นักยุทธศาสตร์การทหารรัฐศาสตร์ตะลึงงันในวาทะของนายเฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีมหาดไทย ที่ยังไม่ทันได้เสนอนโยบายของรัฐบาลต่อสภาผู้แทนราษฎรเลยก็โพล่งขึ้นว่า “จะจัดตั้งเขตปกครองพิเศษในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากถึงความเป็นความตายของชาติ เป็นเรื่องความมั่นคง เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของคนไทยนับถือพุทธ และคริสต์ในเขตปกครองพิเศษนั้นด้วย เพราะการตีความของคนไทยที่นับถือศาสนาอะไรก็ตาม ย่อมพิจารณาจากคำว่า “เขตปกครองพิเศษ”ให้สิทธิเฉพาะหรือเลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะคำว่าปกครองเป็นเรื่องรัฐศาสตร์ไม่ใช่เรื่องเขตสวัสดิการข้าราชการ หรือเขตปลอดอบายมุขตามที่นายเฉลิมออกมาแก้ต่างว่าความหมายเป็นเพียงการดูแลข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และการควบคุมสถานเริงรมย์และการจำกัดจำนวน มิได้หมายความเป็นอย่างอื่น
แต่การเป็นนักการเมืองถืออำนาจรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นถึงรัฐมนตรีมหาดไทย ย่อมเป็นผู้รับผิดชอบการดูแลบ้านเมืองภายในให้สงบสุขแต่ไม่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือคนหมู่มาก ซึ่งในขณะนี้ขบวนการก่อความไม่สงบได้โจทย์ใหญ่ที่จะใช้เป็นเงื่อนไขขยายผลให้คำพูดของนายเฉลิม อยู่บำรุง สัมฤทธิผลกับพวกเขาเพราะการได้คืบก่อนแล้วเอาศอกนั้น เป็นยุทธศาสตร์การเมืองของสงครามกองโจรก่อการร้ายอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะออกมาแก้ตัวอย่างไรก็ตาม
แต่การที่รัฐมนตรีซึ่งรับผิดชอบกับการปกครองภายในประเทศเสนอความคิดส่วนตัวก็จริง แต่โมเมนตัมของคำพูดนั้น กระจายไปในหมู่นักยุทธศาสตร์การเมืองของขบวนการแบ่งแยกดินแดนเรียบร้อยแล้ว เช่น กลุ่มบี อาร์ เอ็น คอดิเนต หรือพูโลทั้งเก่าและใหม่หรือกลุ่มที่กำเนิดใหม่ อาร์ เค เค ซึ่งสามารถใช้วลี นี้เป็นอาวุธในการทำ สงครามสารสนเทศ และสงครามโฆษณาชวนเชื่อ โดยเน้นว่ารัฐบาลไทยโดยนายเฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีมหาดไทยซึ่งเมื่อเข้ารับตำแหน่งแล้วได้ประกาศนโยบายให้เขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษของขบวนการแยกดินแดนมุสลิมหัวรุนแรง
ประเทศไทยและบูรณภาพของชาติมิได้ขึ้นอยู่กับคนใดคนหนึ่งที่จะออกมาวิเคราะห์วิจารณ์ว่าแผ่นดินนี้ควรจะมีการแบ่งเขตพื้นที่ปกครอง อันอาจจะนำไปสู่การสูญเสียดินแดนให้กับประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
บรรพบุรุษไทยได้ยอมเสียชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อปกป้องพื้นแผ่นดินอย่างยากลำบาก หรือให้สูญเสียน้อยที่สุด เช่น กรณีการสูญเสียดินแดนใน รศ. 112 และเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ทหารจะต้องปกป้องพื้นแผ่นดินไทย และในเชิงนโยบายยุทธศาสตร์ชาติในทุกมิติจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังรอบคอบ และไม่ควรเปิดเผยหากว่าการเปิดเผยแนวทางยุทธศาสตร์ของชาติแล้ว ศัตรูทั้งลับและไม่ลับก็สามารถปรับยุทธศาสตร์เอาเปรียบเราได้หรือเอาชนะเราได้
