xs
xsm
sm
md
lg

เพราะเลวจึงได้!

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

ถ้าผมเป็นคนเลว คงไม่ได้รับการสนับสนุนให้เดินหน้ามาได้ขนาดนี้หรอก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทยบอกกับนักข่าว หลังจากที่เขาเปิดเผยว่า เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มีคนตายเพียงคนเดียว

ชะรอยนายสมัคร สุนทรเวช จะสำคัญผิดระหว่างการเป็นคนดีกับคนเลว ระหว่างเกียรติยศศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์จะขึ้นอยู่กับตำแหน่ง หน้าที่ โดยคิดว่าการได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำของประเทศ ก็เท่ากับว่าเขาเป็นคนดี หรือดียิ่งกว่าคนอื่น เพราะเขาอยู่ในตำแหน่งผู้นำสูงสุด คนที่ไม่ได้ตำแหน่งแห่งที่เช่นเดียวกับนายสมัครเป็นคนเลว ยิ่งถ้าหากอยู่ท้ายแถวแล้วยิ่งจะต้องเลวมากๆ หรือมหาเลว โคตรเลว

ทั้งที่ไม่ใช่ และไม่จริง

ถ้าหากนายสมัคร สุนทรเวช จะสำรวจดูตัวเองให้ดีๆ แล้วก็จะพบว่า ที่มาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะนายสมัคร สามารถเพิ่มดีกรีความเลวของตัวเองเพิ่มขึ้นในระดับที่คนอื่นยังไม่สามารถที่จะเพิ่มดีกรีได้เท่านายสมัคร หรืออย่างน้อยที่สุดก็เพิ่มดีกรีความเลวให้แก่ตัวเอง เป็นต้นว่า นายสมัครเป็นบุคคลระดับหัวหน้าพรรคการเมืองที่ซื่อสัตย์ในระดับหนึ่ง ตรงไปตรงมาในระดับหนึ่ง มีความคิดทางการเมืองที่เป็นตัวของตัวเอง มีความเป็นผู้นำทางการเมือง จนกระทั่งสามารถนำพรรคประชากรไทย พรรคเกิดใหม่เอาชนะพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคเก่าพรรคแก่ (ให้กำเนิดชีวิตการเมืองนายสมัคร สุนทรเวช เสียด้วย) ได้อย่างชนิดไม่เห็นฝุ่น

ทุกวันนี้พรรคประชากรไทยที่นายสมัคร สุนทรเวช เคยภาคภูมิไปไหน

ทำไมวันนี้นายสมัคร ต้องมาบ่นรำพึงรำพันว่า ผมมันหัวเดียวกระเทียมลีบในพรรคพลังประชาชน

นายสมัคร สุนทรเวช ผ่านการเมืองมาจนจะเข้าโล่งในอีกไม่กี่เดือนกี่ปีข้างหน้านี้ จะไม่รู้เลยหรือว่าการเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนนั้นเพราะคำสั่งใคร ใครอุปโลกน์ให้

ถ้าหากนายสมัคร สุนทรเวช ยังรักศักดิ์ศรีรักเกียรติยศของตัวเองอยู่อย่างที่เคยประกาศก้องบนเวทีหาเสียง ไม่ว่าจะเป็นสนามหลวง สนามไชย นายสมัคร จะยอมเป็นหัวหน้าพรรคชนิดอุปโลกน์นี้ละหรือ

คนที่เคยชี้นิ้วสั่งการอย่างนายสมัคร สุนทรเวช มีหรือที่จะยอมให้ใครมาจัดโผบัญชีผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมความตั้งใจแล้ว มีหรือที่จะยอมให้คณะรัฐมนตรีขี้เหร่บ้างในสายตาของนายสมัคร

และลองพิจารณาดูเถอะว่า ในสายตาของนายสมัคร สุนทรเวช ยังเห็นความขี้เหร่แล้ว ในสายตาของประชาชนมันจะพิกลพิการขนาดไหน?

