5 นายกสมาคมวิชาชีพไทย ชี้เศรษฐกิจปีชวดอาการน่าเป็นห่วง ระบุเป็นปีที่ทำธุรกิจแล้วต้องลุ้น ประคองตัว ต่อสู้กับกำลังซื้อ หลังปัจจัยลบรุมเร้า ภาวะเงินเฟ้อสัญญาอันตราย แก๊สหุงต้มลุกลามทั้งคนขับรถแท็กซี่ยันร้านก๋วยเตี๋ยว แนะรัฐเร่งสร้างความเชื่อมั่น หวังโครงการเมกะโปรเจกต์บูมเศรษฐกิจไทย โอดลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค 30 รายการ นโยบายขายฝันแต่ปฏิบัติยาก วอนรัฐหนุนเรื่องต้นทุน-ลดภาษีนิติบุคคล
นายสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ไม่ได้เลวร้ายมากนัก เนื่องจากโดยภาพรวมการบริหารงานของรัฐบาลใหม่นี้ มีแนวโน้มใช้เม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจค่อนข้างสูง แต่ปีนี้ก็ยังมีปัจจัยลบที่น่ากลัว คือ ภาวะเงินเฟ้อ อย่างราคาแก๊สหุงต้มที่ปรับเพิ่มขึ้นสร้างผลกระทบตั้งแต่คนขับรถแท็กซี่ยันร้านก๋วยเตี๋ยว ยังไม่รวมถึงค่าไฟฟ้าที่จะปรับเพิ่มขึ้นและราคาสินค้าอื่นๆ โดยพบว่าขณะนี้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากติดลบ
ส่วนภาคเอกชนต้องระมัดระวัง 2 ปัจจัย ได้แก่ การบริหารต้นทุนภายในองค์กร และปัจจัยภายนอกหรือผู้บริโภค เพราะปีที่ผ่านมาผู้บริโภคมีเงินแต่ไม่นำออกมาใช้ ส่วนปีนี้ต้องคาดเดาว่าผู้บริโภคจะมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งผู้ประกอบการต้องพิจารณาการใช้กลยุทธ์อย่างไรในการสร้างแบรนด์ การออกสินค้าใหม่อย่างไร มากระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายใช้สอยและสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สำหรับปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ในส่วนนี้ผู้ประกอบการปรับตัวได้แล้ว ส่วนการส่งออกท่ามกลางค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เชื่อว่าการส่งออกรถยนต์จะเป็นกลุ่มสินค้าเรือธง เพราะไม่ได้พึงพิงตลาดอเมริกาแต่เน้นส่งออกไปในเอเชีย ในขณะที่ราคาพืชผลการเกษตรปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่มีอนาคต เพราะเวียดนามมีปัญหาน้ำท่วม ส่วนจีนประสบภาวะภัยแล้ง และตลาดปลูกพืชเพื่อพลังงานทดแทน อย่าง มันสัมปะหลังและอ้อยจะเป็นพืชที่มีรายได้สูงขึ้นเช่นเดียวกับยางพารา โดยตั้งข้อสังเกตุว่าปีที่ผ่านมาไม่มีเกษตรกรมาประท้วงมากนัก แสดงว่ารากหญ้าในส่วนนี้มีกำลังการซื้อที่ดี
ส่วนกรณีกระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค 30 รายการ หากต้องการให้ปฏิบัติคงต้องเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการในด้านของต้นทุนวัตถุดิบ และลดอัตราการเก็บภาษีเงินได้จากปัจจุบันจัดเก็บ30% ส่วนการให้ผู้ประกอบการลดการสร้างแบรนด์เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะการสร้างแบรนด์สินค้ามีผลต่อการขายสินค้า
**ส.โฆษณาฯ ชี้การลงทุนภาครัฐเรือธง
นายวิทวัส ชัยปราณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะดีไหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับ 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การส่งออก การลงทุนภาคเอกชน การลงทุนภาครัฐ และการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยปีนี้มีปัจจัยที่น่าจะเป็นห่วง คือ ด้านการส่งออกจากปีที่ผ่านมาเป็นพระเอกเรือธงในช่วง 9 เดือน แต่ปีนี้มีแนวโน้มการส่งออกจะไม่ดี เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า และตลาดการส่งออกหลักๆ ประสบกับภาวะเศรษฐกิจ เช่น อเมริกา อย่างไรก็ตามปีนี้การลงทุนจากทางภาครัฐในโครงการเมกกะโปรเจกต์จะเป็นเรือธงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้กลับมาดีขึ้น ส่วนภาคเอกชนและประชาชนในปีที่ผ่านมาห่อเหี่ยว แต่ปีนี้ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐว่าจะใช้งบประมาณในการกระตุ้นกำลังการซื้ออย่างไร
"สิ่งที่สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทยมีความกังวล คือ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีมากนัก ส่งผลให้ผู้ประกอบการงัดกลยุทธ์ราคาขึ้นมาใช้มากกว่าการเน้นในเรื่องของการสร้างแบรนด์ ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะมองว่าการสร้างแบรนด์ต้องใช้งบประมาณสูง แต่ผลจากการที่งัดกลยุทธ์ราคาขึ้นมาแข่งขัน จะส่งผลกระทบต่อกำไรที่ลดลงและภาพรวมของแบรนด์ เพราะไม่สามารถกลับมาจำหน่ายในราคาเดิมได้หลังจากการทำโปรโมชัน"
