พันธมิตรฯเชื่อกระแสต่อต้านแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งใหม่จะยิ่งสูงขึ้น พร้อมทั้งระบุหมดเวลาปรับครม.แล้ว ชี้หมดสภาพเหมือนเรือกำลังจะจมสู่ก้นทะเลแล้ว มีทางเดียวต้องสละเรือ ย้ำพรุ่งนี้(15 ก.ค.)นำรายชื่อกว่า 3 หมื่นชื่อยื่นถอดถอน ครม.ทั้งคณะ
วันนี้(14 ก.ค.) เมื่อเวลา 18.30 นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญถือเป็นทางรอดเดียวของรัฐบาล ซึ่งเราจะต่อต้านคัดค้านทุกรูปแบบอย่างถึงที่สุด บนแนวทางสันติวิธี เพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงมติของคน 14.7 ล้านเสียง ดังนั้นควรจะรอให้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ข้อยุติเสียก่อน ไม่อย่านั้นแล้วจะเป็นเพียงการเอาชนะคะคานมากกว่าการปฎิรูปการเมือง อย่างแท้จริง และมั่นใจว่า ประชาชนที่เป็นกลางหรือยัง 50-50 นั้น ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ โดยสังเกตได้จากผลโพลของสำนักต่างๆ
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา ตนและแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯได้นำรายชื่อจำนวน 38,000 ชื่อ ไปยื่นถอดถอนส.ส. และส.ว. ที่ร่วมลงชื่อในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตนได้สอบถามฝ่ายกฎหมายของวุฒิสภาแล้วได้รับคำยืนยันว่า ไม่ใช่หน้าที่ของวุฒิสภา ที่จะชี้ว่า ส.ส.และ ส.ว. นั้นเข้าข่ายถูกถอดถอนด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หาก ป.ป.ช. หยิบมาพิจารณาแล้วชี้มูลว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายขัดกันต่อผลประโยชน์จะทำให้จำนวน 1 ใน 3 ของส.ส. และส.ว. ที่ร่วมลงชื่อต้องยุติการปฎิบัติหน้าที่ทันที
สำหรับการปรับครม. ที่อาจจะมีการปรับใหญ่นั้น ปัญหาอยู่ที่ความน่าเชื่อถือ ของตัวผู้นำ และเป็นความไม่ไว้วางใจของประชาชนต่อครม.ทั้งคณะ ไม่ใช่ต่อใครคนใดคนหนึ่ง ถ้าเปรียบครม. เหมือนเรือ ก็เป็นเรื่อที่ไม่ได้รั่ว แต่มันกำลังจม ดังนั้นทางเดียวคือต้องโดดเรือ หรือหาเรือลำใหม่อยู่ ดังนั้นตนไม่เชื่อว่าจะสามารถหาคนนอกมาร่วมรัฐบาลได้เพราะตั้งแต่เดือน ก.พ. รัฐบาลก็ถูกปฎิเสธตลอด เพราะเขาไม่เชื่อว่า จะได้แสดงความสามมารถอย่างเต็มที่ แต่จะถูกบงการโดย ทักษิณ ทั้งนี้ชะตากรรมของรัฐบาลชุดนี้ เป็นจำเลยทั้งในศาลและนอกศาล แล้วคนนอกจะมาร่วมรัฐบาลด้วยได้อย่างไร เพราะรัฐบาลเป็นจำเลยของสังคม เปรียบเหมือนสามเณร ที่ไม่มีวันไปบวชที่วัดที่เจ้าอาวาสถูกลูกบ้านไล่จับถอดผ้าเหลือง สุดท้ายก็จะได้แต่คนนอกพรรค แต่ยังอยูในเครือข่าย ทักษิณ มาร่วมรัฐบาล
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.00 น. ตนจะนำรายชื่อประชาชนซึ่งขณะนี้เกิน 30,000 รายชื่อแล้ว ไปยื่นถอดถอนครม. ทั้งคณะ ต่อประธานวุฒิสภา แต่สำนวนถอดถอนนั้น เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาภายหลัง ว่า จะถอดถอนครม. ทั้งคณะไม่ได้ เราจึงแยกทำเป็น 34 สำนวน
สำหรับความขัดแย้งของกลุ่มผู้สนับสนุนและต่อต้านพันธมิตรฯในต่างจังหวัด นายสุริยะใส กล่าวว่า เจ้าภาพของแต่ละจังหวัดยังยืนยันว่าจะจัดต่อไม่หวั่นไหว และคนพันธมิตรฯ มาด้วยใจ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องตรงไปตรงมาไม่ปากว่าตาขยิบ อย่างไรก็ตามตนได้คุยกับแกนนำในต่างจังหวัดว่า หากจุดใดมีความล่อแหลมก็ไม่ควรจัด แต่ตนถูกปฎิเสธว่า จะยังคงจัด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เชื่อว่าวันนี้ คนที่เคยรักษาระยะห่างกับกลุ่มพันธมิตรฯ หลายคนก็ได้ติดต่อมาที่ตน หลังเกิดกรณีปราศาทเขาวิหาร
สำหรับความเหมาะสมในการผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็กของรัฐบาลนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า หาก ป.ป.ช. รับเรื่อง ครม. ก็ควรทำงานอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะการพิจารณา โครงการเมกะโปรเจ็ก ต่างๆ แม้จะยังไม่ชี้มูล แต่เมื่อ ป.ป.ช. รับเรื่องรัฐบาลก็ควรปฏิบัตหน้าที่เท่าที่ทจำเป็นจนกว่าป.ป.ช. จะตัดสินอย่างใดอย่างหนึ่ง
เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ผู้ชุมนุมกลุ่มอิสลามที่กางเต็นต์อยู่ทางด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ได้แจ้งกับหน่วยรักษาความปลอดภัย(การ์ด)ของพันธมิตรฯ หรือ สน.พันธมิตรฯ ว่า มีชายอายุประมาณ 30 กว่าปีมุดเข้าไปเต็นท์ จึงได้ควบคุมตัวมาที่ สน.พันธมิตรฯ พร้อมกับชายอีก 2 คน ที่มีลักษณะคล้ายเมายา และมาตะโกนด่าทอผู้ชุมนุม ซึ่งชาย 2 คนดังกล่าวถูกการ์ดพันธมิตรฯ นำตัวส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนชายอีกคนที่มุดเต็นท์นั้นอ้างว่า ตนเองไม่ได้กระทำ ขณะนี้ ทางการ์ดพันธมิตรฯ ยังคงควบคุมตัวเอาไว้