต.ไม่อยู่ภายใต้การบังคับ หรืออิทธิพลจากใคร ฝ่ายใดทั้งสิ้น และไม่รู้สึกกดดันก็พูดไปได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่พวกเราก็ยืนยันว่า ทำด้วยความสุจริต ไม่มีผลประโยชน์จากผู้ใด ตรงไปตรงมาที่สุด"
นายอภิชาต ยังยืนยันว่าการทำงานที่ผ่านมาไม่มีใครมาแทรกแซง หรือกดดัน ทำงานด้วยความสบายใจ หากได้รับสำนวนแล้วก็พร้อมจะพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาให้มากที่สุด ส่วนหาก กกต.ลงมติไปแล้วนายยงยุทธไม่พอใจ ก็ถือเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากงานของกกต. เพราะเมื่อลงมติไปแล้ว ก็ถือว่าจบ
**ยึดข้อเท็จจริงเป็นหลักพิจารณา
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. บริหารการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า การพิจารณาของกกต. ดูจากพยานหลักฐานให้รอบคอบ เพราะเข้าใจดีและคำนึงถึงว่านายยงยุทธ เป็นบุคคลสำคัญในพรรค ซึ่งเราก็คำนึงว่าจะมีใครวางแผนไปกลั่นแกล้งนายยงยุทธหรือไม่ แต่ทั้งหมดต้องดูตามข้อเท็จจริง และคำให้การของพยาน รวมถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ส่วนใครจะทำหน้าที่สอบสวนมาก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องหลักคือ เป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยเราต้องวิเคราะห์จากคำให้การพยาน และพยานแวดล้อมต่างๆ ซึ่งเท่าที่ดูเบื้องต้น ทราบว่ากำนันผู้ใหญ่บ้านได้เดินทางมาจริง ซี่งรายละเอียดต่างๆ จะต้องพิจารณาจากสำนวนอีกครั้ง
"ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะให้ความเป็นธรรมทุกเรื่องและทุกฝ่าย รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินการ ส่วนจะชี้ขาดได้เลยหรือไม่ในวันนี้( 19 ก.พ.) ขอพิจารณาจากรายงานผลการสอบสวนก่อนว่ามีรายละเอียดต่างๆ มากน้อยอย่างไร แต่ก็จะพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว"
เมื่อถามว่า ผลที่ออกมาก่อนหน้านี้ทำให้กกต.รู้สึกกดดันหรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าข่าวออกมาอย่างไร เพราะจริงๆ แล้วกรรมการสอบสวนยังไม่ได้แถลงเป็นเรื่องเป็นราว ตนเองก็ทราบจากข่าวเหมือนกัน ต้องรอสำนวนเป็นทางการวันนี้( 19 ก.พ.)
ส่วนเรื่องความกดดัน ก็เป็นธรรมดา เพราะเป็นคดีสำคัญ และการสั่งคดีอะไรก็ต้องทำให้รอบคอบ ต้องดูให้ดี ต้องคำนึงถึงหลายด้าน และเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดผลกระทบได้ เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหา เป็นบุคคลมีตำแหน่งเป็นถึงประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบที่สุด
ส่วนที่นายสมัคร ระบุว่า ขณะนี้มีมือที่มองไม่เห็นมากดดันการทำงาน กกต.ในการพิจารณาสำนวนนายยงยุทธ นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต. เป็นองค์กรอิสระในรัฐธรรมนูญ การทำงานเรามีความเป็นกลาง เป็นธรรม และอิสระ ไม่ได้รับคำสั่งจากใคร หรือมีการชี้นำจากใคร เราพิจารณาไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายต่างๆอยู่แล้ว ขอให้มั่นใจ และโดยพื้นฐานองค์ประกอบของ กกต.ชุดนี้ มี 4 คนที่มาจากผู้พิพากษาศาลฎีกา 4 คน และอัยการ 1 คน
