ผู้จัดการรายวัน-"สมชาย" เข้าบัวแก้วเล่นปาหี่ต่อหน้าคณะทูต อ้างยึดมั่น ปชต. และหลัก กม. สร้างความปรองดองสมานฉันฑ์ ทั้งที่สั่งตำรวจฆ่าประชาชน เผยหลังรู้ข่าวพันธมิตรฯเตรียมบุกเผ่นหนีอุตลุด แถมพอหลบเข้าเยี่ยมตำรวจกลับเจอพันธมิตรฯหญิงใจเด็ด งัดมือตบเคาะไล่ พร้อมตระโกนด่า "สมชายทรราช" การ์ดนายกฯ ถ่อยให้ของลับกลับหน้าตาเฉย ขณะเดียวกันยังถูกเมียผู้บาดเจ็บพันธมิตรฯปฎิเสธถ่ายรูปด้วย "สมชาย" อ้างผู้ชุมนุมมีอาวุธทำให้ตำรวจต้องใช้ แก๊สน้ำตา สลาย ด้านทีม รภป. กุข่าวนายกฯจะถูกบึ้ม สั่งเปลี่ยนรถพัลวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัรฐมนตรี และ รมว.กลาโหม วานนี้ (8 ต.ค.) ว่า ตลอดคืนวันที่ 7 ต.ค. นายสมชาย ไม่ได้กลับบ้านทำให้บรรยากาศที่บ้านพัก หมู่บ้านเบเวอร์ลี่ฮิลส์ ถ.แจ้งวัฒนะ ค่อนข้างเงียบเหงา แต่ยังคงมีตำรวจคอยดูแลรักษาความปลอดภัยเกือบ 100 นาย นอกจากนี้ยังคงมีการนำรถควบคุมผู้ต้องหา 3 คันมาจอดบริเวณใกล้บ้านพัก 3 คัน ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจตรารถที่ผ่านเข้า-ออก บริเวณใกล้บ้านพักนายกรัฐมนตรี อย่างเข้มงวด พร้อมจดทะเบียนรถทุกคัน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกรัฐมนตรี ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ว่าเมื่อคืน ไปนอนที่ไหนจึงไม่อยู่บ้าน นายสมชาย กล่าวติดตลกว่า "ผมมีแม่บ้านหนึ่งคน แต่มีบ้านหลายหลัง"
ปาหี่ทูตจะสร้างความปรองดอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. นายสมชาย ได้เดินทางไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพบปะคณะทูตานุทูต 67 ประเทศและหัวหน้าสำนักงานองค์การระหว่างประเทศ ประจำประเทศไทย โดยมีเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยร่วมด้วย 48 ประเทศ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทย
นายสมชาย กล่าวสุนทรพจน์ตอนหนึ่งว่า 'รัฐบาลถือเป็นภาระหน้าที่ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อระบอบการเมืองไทย โดยจะยึดมั่นในหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภา และหลักแห่งกฎหมาย รัฐบาลจะแก้ไขปัญหา ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ ด้วยวิถีทางประชาธิปไตย และจะบริหารประเทศอย่างดีที่สุด เพื่อให้บรรลุความปรารถนาของประชาชนไทย ในการเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่น และความปรองดองสมานฉันท์ ประเทศไทยจะเป็นสังคมที่มีความเข้มแข็ง และสามารถผ่านมรสุมทางการเมืองในอดีตที่ผ่านมาอย่างมั่นคง
รู้ข่าวพันธมิตรฯจะมาหนีกระเจิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการพบปะพูดคุยดำเนินไปจนถึงเวลา 10.00 น. ทางเจ้าหน้าที่และตำรวจรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานว่ากลุ่มพันธมิตรประชาขนเพื่อประชาธิปไตย กำลังจะเดินทางมายังกระทรวงการต่างประเทศ ทำให้นายสมชายต้องรีบปฏิบัติภารกิจให้เสร็จก่อนเวลาที่วางไว้ และออกจากระทรวงไปในเวลา 10.30 น. โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
จากนั้นเวลา 10.50 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางมายังโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเยี่ยมตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่สลายการชุมนุมของ กลุ่มพันธมิตรฯที่บริเวณหน้ารัฐสภา ซึ่งพักฟื้นอยู่ 5 นาย ประกอบด้วย พล.ต.ต.โกสินธ์ บุญสร้าง รอง ผบ.ตชด. , ร.ต.ต.ภิญโญ สาระทอง ส.ต.ต.จักรพงษ์ แท่งทองหลาง สังกัด ด.ต.ณัฐนนท์ ศุภมงคลเจริญ ด.ต.เสก ตราเงิน กองกำกับ 2 บก.ตปท.บชน.