ในโลกนี้มีกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนมากหลายขบวนการในหลายประเทศที่มีประวัติความเป็นมาแตกต่างกันบ้าง คล้ายคลึงกันบ้าง แต่มีแห่งหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะชนเชื้อชาติได้แก่พวกบาสค์ (Basque) ในแหลมไอบีเรียและเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสเปน ซึ่งปัจจุบันถิ่นฐานของชาวบาสค์อาศัยอยู่บริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสเปน ชายแดนติดอยู่กับประเทศฝรั่งเศสนับถือคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และใช้ภาษาบาสค์ที่แตกต่างจากภาษาของชาวยุโรปอื่นๆ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นภาษาเก่าแก่ดั้งเดิมก่อนที่พวกอินโด-ยุโรปจะย้ายถิ่นฐานเข้ามาสร้างบ้านเมืองในเขตนี้ พวกบาสค์ยังคงรักษาวัฒนธรรมและเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมของตนเองไว้อย่างเคร่งครัด มีเมืองสำคัญคือเมืองบิลเบา (Bilbao) ชาวบาสค์สนับสนุนระบอบสาธารณรัฐในสเปนที่ได้รับการสถาปนาขึ้นในระหว่างสงครามกลางเมืองเดือนตุลาคม ค.ศ. 2936
แต่ต่อมาถูกจอมพล ฟรังโก ปราบปรามอย่างรุนแรง จนกองกำลังบิลเบาหมดสภาพเป็นกองทัพในเดือนมิถุนายน 1937 จนเมื่อนายพลฟรังโกถึงแก่กรรมใน ค.ศ. 1975 และก่อนหน้านี้จอมพลฟรังโกได้สถาปนาระบอบกษัตริย์ขึ้นมาใหม่ และถวายราชบัลลังก์ให้กับกษัตริย์จวน คาร์ลอส ซึ่งทรงมีพระบรมราชานุญาตให้พวกบาสค์ปกครองตัวเองได้บางส่วนใน ค.ศ. 1978-1979 แต่บาสค์ต้องการมีเอกราชโดยสมบูรณ์แบบ จึงก่อตั้งขบวนการก่อการร้ายเรียกว่า แผ่นดินบาสค์คือมาตุภูมิและเสรีภาพ (Basque Home Land and Freedom หรือ Euskad Ta Askatasuna-ETA) ทำการต่อสู้กับรัฐบาลสเปน
ขบวนการบาสค์แม้ว่าจะได้มีส่วนในการปกครองตนเองแล้วก็ตาม แต่ก็ยังทำการก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์วางระเบิดรถไฟในกรุงแมดริดในเช้าวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2004 สังหารคนไป 191 คน บาดเจ็บ 1,775 คน แต่ ETA ปฏิเสธเพราะว่ามันโหดเกินไปที่พวกบาสค์จะดำเนินการ และคนร้ายก็คือกลุ่มอัลกออิดะห์ยุโรปเป็นผู้กระทำ และมีผู้สงสัยว่าขบวนการแบ่งแยกดินแดนบาสค์รู้เห็นเป็นใจหรือไม่ว่าจะมีการวางระเบิดรถไฟซึ่งเป็นปัญหาให้คนสเปนคิด เพราะประวัติของการก่อการร้ายบาสค์นั้นมีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1961 จนถึงปัจจุบันมีการโจมตีการก่อการร้ายจำนวน 50 กว่าครั้ง และใน ค.ศ. 1995 วางแผนลอบปลงพระชนม์กษัตริย์จวน คาร์ลอส แต่ไม่สำเร็จและในวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 2006 วางระเบิดโจมตีท่าอากาศยานกรุงแมดริด รวมถึงการโจมตีโรงไฟฟ้าพลังงานปรมาณูในปีเดียวกัน ถึงปัจจุบันขบวนการบาสค์สังหารพลเรือน 339 คน สังหารทหาร ตำรวจ 478 คน รวม 817 คน