เมื่อถามว่าหากกรณีสำนวนนายยงยุทธ กกต. มีมติแจกใบแดง จะใช้เวลาส่งไปที่ศาลฎีกานานเท่าใด นายประพันธ์ กล่าวว่า เท่าที่ผ่านมา สำนวนที่ กกต. มีมติให้การให้ใบแดง ส่วนใหญ่ก็นำคำร้องไปยื่นให้ที่ศาลฎีกาภายใน 2 สัปดาห์ ซี่งหาก กกต. มีมติก็ต้องเร่งพิจารณาสำนวนเอกสาร และพยานส่งให้ศาลฎีกาให้เร็วที่สุด เพราะเมื่อศาลฎีการับคำร้อง ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ทันที กกต.ก็ต้องทำให้เร็ว
-------------------
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องมือที่มองไม่เห็นที่ นายสมัคร ออกมาพูดบ่อยๆนั้น นายสมัครต้องกล้าพูดว่าเป็นฝีมือของใคร เพราะวิธีการที่จะทำให้สังคมเกิดความสามัคคีนั้น ต้องไม่ใช่การส่งสัญญาณให้เกิดความระแวงโดยไม่มีข้อมูลแบบนี้ ดังนั้นต้องสอบสวนลงไปว่า มือที่มองไม่เห็นตามที่นายสมัครพูดนั้นเป็นใคร ถ้าผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องออกมาขู่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่อยากให้นายสมัครพูดถึงเรื่องมือที่มองไม่เห็นบ่อยๆ ถ้าอยากจะสร้างบรรยากาศของการสร้างความสมานฉันท์ ตามนโยบายของรัฐบาล แต่ถ้ามีใครทำอะไรผิดกฎหมายนอกระบบ ก็ขอให้จัดการไปตามกฎหมาย และตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ ไม่อยากให้พูดแล้วก็สร้างความแยก
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากทราบว่านายสมัคร พูดขึ้นมาเพราะอะไร ตั้งใจที่จะเรียกร้องความสงสาร หรือต้องการที่จะตีปลาหน้าไซ ว่า มีคนที่จ้องจะทำลายรัฐบาลอยู่ และถ้ามือที่มองไม่เห็นนั้นเป็นมือที่สกปรก ขณะนี้รัฐบาลมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ แล้วทำไมไม่ใช้อำนาจรัฐจัดการ เพราะถ้าเป็นมือสกปรก ก็แสดงว่าเป็นมือที่ไม่ถูกต้อง แต่ปัญหาก็คือ มือที่มองไม่เห็นนั้นอาจจะเป็นมือสะอาด ที่มาจัดการกับมือที่สกปรกหรือไม่ ที่ทำให้นายกฯ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงออกมาพูดเหมือนเป็นการตีปลาหน้าไซในขณะนี้ มาเรียกร้องความสงสาร ความเห็นใจอยู่ในขณะนี้หรือไม่
**"ยุทธ" ยันไม่ใช้ม็อบกดดันกกต.
ด้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าว ถึงเรื่องความเชื่อมั่นจากสมาชิกในการประชุมสภา เนื่องจากประธานมีปัญหาเกี่ยวกับการพิจารณาคดีเลือกตั้งจาก กกต. อยู่ ว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน และในการประชุมสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลนั้น หากตนไม่มาทำหน้าที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสนช. ซึ่งทำหน้าที่ด้วยนั้นก็จะเหนื่อย สำหรับเรื่องคดีของตนนั้น ก็เป็นเรื่องของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง วันนี้ถ้าเราติดกับดักความขัดแย้ง แล้วมาโต้ตอบ เถียงกันเป็นรายวัน งานก็จะไม่เดินไปไหน
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าจะมีม็อบจาก จ.เชียงราย มากดดันการพิจารณาของ กกต.ในคดีนี้ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่มี เป็นการสร้างข่าวเพื่อทำให้รู้สึกว่าตนเป็นคนไม่ดี ส่วนตัวเชื่อในความยุติธรรม อยากขอร้องว่าตอนนี้บ้านเมืองสงบแล้ว ไม่อยากให้มาคอยตั้งข้อกล่าวหา แล้วนำหลักฐานเท็จมาเล่นงานกัน บ้านเมืองจะไปไม่รอด