เชิดชู ตร.ที่ทำร้าย ปชช.ว่าเสียสละ
โดยนายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับด.ต.ณัฐนนท์ ที่ได้รับบาดเจ็บไหปลาร้าหัก ว่า ขอให้หายเร็วๆ ขอบคุณและภูมิใจที่ตำรวจมีความเสียสละและช่วยกันรักษาสถาบัน รักษาความสงบที่เกิดจากผู้ไม่หวังดี ทำให้เกิดความวุ่นวาย วันนี้ไม่ได้มาเยี่ยมเพื่อ เอาหน้าเอาตา ตนเองก็มีพี่ชายเป็นตำรวจ จึงรู้สึกสะเทือนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมแก้ไขปัญหาต่อไป ขอให้ผบ.ตร.ดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลอย่างเต็มที่
รปภ.นายกฯให้ของลับผู้หญิงไล่"สมชาย"
ผู้สื่อข่าวรายงานระหว่างที่นายกฯเดินเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ จากตึกใหม่ไปยังตึกเก่า ได้มีหญิงคนหนึ่งวัยกลางคนได้ควัก"มือตบ" ขึ้นมาตบพร้อมตะโกนว่า "สมชายทรราชย์ สมชายยิงคนตาย" ซึ่งนายกฯเดินผ่าน ไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ทีมงานรักษาความปลอดภัยนายกฯซึ่งเป็นตำรวจนายหนึ่ง ที่ยืนประจำจุดบริเวณนั้น ออกอาการไม่พอใจ ตะโกนให้ของลับดังลั่นใส่ผู้หญิงคนดังกล่าวหน้าตาเฉย
นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้ไปกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญทูต ที่ประจำอยู่ในประเทศไทยไว้หลายวันแล้ว เพื่อให้ทราบถึงนโยบายการทำงาน และความร่วมมือระหว่างประเทศในโอกาสที่มีนายกฯใหม่ เพื่อกระชับความเป็นมิตรฯ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถทำงานได้ ซึ่งเรายึดหลักกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การมาที่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้มาเยี่ยมเฉพาะตำรวจ แต่มาเยี่ยมทั่วๆไปที่ได้รับบาดเจ็บ
อ้างสลายการชุมนุมตามแบบสากล
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะสร้างความสมานฉันท์ให้กับบ้านเมือง ได้อย่างไร นายสมชายกล่าวว่า จะเห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (7 ต.ค.) ทั้ง ส.ส.และส.ว.เข้าไปประชุมในสภา และมีคนที่จะบุกรุกเข้ามา มีความวุ่นวายอย่างที่เห็น เมื่อถามว่า แผนปฏิบัติการที่ใช้เหตุใดจึงทำให้เกิดความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย นายสมชาย กล่าวว่า มันไม่ใช่การปฏิบัติอะไรที่รุนแรงหรือไม่รุนแรง สถานการณ์เมื่อวาน มีความพยายามที่จะยึดสภา ซึ่งการใช้แก๊สน้ำตาของตำรวจถือเป็นเรื่องสากลในการระงับเหตุจลาจล ส่วนตำรวจที่ได้รับบาดเหตุเพราะถูกปืนยิง ถูกแทง เหล็กแหลมบ้าง เสาธงบ้าง ทำให้เห็นว่าผู้ที่มาชุมนุมไม่ได้ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ แต่มีการทำร้ายอย่างนั้น ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บจากการยิงแก๊สน้ำตานั้น ทางแพทย์ได้แถลงแล้วว่า แก๊สน้ำตาไม่ได้ทำให้สูญเสียอวัยวะ หรืออะไร
