“อภิชาต” ปวดเศียรเวียนเกล้าแทน “หมัก” มือที่มองไม่เห็นหมายถึงใคร ย้ำไม่มีใครกดดันหนือแทรกแซง กกต.ได้แน่ ลั่นไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจการพิจารณาให้ใบแดง “ทั่นยุทธ” หรือไม่ วอนให้ใจเย็นที่ประชุมใหญ่อาจจะพิจารณาเสร็จไม่ทันพรุ่งนี้
วันนี้ (18 ก.พ.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.กล่าวถึงการพิจารณาสำนวนทุจริตเลือกตั้งเชียงราย ว่า ทางเจ้าหน้าที่รายงานว่า นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ จะนำผลสรุปสำนวนดังกล่าวมามอบให้ กกต.ด้วยตนเอง จึงค่อนข้างแน่นอนว่าวันที่ 19 ก.พ.จะสามารถนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุม กกต.ได้ โดย กกต.จะพิจารณาทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง แต่คงไม่สามารถตอบได้ว่าจะลงมติได้เลยหรือไม่ เพราะ กกต.ทั้ง 5 คนต้องใช้เวลาในการศึกษาสำนวนพอสมควร ซึ่งอาจจะมอบสำนวนให้ กกต.แต่ละคนนำสำนวนไปศึกษาแล้วนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง
“ยืนยันว่า กกต.จะพิจารณาให้เร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจและได้สืบสวนมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ถ้าพิจารณาให้เสร็จไปเลยในวันเดียวมันก็อาจจะลวกๆ ซึ่งจะไม่ดี โดยหลังจากลงมติแล้ว กกต.ก็สามารถเปิดเผยมติต่อสาธารณะได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ผลสอบของอนุกรรมการ ที่ระบุว่า ให้ใบแดงนายยงยุทธนั้นก็จะไม่ส่งผลต่อการพิจารณาของ กกต.และผมก็ไม่รู้สึกกดดัน เพราะผมทำทุกอย่างด้วยความตรงไปตรงมาที่สุด ไม่ได้มีอคติต่อใคร ดังนั้นความกดดันจึงไม่มี”
ประธาน กกต.ยังปฏิเสธถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯออกมาระบุว่า มีมือที่มองไม่เห็นมากำกับการทำงานของ กกต.เพื่อจ้องทำลายรัฐบาล ว่า “ไม่มี มือของผมมองเห็นทั้งนั้นเลย ไม่มีมือที่มองไม่เห็น ยืนยันได้ว่า กกต.ไม่อยู่ภายใต้การบังคับหรืออิทธิพลจากใคร ฝ่ายใดทั้งสิ้น และไม่รู้สึกกดดันก็พูดไปได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่พวกเราก็ยืนยันว่า ทำด้วยความสุจริต ไม่มีผลประโยชน์จากผู้ใด ตรงไปตรงมาที่สุด”
นายอภิชาต ยังยืนยันว่า การทำงานที่ผ่านมาไม่มีใครมาแทรกแซง หรือกดดัน ทำงานด้วยความสบายใจ หากได้รับสำนวนแล้วก็พร้อมจะพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาให้มากที่สุด ส่วนหากกกต.ลงมติไปแล้วนายยงยุทธไม่พอใจ ก็ถือเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากงานของ กกต. เพราะเมื่อลงมติไปแล้วก็ถือว่าจบ
ด้าน นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.บริหารการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า การพิจารณาของ กกต.ดูจากพยานหลักฐานให้รอบคอบ เพราะเข้าใจดีและคำนึงถึงว่า นายยงยุทธ เป็นบุคคลสำคัญในพรรค ซึ่งเราก็คำนึงว่าจะมีใครวางแผนไปกลั่นแกล้งนายยงยุทธหรือไม่ แต่ทั้งหมดต้องดูตามข้อเท็จจริงและคำให้การของพยาน รวมถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ส่วนใครจะทำหน้าที่สอบสวนมาก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องหลักคือเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยเราต้องวิเคราะห์จากคำให้การพยาน และพยานแวดล้อมต่างๆ ซึ่งเท่าที่ดูเบื้องต้น ทราบว่า กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านได้เดินทางมาจริง ซี่งรายละเอียดต่างๆ จะต้องพิจารณาจากสำนวนอีกครั้ง และคณะกรรมการขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับสำนวนอย่างเป็นทางการจากฝ่ายสืบสวนสอบสวน ที่ได้ไปสอบเพิ่มมา
“ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะให้ความเป็นธรรมทุกเรื่องและทุกฝ่าย รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินการ ส่วนจะชี้ขาดได้เลยหรือไม่ในวันนี้ (19) ขอพิจารณาจากรายงานผลการสอบสวนก่อนว่ามีรายละเอียดต่างๆ มากน้อยอย่างไร แต่ก็จะพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนประเด็นที่สำนวนอาจไม่สมบูรณ์ครบถ้วน กกต.ก็มีอำนาจในการสั่งสอบสวนเพิ่มเติมได้อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ต้องดูด้วยว่ามีความจำเป็นถึงขั้นนั้นหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่า มีการพิจารณาและขอขยายเวลาการสอบสวนมาหลายครั้งแล้ว”
เมื่อถามว่า ผลที่ออกมาก่อนหน้านี้ ทำให้ กกต.รู้สึกกดดันหรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าข่าวออกมาอย่างไร เพราะจริงๆ แล้วกรรมการสอบสวนยังไม่ได้แถลงเป็นเรื่องเป็นราว ตนเองก็ทราบจากข่าวเหมือนกัน ต้องรอสำนวนเป็นทางการวันนี้ (19) ส่วนเรื่องความกดดันก็เป็นธรรมดา เพราะเป็นคดีสำคัญ และการสั่งคดีอะไรก็ต้องทำให้รอบคอบ ต้องดูให้ดี ต้องคำนึงถึงหลายด้าน และเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดผลกระทบได้ เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหา เป็นบุคคลมีตำแหน่งเป็นถึงประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบที่สุด
ส่วนเรื่องการปล่อยข่าวหรือไม่นั้น ส่วนตัวยังไม่เคยคุยกับนายสุวิทย์เลย กกต.ถือว่าเมื่อมอบอำนาจให้คณะกรรมการชุดใด ก็ให้อิสระในการทำงานเต็มที่ และกรณีที่คณะอนุกรรมการได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนกกต.จะลงมตินั้น กกต.ก็ไม่ได้ออกเป็นกฎระเบียบห้ามให้ข่าว เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่สื่อมวชนถามและที่กรรมกมรทำก็เป็นเรื่องสำคัญ และเท่าที่ทราบนายสุวิทย์บอกว่าไม่ได้มีการแถลง แต่คิดว่าคงมีการประเมินจากสภาพแวดล้อม จากข้อเท็จจริงแล้วอาจคาดหมายกันไป
ส่วนที่ นายสมัคร ระบุว่า ขณะนี้มีมือที่มองไม่เห็นมากดดันการทำงาน กกต.ในการพิจารณาสำนวนนายยงยุทธ นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต.เป็นองค์กรอิสระในรัฐธรรมนูญ การทำงานเรามีความเป็นกลาง เป็นธรรมและอิสระ ไม่ได้รับคำสั่งจากใคร หรือมีการชี้นำจากใคร เราพิจารณาไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายต่างๆ อยู่แล้ว ขอให้มั่นใจ และโดยพื้นฐานองค์ประกอบของกกต.ชุดนี้ มี 4 คนที่มาจากผู้พิพากษาศาลฎีกา 4 คนและอัยการ 1 คน
เมื่อถามว่า หากกรณีสำนวน นายยงยุทธ กกต.มีมติแจกใบแดง จะใช้เวลาส่งไปที่ศาลฎีกานานเท่าใด นายประพันธ์ กล่าวว่า เท่าที่ผ่านมาสำนวนที่ กกต.มีมติให้การให้ใบแดง ส่วนใหญ่ก็นำคำร้องไปยื่นให้ที่ศาลฎีกาภายใน 2 สัปดาห์ ซี่งหาก กกต.มีมติก็ต้องเร่งพิจารณาสำนวนเอกสาร และพยานส่งให้ศาลฎีกาให้เร็วที่สุด เพราะเมื่อศาลฎีการับคำร้อง ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที กกต.ก็ต้องทำให้เร็ว
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการ กกต.เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการพิจารณาสรรหา ส.ว.ว่า คณะกรรมการได้สรรหา ส.ว.จนถึงวันที่ 17 ก.พ. และวันนี้ (18 ก.พ.) ตนก็จะไปรับผลการสรรหา ส.ว.ทั้ง 74 คน จาก นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะคณะกรรมสรรหา ส.ว.ซึ่งเราก็อยากให้เร็วที่สุด อาจจะรู้ผลในวันนี้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า การสรรหา ส.ว.ครั้งนี้ เราทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว ทุกคนต่างออกความเห็นอย่างตรงไปตรงมาและเลือกคนที่เห็นว่าดี โดยตามกฎหมายคนที่ได้รับเลือกตั้งจะต้องคะแนนถึง 4 เสียง ซึ่งก็เป็นไปตามกฎหมาย