ลักษณะการโจมตีของขบวนการบาสค์จะเลือกเป้าหมายเฉพาะนักการเมือง นายตำรวจหรือทหารระดับนายพล และผู้พิพากษาหรือนักวิชาการตามมหาวิทยาลัยที่ต่อต้านขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือต้องเป็นเป้าหมายที่มีคุณค่าทางยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีการสงครามกองโจรก่อการร้ายในเมือง หน่วยล่าสังหารETA ของพวกบาสค์จะไม่พยายามสังหารพลเรือนที่สร้างผลกระทบทางสังคมจิตวิทยา เพราะพวกบาสค์ต้องการที่จะรักษาอุดมการณ์การเรียกร้องเอกราชเหนือดินแดนบาสค์โดยไม่สร้างความแค้นให้กับพลเมืองผู้บริสุทธิ์เพราะ พวกบาสค์ต้องพึ่งพาประชาชนเชิงการเมือง
ดังนั้นยุทธวิธีของบาสค์จะสังหารบุคคลสำคัญด้วยพลแม่นปืนหรือมือปืนบุกยิง โจมตีด้วยระเบิดรถยนต์ทำลายที่ตั้งทหารและตำรวจ จับตัวประกันบุคคลสำคัญที่เป็นศัตรูโดยตรงต่อบาสค์เรียกค่าไถ่แล้วสังหารทิ้ง
จึงพิจารณาจากความสามารถในการจัดหาอาวุธและระเบิดแล้ว ETA คงจะรู้เบาะแสว่าจะมีการวางระเบิดรถไฟ แต่เหยื่อเป็นชาวสเปนไม่ใช่บาสค์ และชาวกรุงแมดริดย่อมกลัวแผนการก่อการร้าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ลงมือ แต่บาสค์ปฏิเสธไม่ใช่คนลงมือ ดังนั้น หากบาสค์ได้เอกราชก็ยังได้ชื่อว่าบาสค์ไม่ฆ่าพลเมืองบริสุทธิ์
สงครามปัจจุบันเป็นการสงครามยุคที่ 4 และในยุคที่ 1 คือการใช้ทหารจำนวนมากรบกัน ยุคที่ 2 เป็นยุคของอำนาจการทำลายรบกัน ยุคที่ 3 เป็นยุคของการใช้ความรวดเร็วในการรบ ซึ่งทั้ง 3 ยุคนั้นเป็นการสงครามระหว่างรัฐกับรัฐ และในยุคที่ 4 เป็นสงครามกองโจรก่อการร้ายที่กลุ่มบุคคลก่อการร้ายสามารถทำสงครามกับรัฐ และสถาปนาอำนาจรัฐก่อตั้งประเทศได้
เรื่องยุทธศาสตร์จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องศึกษาอย่างลึกซึ้งเสียก่อนถึงจะตัดสินใจวางแผนยุทธศาสตร์ได้ถูกต้องแต่การพูดพล่อยๆ ย่อมหมายถึงการสูญเสียพื้นที่ในจิตใจและแพ้สงครามจิตวิทยาทันที่ เพราะสงครามกองโจรก่อการร้ายเป็นการรบชิงพื้นที่ในจิตใจของประชาชน และการที่นักการเมืองที่มีอำนาจรัฐและไม่ฉลาดโฉ่งฉ่างพูดพล่อยๆ ย่อมทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ เช่น การพูดพล่อยๆ เรื่องโจรกระจอกในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ผิดพลาดและเกิดผลพวงตามมาจนทุกวันนี้
แต่การเป็นนักการเมืองถืออำนาจรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นถึงรัฐมนตรีมหาดไทย ย่อมเป็นผู้รับผิดชอบการดูแลบ้านเมืองภายในให้สงบสุขแต่ไม่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือคนหมู่มาก ซึ่งในขณะนี้ขบวนการก่อความไม่สงบได้โจทย์ใหญ่ที่จะใช้เป็นเงื่อนไขขยายผลให้คำพูดของนายเฉลิม อยู่บำรุง สัมฤทธิผลกับพวกเขาเพราะการได้คืบก่อนแล้วเอาศอกนั้น เป็นยุทธศาสตร์การเมืองของสงครามกองโจรก่อการร้ายอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะออกมาแก้ตัวอย่างไรก็ตาม
แต่การที่รัฐมนตรีซึ่งรับผิดชอบกับการปกครองภายในประเทศเสนอความคิดส่วนตัวก็จริง แต่โมเมนตัมของคำพูดนั้น กระจายไปในหมู่นักยุทธศาสตร์การเมืองของขบวนการแบ่งแยกดินแดนเรียบร้อยแล้ว เช่น กลุ่มบี อาร์ เอ็น คอดิเนต หรือพูโลทั้งเก่าและใหม่หรือกลุ่มที่กำเนิดใหม่ อาร์ เค เค ซึ่งสามารถใช้วลี นี้เป็นอาวุธในการทำ สงครามสารสนเทศ และสงครามโฆษณาชวนเชื่อ โดยเน้นว่ารัฐบาลไทยโดยนายเฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีมหาดไทยซึ่งเมื่อเข้ารับตำแหน่งแล้วได้ประกาศนโยบายให้เขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษของขบวนการแยกดินแดนมุสลิมหัวรุนแรง