ส่วนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นความพยายามที่จะเจรจาระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรฯถือว่าปิดประตูตายหรือไม่นั้น นายสมชายกล่าวว่า มันไม่มีอะไรปิดประตูตายหรอก ต้องพยายามเรื่อยไป เมื่อถามว่า จะหาจุดจบเรื่องนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องพยายามทำ
ส่วนจะมีการตรวจสอบกรณีผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บ และต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ทางตำรวจก็ต้องดำเนินการตรวจสอบ เมื่อถามว่า หลังจากนี้รัฐบาลเตรียมการรับมืออย่างไร นายสมชายกล่าวว่า ให้ทางตำรวจดูแล
สร้างภาพเยี่ยมคนเจ็บพันธมิตรฯ
จากนั้นเวลา 12.00 น. นายสมชายเดินทางต่อมายังโรงพยาบาลพระมงกุฎ เพื่อเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งส่วนใหญ่เป็นแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยนายกฯขึ้นไปชั้น 5 ของตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เข้าห้องที่มีกลุ่มพันธมิตรฯนอนรักษาตัวอยู่ 3 คน ประกอบด้วย นายนเรศ พงษ์พานิช จาก จ.พิจิตร นายวรรณชนะ จั่นสำอางค์ จ.นนทบุรี และ นายสุชน สุขพิทักษ์ จ.นราธิวาส โดยนายกฯ ได้มอบดอกไม้และกระเช้าผลไม้พร้อมทั้งให้กำลังใจให้หายเร็วๆ
โดยนายสมชายได้คุยกับนายสุชนซึ่งเป็นคนขับรถของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นภาษาใต้ว่า รู้สึกเห็นใจ ตนไม่ได้แบ่งแยกว่าใครเป็นใคร เป็นคนไทยด้วยกัน ไม่อยากให้ใครบาดเจ็บ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเราไม่เข้าใจกัน บรรยากาศที่เกิดขึ้นทำให้เสียเวลาทำงาน เราเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือคนขับรถ เป็นห่วงกัน ไม่แตกแยกกัน
หน้าแหกถูกปฎิเสธถ่ายรูปด้วย
พร้อมกันนี้นายสมชายยังได้แลกกันดูพระที่แขวนคอกับนายสุชน และพูดว่า เคราะห์ดีที่ไม่เป็นอะไรมาก หลวงพ่อทวดท่านคุ้มครอง ทั้งนี้เมื่อนายสมชาย เรียกให้ ภรรยาของนายสุชนไปร่วมพูดคุยและถ่ายรูปด้วย ภรรยาของนายสุชนได้ตอบปฏิเสธ พร้อมทั้งกระซิบกับผู้สื่อข่าวว่า "พี่ไม่อยากถ่าย ตะกี้ยังกลัวว่าแฟนพี่จะต่อยหน้านายกฯหรือเปล่าเลย"
ขณะที่นายสุชนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ผมกับนายกฯสมชายได้มีอะไรกัน แต่คนที่ผมไม่ชอบและต้องการจะขับไล่คือคนที่อยู่ลอนดอน ผมไม่ชอบระบอบทักษิณ จึงมาร่วมขับไล่กับพันธมิตร ซึ่งมาตั้งนานแล้ว ถ้าหายป่วยก็จะกลับไปร่วมชุมนุมอีกอย่างแน่นอน"
ถกกรอ.วางแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บของกลุ่มพันธมิตรฯแล้ว นายสมชาย ได้เดินทางไปไปยังทำเนัยบรัฐบาลชั่วคราว ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ เพื่อประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.)