การเดินหน้ามาจนกระทั่งได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น จะบอกว่าเป็นความดีหรือวิเศษเลอเลิศประเสริฐศรีกว่าคนอื่นนั้นเห็นจะไม่ได้ดอก เว้นเสียแต่จะนิยามความดี ความเลว ต่างไปจากคนทั้งหลายทั้งปวงอย่างที่พูดมาแล้วนั่นอย่างหนึ่ง

อีกอย่างก็คือ การพูดปดมดเท็จอย่างที่นายสมัคร สุนทรเวช บอกว่า 6 ตุลาคม มีคนตายเพียงคนเดียวนั้น ถ้าหากหนังหน้าไม่หนาจริงๆ ก็จะไม่มีใครกล้าพูด เพราะนี่เป็นข้อเท็จจริงที่เห็นและรู้กันอยู่ไม่แต่เฉพาะคนไทย คนทั้งโลกเขาก็รู้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เกิดขึ้นในกลางกรุงเทพมหานคร สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ถ่ายทอดออกอากาศให้ประชาชนเห็นทั้งประเทศ สำนักข่าวต่างประเทศที่อยู่ในกรุงเทพมหานครต่างก็ทำข่าวชิ้นนี้

อย่าว่าแต่นายทะเบียนพรรค กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่กลายเป็นอดีตไปแล้ว หลายต่อหลายคนต่างอยู่ในเหตุการณ์ และถ้าหากเขาเหล่านั้นจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มอบให้จนกระทั่งพวกเขากลายเป็นคนบื้อใบ้ไปแล้ว ก็ไม่อาจจะลบเลือนประวัติศาสตร์นี้ได้

การที่นายสมัคร สุนทรเวช ก้าวมาถึงตรงนี้ได้ จึงเพราะความสามารถในการเพิ่มดีกรีความเลวให้กับตัวเองนั่นเอง

นี่จึงจะเป็นตรรกะที่ถูกต้อง

ตรรกะดังกล่าวนี้ใช้กับสิ่งอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมของเราทุกวันนี้ก็เห็นจะได้ เป็นต้น

ตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมา เราพยายามที่จะปฏิรูปการเมืองเพราะเราเห็นว่า เราเป็นประชาธิปไตยกันหลอกๆ ด้วยการเลือกตั้ง แล้วก็ได้รัฐบาลมาบริหารประเทศทำให้นักการเมืองส่วนหนึ่งและส่วนใหญ่เสียด้วยกลายเป็นนักธุรกิจการเมือง ทุ่มเทเงินทองไปกับการเลือกตั้ง เอาชนะการเลือกตั้ง แล้วก็มาเป็นรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี แล้วก็แสวงหาผลประโยชน์

ธุรกิจการเมืองสร้างความมั่งคั่งให้กับนักการเมืองยิ่งกว่าธุรกิจอื่นๆ (แม้กระทั่งธุรกิจที่ผิดกฎหมาย) เราจึงพยายามที่จะปฏิรูป พยายามที่จะแก้ไข

เสร็จแล้วก็ได้รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นอกจากไม่ปฏิรูปแล้ว เรายังถอยหลังไปสู่ปฏิกูลเสียอีก

มาวันนี้เรามีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ล่าสุดชื่อ นายสมัคร สุนทรเวช มีหน้ามาพูดเป็นเชิงถามประชาชนว่า “ถ้าผมเป็นคนเลว คงไม่ได้รับการสนับสนุนให้เดินหน้ามาได้ขนาดนี้หรอก”

ทั้งหลายทั้งปวงก็โดยที่นายสมัคร สุนทรเวช เข้าใจว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น จะเป็นตำแหน่งค้ำประกันว่าจะต้องเป็นคนดี มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี

เขาเลือกให้หัวหน้าพรรคพลังประชาชนก็เพราะเห็นว่า จะรับใช้เขาได้ มองเขาในแง่ดี เช่น ไม่เสียภาษีก็บอกว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่เสียภาษีอยู่แล้ว หรือเขาขายหุ้นให้ลูกหุ้นละบาท ก็บอกว่า ของๆ เขาๆ จะขายสักกี่สตางค์ก็เป็นเรื่องของเขา

หรือที่พูดถึงสถานีโทรทัศน์ไอทีวีว่า เขาทำอยู่ดีๆ ก็ไปยึดเขามา ทั้งที่ความเป็นจริงที่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไปยึดมาก็เพราะสถานีแห่งนี้ไม่จ่ายค่าปรับ ไม่จ่ายค่าสัมปทาน และผิดสัญญาอื่นๆ อีก

ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ควรที่จะเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี

บางคนก็ทำให้ตำแหน่งนี้ไร้ค่า ไร้ศักดิ์ศรี จนกระทั่งประชาชนเรียกว่า ทรราชย์มาแล้ว

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก

กำลังโหลดความคิดเห็น