ประเทศไทยและบูรณภาพของชาติมิได้ขึ้นอยู่กับคนใดคนหนึ่งที่จะออกมาวิเคราะห์วิจารณ์ว่าแผ่นดินนี้ควรจะมีการแบ่งเขตพื้นที่ปกครอง อันอาจจะนำไปสู่การสูญเสียดินแดนให้กับประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
บรรพบุรุษไทยได้ยอมเสียชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อปกป้องพื้นแผ่นดินอย่างยากลำบาก หรือให้สูญเสียน้อยที่สุด เช่น กรณีการสูญเสียดินแดนใน รศ. 112 และเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ทหารจะต้องปกป้องพื้นแผ่นดินไทย และในเชิงนโยบายยุทธศาสตร์ชาติในทุกมิติจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังรอบคอบ และไม่ควรเปิดเผยหากว่าการเปิดเผยแนวทางยุทธศาสตร์ของชาติแล้ว ศัตรูทั้งลับและไม่ลับก็สามารถปรับยุทธศาสตร์เอาเปรียบเราได้หรือเอาชนะเราได้
ในโลกนี้มีกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนมากหลายขบวนการในหลายประเทศที่มีประวัติความเป็นมาแตกต่างกันบ้าง คล้ายคลึงกันบ้าง แต่มีแห่งหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะชนเชื้อชาติได้แก่พวกบาสค์ (Basque) ในแหลมไอบีเรียและเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสเปน ซึ่งปัจจุบันถิ่นฐานของชาวบาสค์อาศัยอยู่บริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสเปน ชายแดนติดอยู่กับประเทศฝรั่งเศสนับถือคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และใช้ภาษาบาสค์ที่แตกต่างจากภาษาของชาวยุโรปอื่นๆ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นภาษาเก่าแก่ดั้งเดิมก่อนที่พวกอินโด-ยุโรปจะย้ายถิ่นฐานเข้ามาสร้างบ้านเมืองในเขตนี้ พวกบาสค์ยังคงรักษาวัฒนธรรมและเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมของตนเองไว้อย่างเคร่งครัด มีเมืองสำคัญคือเมืองบิลเบา (Bilbao) ชาวบาสค์สนับสนุนระบอบสาธารณรัฐในสเปนที่ได้รับการสถาปนาขึ้นในระหว่างสงครามกลางเมืองเดือนตุลาคม ค.ศ. 2936
แต่ต่อมาถูกจอมพล ฟรังโก ปราบปรามอย่างรุนแรง จนกองกำลังบิลเบาหมดสภาพเป็นกองทัพในเดือนมิถุนายน 1937 จนเมื่อนายพลฟรังโกถึงแก่กรรมใน ค.ศ. 1975 และก่อนหน้านี้จอมพลฟรังโกได้สถาปนาระบอบกษัตริย์ขึ้นมาใหม่ และถวายราชบัลลังก์ให้กับกษัตริย์จวน คาร์ลอส ซึ่งทรงมีพระบรมราชานุญาตให้พวกบาสค์ปกครองตัวเองได้บางส่วนใน ค.ศ. 1978-1979 แต่บาสค์ต้องการมีเอกราชโดยสมบูรณ์แบบ จึงก่อตั้งขบวนการก่อการร้ายเรียกว่า แผ่นดินบาสค์คือมาตุภูมิและเสรีภาพ (Basque Home Land and Freedom หรือ Euskad Ta Askatasuna-ETA) ทำการต่อสู้กับรัฐบาลสเปน