นายสมชาย ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ได้เชิญทางภาครัฐและเอกชน มาร่วมประชุมเพื่อที่จะผลักดันในเรื่องเศรษฐกิจ โดยเชิญภาคเอกชนมาให้ข้อมูล มาให้ความรู้ เพื่อทำงานประสานงานร่วมกับภาครัฐ โดยมีดร.โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกฯ และรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ร่วมประชุมด้วย เรามีแผนงานหลายๆ อย่างเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศในภาครวม
ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพฤหัสบดีที่ 9 ต.ค.นี้นั้น นายกฯ กล่าวว่า เป็นการเลื่อนการประชุมครม.จากวันอังคารซึ่งติดแถลงนโยบายรัฐบาล จึงเลื่อนมาเป็นวันพฤหัสบดี ซึ่งจะมีการมอบหมายงานในกรณีที่นายกฯไม่อยู่ว่า ใครจะปฏิบัติหน้าที่แทน และตั้งตำแหน่งต่างๆ ที่จะมาช่วยงานรัฐมนตรี ทั้งเลขานุการ รมต. ที่ปรึกษา และนโยบายรัฐบาลเมื่อประกาศใช้แล้วก็ต้องเริ่มทำงาน
ไม่พูดใครสั่งสลายการชุมนุม
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์การเมืองอย่างนี้รัฐบาลจะทำงานได้อย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า ตนก็พยายามทำงานเมื่อมีเหตุอะไรทำให้เป็นอุปสรรค เราก็หยุดทำงานไม่ได้ เมื่อถามว่า การลาออกของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จากรองนายกฯ มีผลแล้วหรือยัง นายสมชาย กล่าวว่า มีผลแล้ว ตนได้รับใบลาออก จากท่านแล้ว ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คนที่สั่งจัดการสถานการณ์ทางการเมืองเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาคือพล.อ.ชวลิตใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า "อย่าไปนั้นเลย" ส่วนจะมอบใครทำงานพล.อ.ชวลิตนั้น ตนกำลังดูอยู่
ขณะที่นายกฯได้ขอส่วนตัวเดินทางกลับบ้านพัก โดยแจ้งว่า จะกลับมาดอนเมืองอีกครึ่งหนึ่ง
นายกฯผวาบึ้มเปลี่ยนรถเป็นว่าเล่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ร้อนระอุขึ้น เป็นเหตุให้ทีมรักษาความปลอดภัยของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ต้องเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะรถประจำตำแหน่งของนายกฯ เป็นที่น่าสังเกตว่าได้มีการสับเปลี่ยนคันตลอดเวลาในช่วงระหว่างวัน
ล่าสุดนายสมชายจึงได้ใช้รถเบนซ์สีดำ รุ่นเอส 500 หมายเลขทะเบียน ภต 777 เดินทางเข้ามาปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวในช่วงเย็นวันเดียวกัน เนื่องจากทางการข่าวแจ้งว่ามีกลุ่มบุคคลมุ่งหมายเอาชีวิตนายกรัฐมนตรี เช่น กรณีการเกิดเหตุระเบิดรถจิ๊บเชโรกี บริเวณหน้าพรรคชาติไทย เป้าประสงค์ที่แท้จริง คือขบวนรถของนายกรัฐมนตรี ที่ใช้เส้นทางดังกล่าวผ่านเข้าออกรัฐสภา โดยมีเจตนา ที่จะให้เกิดการระเบิดขณะที่ขบวนรถผ่าน แต่สถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำให้แผนการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัรฐมนตรี และ รมว.กลาโหม วานนี้ (8 ต.ค.) ว่า ตลอดคืนวันที่ 7 ต.ค. นายสมชาย ไม่ได้กลับบ้านทำให้บรรยากาศที่บ้านพัก หมู่บ้านเบเวอร์ลี่ฮิลส์ ถ.แจ้งวัฒนะ ค่อนข้างเงียบเหงา แต่ยังคงมีตำรวจคอยดูแลรักษาความปลอดภัยเกือบ 100 นาย นอกจากนี้ยังคงมีการนำรถควบคุมผู้ต้องหา 3 คันมาจอดบริเวณใกล้บ้านพัก 3 คัน ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจตรารถที่ผ่านเข้า-ออก บริเวณใกล้บ้านพักนายกรัฐมนตรี อย่างเข้มงวด พร้อมจดทะเบียนรถทุกคัน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกรัฐมนตรี ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ว่าเมื่อคืน ไปนอนที่ไหนจึงไม่อยู่บ้าน นายสมชาย กล่าวติดตลกว่า "ผมมีแม่บ้านหนึ่งคน แต่มีบ้านหลายหลัง"