**ส.ขายตรงฯชี้ปีนี้ต่อสู้กับกำลังซื้อ
นางนลินี ไพบูลย์ นากยกสมาคมการขายตรงไทย กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจปีนี้ต้องเหนื่อยกับการต่อสู้กับกำลังการซื้อของผู้บริโภคและการบริหารต้นทุน เพราะด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่ชัดเจน อาจจะส่งผลให้ ผู้บริโภคไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย อย่างไรก็ตามขณะนี้ทั้งภาคเอกชนและประชาชนรอความชัดเจนทางการเมือง ส่วนอีกปัจจัยหนึ่ง คือ โลกที่ไร้พรมแดนจากอินเทอร์เน็ตมีทั้งผลดี คือ การกระจายความก้าวหน้าและไม่ดีต่อการดำเนินธุรกิจคือสามารถสร้างปัญหาได้ในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตามสรุปภาพรวมสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปีนี้ จากการมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือ จีดีพี น่าจะเติบโตได้ที่ 4%
**ส.ประชาสัมพันธ์แนะสร้างเชื่อมั่น
นายพจน์ ใจชาญสุขกิจ นายกสมาคมประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนที่ภาครัฐจะต้องดำเนินการ คือ การสร้างความเชื่อมั่นและความศรัทธาให้กับผู้บริโภค โดยจากผลการวิจัยของสมาคมเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่า ผู้บริโภคไม่มีความเชื่อมั่นและมีความกังวลเศรษฐกิจไทยมาก ซึ่งในส่วนนี้มองว่าภาครัฐต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง และจากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องออกมาปรับแผนการทำตลาด ด้วยการสร้างแบรนด์สินค้าผ่านการสื่อสารแนวตรง เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง โดยปีชวดนี้ จัดว่าเป็นปีแห่งการต้องลุ้นว่าจะดีหรือไม่ดีอีกปีหนึ่ง
**ส.วิจัยฯโอดปีชวดหลุมอากาศเยอะ
นางสาววิริยา วรกิตติคุณ นายกสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีหลุมอากาศเยอะ ดังนั้นต้องใช้เครื่องยนต์หลายตัวทั้งจากภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนร่วมกัน ซึ่งเครื่องยนต์ที่สำคัญ คือ ในส่วนของภาคประชาชนจะต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคกล้าที่จะออกมาจับจ่ายใช้สอย อย่างไรก็ตามจากการที่ประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ในแง่ความมั่นใจของผู้บริโภคน่าจะดีขึ้น แต่หากมองอีกแง่มุมหนึ่งก็เป็นปีแห่งการที่ผู้ประกอบการจะต้องประคองตัวมากกว่าที่จะขยาย เพราะด้วยต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น.
นายสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ไม่ได้เลวร้ายมากนัก เนื่องจากโดยภาพรวมการบริหารงานของรัฐบาลใหม่นี้ มีแนวโน้มใช้เม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจค่อนข้างสูง แต่ปีนี้ก็ยังมีปัจจัยลบที่น่ากลัว คือ ภาวะเงินเฟ้อ อย่างราคาแก๊สหุงต้มที่ปรับเพิ่มขึ้นสร้างผลกระทบตั้งแต่คนขับรถแท็กซี่ยันร้านก๋วยเตี๋ยว ยังไม่รวมถึงค่าไฟฟ้าที่จะปรับเพิ่มขึ้นและราคาสินค้าอื่นๆ โดยพบว่าขณะนี้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากติดลบ
ส่วนภาคเอกชนต้องระมัดระวัง 2 ปัจจัย ได้แก่ การบริหารต้นทุนภายในองค์กร และปัจจัยภายนอกหรือผู้บริโภค เพราะปีที่ผ่านมาผู้บริโภคมีเงินแต่ไม่นำออกมาใช้ ส่วนปีนี้ต้องคาดเดาว่าผู้บริโภคจะมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งผู้ประกอบการต้องพิจารณาการใช้กลยุทธ์อย่างไรในการสร้างแบรนด์ การออกสินค้าใหม่อย่างไร มากระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายใช้สอยและสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สำหรับปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ในส่วนนี้ผู้ประกอบการปรับตัวได้แล้ว ส่วนการส่งออกท่ามกลางค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เชื่อว่าการส่งออกรถยนต์จะเป็นกลุ่มสินค้าเรือธง เพราะไม่ได้พึงพิงตลาดอเมริกาแต่เน้นส่งออกไปในเอเชีย ในขณะที่ราคาพืชผลการเกษตรปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่มีอนาคต เพราะเวียดนามมีปัญหาน้ำท่วม ส่วนจีนประสบภาวะภัยแล้ง และตลาดปลูกพืชเพื่อพลังงานทดแทน อย่าง มันสัมปะหลังและอ้อยจะเป็นพืชที่มีรายได้สูงขึ้นเช่นเดียวกับยางพารา โดยตั้งข้อสังเกตุว่าปีที่ผ่านมาไม่มีเกษตรกรมาประท้วงมากนัก แสดงว่ารากหญ้าในส่วนนี้มีกำลังการซื้อที่ดี