**"เสธ.ยอด"ให้ปากคำคดียุบมฌ.
พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย รักษาการหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย เดินทางเข้าชี้แจงต่ออนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณียุบพรรคของ กกต. ที่มีนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน ซึ่งภายหลังเข้าชี้แจงกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวว่า อนุกรรมการได้ถามคำถาม 8 ข้อ โดยเน้นถามเรื่องกรณีทุจริตเลือกตั้งที่ จ.ปราจีนบุรี ของนายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตกรรมการบริหารพรรค ที่ กกต. ให้ใบแดง ว่าพรรคมีส่วนรู้เห็น หรือเป็นไปตามมติของพรรคหรือไม่ ซึ่งตนได้ชี้แจงว่า พรรคไม่ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคเลย หลังจากวันที่ 4 ธ.ค. 50 ที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งทำให้กรรมการบริหารพรรคต้องพ้นสภาพไปด้วย เป็นเพียงรักษาการ กรรมการบริหารพรรคเท่านั้น และไม่มีส่วนรู้เห็น ซึ่งตนมั่นใจว่ากกต. จะให้ความเป็นธรรมกับพรรค จึงไม่หนักใจหรือห่วงเรื่องใด และขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามความจริง ที่ต้องยอมรับ ทั้งนี้ คาดว่า อนุกรรมการชุดดังกล่าว จะรีบสรุปเรื่องของพรรคพร้อมกับพรรคชาติไทย
ต่อมานายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่ง กกต.เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ได้เข้าชี้แจงต่อ คณะกรรมการสืบสวนฯ ภายหลังการชี้แจงนายสุนทร กล่าวว่า คณะกรรมการฯได้สอบถามว่าได้รับเงินสนับสนุนจากทางพรรคหรือไม่ ซึ่งได้ชี้แจงว่า ไม่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคแต่อย่างใด มีแต่กลุ่มของพวกตนช่วยกันออกเงินเอง ครั้งละ 1-2 หมื่นบ้าง อีกทั้งก่อนการเลือกตั้งก็มีการประชุมเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งก็ได้พูดคุย และห้ามผู้สมัครของพรรคซื้อเสียง ห้ามไปรับปากใคร หรือห้ามสัญญาว่าจะให้
"ส่วนเรื่องจะยุบพรรคหรือไม่นั้นไม่เกี่ยวกับผมแล้ว เพราะผมลาออกจากพรรคตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา และไม่ขอพูดเรื่องเหตุการณ์ภายในพรรค" นายสุนทร กล่าว
**เตรียมเรียกเลขาฯมฌ.-ชท.ชี้แจง
ขณะที่นายบุญทัน ดอกไธสง ประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนฯ เปิดเผย ว่าในการชี้แจงในส่วนของพรรคมัชฌิมาธิปไตย ทางผู้ชี้แจงระบุว่า ทางพรรคไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริตเลือกตั้งแต่อย่างใด พร้อมทั้งปฏิเสธเรื่องการจ่ายเงินให้กับผู้สมัคร โดยจะนำหลักฐานเป็นสมุดบัญชีของผู้สมัครมาให้
อย่างไรก็ตาม จากการรับฟังคำชี้แจงของทั้งสองพรรคการเมือง ก็มีความเห็นว่า ยังจำเป็นต้องเชิญเลขาธิการ ของทั้งสองพรรคมาให้ปากคำเพิ่มเติม โดยจะเชิญเลขาธิการพรรคชาติไทยมาในวันที่ 20 ก.พ. และ เลขาธิการพรรคมัชฌิมาธิปไตย มาในวันที่ 25 ก.พ. ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน เพราะตอนนี้ยังเหมือนหนังที่ยังฉายไม่หมด ยังขาดบางตอน เช่น พรรคมัชฌิมาธิปไตยที่เขาชี้แจงว่าในพรรคมีหลายกลุ่ม จึงจะเอาข้อมูลมาดูอีกที และจะให้เลขาธิการพรรคมาชี้แจง ทั้งนี้การสรุปสำนวน เสนอต่อ กกต. จะเสนอในทันทีที่ข้อมูลพร้อม และเสนอพร้อมกันทั้งสองพรรค