ปาหี่ทูตจะสร้างความปรองดอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. นายสมชาย ได้เดินทางไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพบปะคณะทูตานุทูต 67 ประเทศและหัวหน้าสำนักงานองค์การระหว่างประเทศ ประจำประเทศไทย โดยมีเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยร่วมด้วย 48 ประเทศ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทย
นายสมชาย กล่าวสุนทรพจน์ตอนหนึ่งว่า 'รัฐบาลถือเป็นภาระหน้าที่ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อระบอบการเมืองไทย โดยจะยึดมั่นในหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภา และหลักแห่งกฎหมาย รัฐบาลจะแก้ไขปัญหา ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ ด้วยวิถีทางประชาธิปไตย และจะบริหารประเทศอย่างดีที่สุด เพื่อให้บรรลุความปรารถนาของประชาชนไทย ในการเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่น และความปรองดองสมานฉันท์ ประเทศไทยจะเป็นสังคมที่มีความเข้มแข็ง และสามารถผ่านมรสุมทางการเมืองในอดีตที่ผ่านมาอย่างมั่นคง
รู้ข่าวพันธมิตรฯจะมาหนีกระเจิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการพบปะพูดคุยดำเนินไปจนถึงเวลา 10.00 น. ทางเจ้าหน้าที่และตำรวจรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานว่ากลุ่มพันธมิตรประชาขนเพื่อประชาธิปไตย กำลังจะเดินทางมายังกระทรวงการต่างประเทศ ทำให้นายสมชายต้องรีบปฏิบัติภารกิจให้เสร็จก่อนเวลาที่วางไว้ และออกจากระทรวงไปในเวลา 10.30 น. โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
จากนั้นเวลา 10.50 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางมายังโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเยี่ยมตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่สลายการชุมนุมของ กลุ่มพันธมิตรฯที่บริเวณหน้ารัฐสภา ซึ่งพักฟื้นอยู่ 5 นาย ประกอบด้วย พล.ต.ต.โกสินธ์ บุญสร้าง รอง ผบ.ตชด. , ร.ต.ต.ภิญโญ สาระทอง ส.ต.ต.จักรพงษ์ แท่งทองหลาง สังกัด ด.ต.ณัฐนนท์ ศุภมงคลเจริญ ด.ต.เสก ตราเงิน กองกำกับ 2 บก.ตปท.บชน.
เชิดชู ตร.ที่ทำร้าย ปชช.ว่าเสียสละ
โดยนายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับด.ต.ณัฐนนท์ ที่ได้รับบาดเจ็บไหปลาร้าหัก ว่า ขอให้หายเร็วๆ ขอบคุณและภูมิใจที่ตำรวจมีความเสียสละและช่วยกันรักษาสถาบัน รักษาความสงบที่เกิดจากผู้ไม่หวังดี ทำให้เกิดความวุ่นวาย วันนี้ไม่ได้มาเยี่ยมเพื่อ เอาหน้าเอาตา ตนเองก็มีพี่ชายเป็นตำรวจ จึงรู้สึกสะเทือนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมแก้ไขปัญหาต่อไป ขอให้ผบ.ตร.ดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลอย่างเต็มที่
รปภ.นายกฯให้ของลับผู้หญิงไล่"สมชาย"
ผู้สื่อข่าวรายงานระหว่างที่นายกฯเดินเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ จากตึกใหม่ไปยังตึกเก่า ได้มีหญิงคนหนึ่งวัยกลางคนได้ควัก"มือตบ" ขึ้นมาตบพร้อมตะโกนว่า "สมชายทรราชย์ สมชายยิงคนตาย" ซึ่งนายกฯเดินผ่าน ไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ทีมงานรักษาความปลอดภัยนายกฯซึ่งเป็นตำรวจนายหนึ่ง ที่ยืนประจำจุดบริเวณนั้น ออกอาการไม่พอใจ ตะโกนให้ของลับดังลั่นใส่ผู้หญิงคนดังกล่าวหน้าตาเฉย
นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้ไปกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญทูต ที่ประจำอยู่ในประเทศไทยไว้หลายวันแล้ว เพื่อให้ทราบถึงนโยบายการทำงาน และความร่วมมือระหว่างประเทศในโอกาสที่มีนายกฯใหม่ เพื่อกระชับความเป็นมิตรฯ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถทำงานได้ ซึ่งเรายึดหลักกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การมาที่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้มาเยี่ยมเฉพาะตำรวจ แต่มาเยี่ยมทั่วๆไปที่ได้รับบาดเจ็บ
อ้างสลายการชุมนุมตามแบบสากล