ส่วนกรณีกระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค 30 รายการ หากต้องการให้ปฏิบัติคงต้องเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการในด้านของต้นทุนวัตถุดิบ และลดอัตราการเก็บภาษีเงินได้จากปัจจุบันจัดเก็บ30% ส่วนการให้ผู้ประกอบการลดการสร้างแบรนด์เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะการสร้างแบรนด์สินค้ามีผลต่อการขายสินค้า
**ส.โฆษณาฯ ชี้การลงทุนภาครัฐเรือธง
นายวิทวัส ชัยปราณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะดีไหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับ 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การส่งออก การลงทุนภาคเอกชน การลงทุนภาครัฐ และการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยปีนี้มีปัจจัยที่น่าจะเป็นห่วง คือ ด้านการส่งออกจากปีที่ผ่านมาเป็นพระเอกเรือธงในช่วง 9 เดือน แต่ปีนี้มีแนวโน้มการส่งออกจะไม่ดี เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า และตลาดการส่งออกหลักๆ ประสบกับภาวะเศรษฐกิจ เช่น อเมริกา อย่างไรก็ตามปีนี้การลงทุนจากทางภาครัฐในโครงการเมกกะโปรเจกต์จะเป็นเรือธงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้กลับมาดีขึ้น ส่วนภาคเอกชนและประชาชนในปีที่ผ่านมาห่อเหี่ยว แต่ปีนี้ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐว่าจะใช้งบประมาณในการกระตุ้นกำลังการซื้ออย่างไร
"สิ่งที่สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทยมีความกังวล คือ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีมากนัก ส่งผลให้ผู้ประกอบการงัดกลยุทธ์ราคาขึ้นมาใช้มากกว่าการเน้นในเรื่องของการสร้างแบรนด์ ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะมองว่าการสร้างแบรนด์ต้องใช้งบประมาณสูง แต่ผลจากการที่งัดกลยุทธ์ราคาขึ้นมาแข่งขัน จะส่งผลกระทบต่อกำไรที่ลดลงและภาพรวมของแบรนด์ เพราะไม่สามารถกลับมาจำหน่ายในราคาเดิมได้หลังจากการทำโปรโมชัน"
**ส.ขายตรงฯชี้ปีนี้ต่อสู้กับกำลังซื้อ
นางนลินี ไพบูลย์ นากยกสมาคมการขายตรงไทย กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจปีนี้ต้องเหนื่อยกับการต่อสู้กับกำลังการซื้อของผู้บริโภคและการบริหารต้นทุน เพราะด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่ชัดเจน อาจจะส่งผลให้ ผู้บริโภคไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย อย่างไรก็ตามขณะนี้ทั้งภาคเอกชนและประชาชนรอความชัดเจนทางการเมือง ส่วนอีกปัจจัยหนึ่ง คือ โลกที่ไร้พรมแดนจากอินเทอร์เน็ตมีทั้งผลดี คือ การกระจายความก้าวหน้าและไม่ดีต่อการดำเนินธุรกิจคือสามารถสร้างปัญหาได้ในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตามสรุปภาพรวมสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปีนี้ จากการมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือ จีดีพี น่าจะเติบโตได้ที่ 4%
**ส.ประชาสัมพันธ์แนะสร้างเชื่อมั่น
นายพจน์ ใจชาญสุขกิจ นายกสมาคมประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนที่ภาครัฐจะต้องดำเนินการ คือ การสร้างความเชื่อมั่นและความศรัทธาให้กับผู้บริโภค โดยจากผลการวิจัยของสมาคมเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่า ผู้บริโภคไม่มีความเชื่อมั่นและมีความกังวลเศรษฐกิจไทยมาก ซึ่งในส่วนนี้มองว่าภาครัฐต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง และจากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องออกมาปรับแผนการทำตลาด ด้วยการสร้างแบรนด์สินค้าผ่านการสื่อสารแนวตรง เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง โดยปีชวดนี้ จัดว่าเป็นปีแห่งการต้องลุ้นว่าจะดีหรือไม่ดีอีกปีหนึ่ง
**ส.วิจัยฯโอดปีชวดหลุมอากาศเยอะ
นางสาววิริยา วรกิตติคุณ นายกสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีหลุมอากาศเยอะ ดังนั้นต้องใช้เครื่องยนต์หลายตัวทั้งจากภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนร่วมกัน ซึ่งเครื่องยนต์ที่สำคัญ คือ ในส่วนของภาคประชาชนจะต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคกล้าที่จะออกมาจับจ่ายใช้สอย อย่างไรก็ตามจากการที่ประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ในแง่ความมั่นใจของผู้บริโภคน่าจะดีขึ้น แต่หากมองอีกแง่มุมหนึ่งก็เป็นปีแห่งการที่ผู้ประกอบการจะต้องประคองตัวมากกว่าที่จะขยาย เพราะด้วยต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น.