ขบวนการบาสค์แม้ว่าจะได้มีส่วนในการปกครองตนเองแล้วก็ตาม แต่ก็ยังทำการก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์วางระเบิดรถไฟในกรุงแมดริดในเช้าวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2004 สังหารคนไป 191 คน บาดเจ็บ 1,775 คน แต่ ETA ปฏิเสธเพราะว่ามันโหดเกินไปที่พวกบาสค์จะดำเนินการ และคนร้ายก็คือกลุ่มอัลกออิดะห์ยุโรปเป็นผู้กระทำ และมีผู้สงสัยว่าขบวนการแบ่งแยกดินแดนบาสค์รู้เห็นเป็นใจหรือไม่ว่าจะมีการวางระเบิดรถไฟซึ่งเป็นปัญหาให้คนสเปนคิด เพราะประวัติของการก่อการร้ายบาสค์นั้นมีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1961 จนถึงปัจจุบันมีการโจมตีการก่อการร้ายจำนวน 50 กว่าครั้ง และใน ค.ศ. 1995 วางแผนลอบปลงพระชนม์กษัตริย์จวน คาร์ลอส แต่ไม่สำเร็จและในวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 2006 วางระเบิดโจมตีท่าอากาศยานกรุงแมดริด รวมถึงการโจมตีโรงไฟฟ้าพลังงานปรมาณูในปีเดียวกัน ถึงปัจจุบันขบวนการบาสค์สังหารพลเรือน 339 คน สังหารทหาร ตำรวจ 478 คน รวม 817 คน
ลักษณะการโจมตีของขบวนการบาสค์จะเลือกเป้าหมายเฉพาะนักการเมือง นายตำรวจหรือทหารระดับนายพล และผู้พิพากษาหรือนักวิชาการตามมหาวิทยาลัยที่ต่อต้านขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือต้องเป็นเป้าหมายที่มีคุณค่าทางยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีการสงครามกองโจรก่อการร้ายในเมือง หน่วยล่าสังหารETA ของพวกบาสค์จะไม่พยายามสังหารพลเรือนที่สร้างผลกระทบทางสังคมจิตวิทยา เพราะพวกบาสค์ต้องการที่จะรักษาอุดมการณ์การเรียกร้องเอกราชเหนือดินแดนบาสค์โดยไม่สร้างความแค้นให้กับพลเมืองผู้บริสุทธิ์เพราะ พวกบาสค์ต้องพึ่งพาประชาชนเชิงการเมือง
ดังนั้นยุทธวิธีของบาสค์จะสังหารบุคคลสำคัญด้วยพลแม่นปืนหรือมือปืนบุกยิง โจมตีด้วยระเบิดรถยนต์ทำลายที่ตั้งทหารและตำรวจ จับตัวประกันบุคคลสำคัญที่เป็นศัตรูโดยตรงต่อบาสค์เรียกค่าไถ่แล้วสังหารทิ้ง
จึงพิจารณาจากความสามารถในการจัดหาอาวุธและระเบิดแล้ว ETA คงจะรู้เบาะแสว่าจะมีการวางระเบิดรถไฟ แต่เหยื่อเป็นชาวสเปนไม่ใช่บาสค์ และชาวกรุงแมดริดย่อมกลัวแผนการก่อการร้าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ลงมือ แต่บาสค์ปฏิเสธไม่ใช่คนลงมือ ดังนั้น หากบาสค์ได้เอกราชก็ยังได้ชื่อว่าบาสค์ไม่ฆ่าพลเมืองบริสุทธิ์
สงครามปัจจุบันเป็นการสงครามยุคที่ 4 และในยุคที่ 1 คือการใช้ทหารจำนวนมากรบกัน ยุคที่ 2 เป็นยุคของอำนาจการทำลายรบกัน ยุคที่ 3 เป็นยุคของการใช้ความรวดเร็วในการรบ ซึ่งทั้ง 3 ยุคนั้นเป็นการสงครามระหว่างรัฐกับรัฐ และในยุคที่ 4 เป็นสงครามกองโจรก่อการร้ายที่กลุ่มบุคคลก่อการร้ายสามารถทำสงครามกับรัฐ และสถาปนาอำนาจรัฐก่อตั้งประเทศได้
เรื่องยุทธศาสตร์จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องศึกษาอย่างลึกซึ้งเสียก่อนถึงจะตัดสินใจวางแผนยุทธศาสตร์ได้ถูกต้องแต่การพูดพล่อยๆ ย่อมหมายถึงการสูญเสียพื้นที่ในจิตใจและแพ้สงครามจิตวิทยาทันที่ เพราะสงครามกองโจรก่อการร้ายเป็นการรบชิงพื้นที่ในจิตใจของประชาชน และการที่นักการเมืองที่มีอำนาจรัฐและไม่ฉลาดโฉ่งฉ่างพูดพล่อยๆ ย่อมทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ เช่น การพูดพล่อยๆ เรื่องโจรกระจอกในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ผิดพลาดและเกิดผลพวงตามมาจนทุกวันนี้