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะสร้างความสมานฉันท์ให้กับบ้านเมือง ได้อย่างไร นายสมชายกล่าวว่า จะเห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (7 ต.ค.) ทั้ง ส.ส.และส.ว.เข้าไปประชุมในสภา และมีคนที่จะบุกรุกเข้ามา มีความวุ่นวายอย่างที่เห็น เมื่อถามว่า แผนปฏิบัติการที่ใช้เหตุใดจึงทำให้เกิดความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย นายสมชาย กล่าวว่า มันไม่ใช่การปฏิบัติอะไรที่รุนแรงหรือไม่รุนแรง สถานการณ์เมื่อวาน มีความพยายามที่จะยึดสภา ซึ่งการใช้แก๊สน้ำตาของตำรวจถือเป็นเรื่องสากลในการระงับเหตุจลาจล ส่วนตำรวจที่ได้รับบาดเหตุเพราะถูกปืนยิง ถูกแทง เหล็กแหลมบ้าง เสาธงบ้าง ทำให้เห็นว่าผู้ที่มาชุมนุมไม่ได้ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ แต่มีการทำร้ายอย่างนั้น ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บจากการยิงแก๊สน้ำตานั้น ทางแพทย์ได้แถลงแล้วว่า แก๊สน้ำตาไม่ได้ทำให้สูญเสียอวัยวะ หรืออะไร
ส่วนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นความพยายามที่จะเจรจาระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรฯถือว่าปิดประตูตายหรือไม่นั้น นายสมชายกล่าวว่า มันไม่มีอะไรปิดประตูตายหรอก ต้องพยายามเรื่อยไป เมื่อถามว่า จะหาจุดจบเรื่องนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องพยายามทำ
ส่วนจะมีการตรวจสอบกรณีผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บ และต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ทางตำรวจก็ต้องดำเนินการตรวจสอบ เมื่อถามว่า หลังจากนี้รัฐบาลเตรียมการรับมืออย่างไร นายสมชายกล่าวว่า ให้ทางตำรวจดูแล
สร้างภาพเยี่ยมคนเจ็บพันธมิตรฯ
จากนั้นเวลา 12.00 น. นายสมชายเดินทางต่อมายังโรงพยาบาลพระมงกุฎ เพื่อเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งส่วนใหญ่เป็นแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยนายกฯขึ้นไปชั้น 5 ของตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เข้าห้องที่มีกลุ่มพันธมิตรฯนอนรักษาตัวอยู่ 3 คน ประกอบด้วย นายนเรศ พงษ์พานิช จาก จ.พิจิตร นายวรรณชนะ จั่นสำอางค์ จ.นนทบุรี และ นายสุชน สุขพิทักษ์ จ.นราธิวาส โดยนายกฯ ได้มอบดอกไม้และกระเช้าผลไม้พร้อมทั้งให้กำลังใจให้หายเร็วๆ
โดยนายสมชายได้คุยกับนายสุชนซึ่งเป็นคนขับรถของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นภาษาใต้ว่า รู้สึกเห็นใจ ตนไม่ได้แบ่งแยกว่าใครเป็นใคร เป็นคนไทยด้วยกัน ไม่อยากให้ใครบาดเจ็บ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเราไม่เข้าใจกัน บรรยากาศที่เกิดขึ้นทำให้เสียเวลาทำงาน เราเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือคนขับรถ เป็นห่วงกัน ไม่แตกแยกกัน
หน้าแหกถูกปฎิเสธถ่ายรูปด้วย
พร้อมกันนี้นายสมชายยังได้แลกกันดูพระที่แขวนคอกับนายสุชน และพูดว่า เคราะห์ดีที่ไม่เป็นอะไรมาก หลวงพ่อทวดท่านคุ้มครอง ทั้งนี้เมื่อนายสมชาย เรียกให้ ภรรยาของนายสุชนไปร่วมพูดคุยและถ่ายรูปด้วย ภรรยาของนายสุชนได้ตอบปฏิเสธ พร้อมทั้งกระซิบกับผู้สื่อข่าวว่า "พี่ไม่อยากถ่าย ตะกี้ยังกลัวว่าแฟนพี่จะต่อยหน้านายกฯหรือเปล่าเลย"
ขณะที่นายสุชนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ผมกับนายกฯสมชายได้มีอะไรกัน แต่คนที่ผมไม่ชอบและต้องการจะขับไล่คือคนที่อยู่ลอนดอน ผมไม่ชอบระบอบทักษิณ จึงมาร่วมขับไล่กับพันธมิตร ซึ่งมาตั้งนานแล้ว ถ้าหายป่วยก็จะกลับไปร่วมชุมนุมอีกอย่างแน่นอน"
ถกกรอ.วางแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บของกลุ่มพันธมิตรฯแล้ว นายสมชาย ได้เดินทางไปไปยังทำเนัยบรัฐบาลชั่วคราว ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ เพื่อประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.)
นายสมชาย ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ได้เชิญทางภาครัฐและเอกชน มาร่วมประชุมเพื่อที่จะผลักดันในเรื่องเศรษฐกิจ โดยเชิญภาคเอกชนมาให้ข้อมูล มาให้ความรู้ เพื่อทำงานประสานงานร่วมกับภาครัฐ โดยมีดร.โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกฯ และรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ร่วมประชุมด้วย เรามีแผนงานหลายๆ อย่างเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศในภาครวม
ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพฤหัสบดีที่ 9 ต.ค.นี้นั้น นายกฯ กล่าวว่า เป็นการเลื่อนการประชุมครม.จากวันอังคารซึ่งติดแถลงนโยบายรัฐบาล จึงเลื่อนมาเป็นวันพฤหัสบดี ซึ่งจะมีการมอบหมายงานในกรณีที่นายกฯไม่อยู่ว่า ใครจะปฏิบัติหน้าที่แทน และตั้งตำแหน่งต่างๆ ที่จะมาช่วยงานรัฐมนตรี ทั้งเลขานุการ รมต. ที่ปรึกษา และนโยบายรัฐบาลเมื่อประกาศใช้แล้วก็ต้องเริ่มทำงาน
ไม่พูดใครสั่งสลายการชุมนุม
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์การเมืองอย่างนี้รัฐบาลจะทำงานได้อย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า ตนก็พยายามทำงานเมื่อมีเหตุอะไรทำให้เป็นอุปสรรค เราก็หยุดทำงานไม่ได้ เมื่อถามว่า การลาออกของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จากรองนายกฯ มีผลแล้วหรือยัง นายสมชาย กล่าวว่า มีผลแล้ว ตนได้รับใบลาออก จากท่านแล้ว ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คนที่สั่งจัดการสถานการณ์ทางการเมืองเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาคือพล.อ.ชวลิตใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า "อย่าไปนั้นเลย" ส่วนจะมอบใครทำงานพล.อ.ชวลิตนั้น ตนกำลังดูอยู่
ขณะที่นายกฯได้ขอส่วนตัวเดินทางกลับบ้านพัก โดยแจ้งว่า จะกลับมาดอนเมืองอีกครึ่งหนึ่ง
นายกฯผวาบึ้มเปลี่ยนรถเป็นว่าเล่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ร้อนระอุขึ้น เป็นเหตุให้ทีมรักษาความปลอดภัยของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ต้องเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะรถประจำตำแหน่งของนายกฯ เป็นที่น่าสังเกตว่าได้มีการสับเปลี่ยนคันตลอดเวลาในช่วงระหว่างวัน
ล่าสุดนายสมชายจึงได้ใช้รถเบนซ์สีดำ รุ่นเอส 500 หมายเลขทะเบียน ภต 777 เดินทางเข้ามาปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวในช่วงเย็นวันเดียวกัน เนื่องจากทางการข่าวแจ้งว่ามีกลุ่มบุคคลมุ่งหมายเอาชีวิตนายกรัฐมนตรี เช่น กรณีการเกิดเหตุระเบิดรถจิ๊บเชโรกี บริเวณหน้าพรรคชาติไทย เป้าประสงค์ที่แท้จริง คือขบวนรถของนายกรัฐมนตรี ที่ใช้เส้นทางดังกล่าวผ่านเข้าออกรัฐสภา โดยมีเจตนา ที่จะให้เกิดการระเบิดขณะที่ขบวนรถผ่าน แต่สถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำให้แผนการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย