ผู้จัดการรายวัน-“สันติ”ยอมรับกังวลปัญหารันเวย์สุวรรณภูมิชำรุด เร่งแผนผุดรันเวย์ที่ 3 ตามแผนขยายเฟส 2 เพื่อแก้ปัญหา “ชนะ”เผยแผนขยายขีดความสามารถ สุวรรณภูมิระยะที่ 2 พร้อมทำได้ทันที รับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 55-60 ล้านคนต่อปี ดำเนินการ 5 ปี วงเงิน48,122.37 ล้านบาทด้าน”หมอเลี๊ยบ” อาสากู้ภาพลบสนามบินสุวรรณภูมิ ด้านสายการบินต่างชาติชี้ปิดซ่อมรันเวย์ทำให้เครื่องบินมีโอกาสดีเลย์สูง “สพรั่ง” ลาออกจากบอร์ด ทอท.แล้ว ย้ำภูมิใจทำงาน ทอท.1 ปี ไม่เสียใจในสิ่งที่ทำ และไม่เคยอคติกับคิงเพาเวอร์
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรณีที่สนามบินสุวรรณภูมิมีแผนที่จะปิดซ่อมแซมทางวิ่งฝั่งตะวันออก (East Runway) เนื่องจากพบว่ามีพื้นผิวชำรุดตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. ถึง 7 เม.ย.51 รวมเวลา 50 วัน ได้รับรายงานในเบื้องต้นแล้ว และเห็นว่าเป็นการปิดซ่อมเพียงบางส่วนหรือประมาณ 2,000 เมตรนั้น รันเวย์ยังสามารถที่จะใช้งานได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ โดยในส่วนนี้จะใช้รองรับเครื่องบินขนาดเล็ก ส่วนเครื่องบินขนาดใหญ่ก็จะไปใช้รันเวย์ฝั่งตะวันตก ซึ่งไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการบินแต่อาจทำให้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง
ดังนั้น ทำให้ต้องหันมาพิจารณาว่าควรจะเร่งรัดการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องการปรับปรุงดิน โดยหากมีรันเวย์ที่ 3 จะช่วยแบ่งเบาภาระการจราจรทางอากาศของสนามบินสุวรรณภูมิได้ โดยเฉพาะหากเกิดกรณีจะต้องมีการปิดซ่อมรันเวย์ทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ก็สามารถใช้รันเวย์ที่ 3 เป็นรันเวย์สำรองได้
นายสันติ กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาภายในสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะถือว่าเป็นหน้าตาและหน้าด่านของประเทศมีผลโดยตรงในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นหลักในการทำรายได้เข้าประเทศ โดยนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับอาสาที่จะเข้ามาช่วยดูแลและกู้ภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อขจัดภาพในด้านลบของสนามบินแห่งนี้
ที่ผ่านมา สนามบินสุวรรณภูมิมีปัญหาที่จะต้องแก้ไขมาก ทำให้ภาพที่สะท้อนออมาเป็นภาพในด้านลบ จึงจำเป็นต้องมีการเรียกความเชื่อมั่นในส่วนนี้ และจะต้องเข้าไปดูและแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งจะต้องยอมรับว่าหลายปัญหาได้รับการแก้ไขในทิศทางที่ดี หลังจากนี้จะต้องลงไปดูอย่างใกล้ชิดเพราะนโยบายของรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะเป็นส่วนสำคัญในการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะการดึงนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเข้าประเทศ
ส่วนกรณีที่ นพ.สุรพงษ์ จะเข้ามาช่วยกู้ภาพลบของสนามบินสุวรรณภูมินั้น นายสันติ กล่าวว่า ในรายละเอียดคงจะต้องมีการปรึกษาหารือว่า สนามบินสุวรรณภูมิมีจุดเด่นข้อดีในส่วนใดบ้างจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ออกไปให้เป็นที่รับรู้กัน ซึ่งเป็นแผนหลักที่จะต้องดำเนินการภายในปีนี้ โดยจะดำเนินการทุกวิถีทางและใช้หลักการตลาดต่างๆ เข้ามาช่วยเพื่อลบภาพที่ไม่ดีในอดีตเพราะสนามบินแห่งนี้มีส่วนดีอยู่มากอีกทั้งเรื่องนี้จะต้องแยกจากข้อครหาเรื่องของการทุจริตคอรัปชั่นเพราะเป็นคนละประเด็นที่หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องเข้ามาตรวจสอบหากพบหรือจับผิดได้ก็ให้ดำเนินการไปตามกระบวนการ
ด้าน พล.อ.ท.ชนะ อยู่สถาพร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า แผนการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ซึ่งมีแผนที่จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาอยู่แล้ว และสามารถเร่งรัดดำเนินการได้ หากเป็นนโยบายเพราะมีแผนพร้อม ก่อสร้างได้ทันที
เนื่องจากได้ดำเนินการปรับปรุงคุณภาพดินรอไว้ก่อนแล้ว อีกทั้งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการขึ้นลงของอากาศยาน แต่เนื่องจาก รันเวย์ที่ 3 มีระยะห่างจากรันเวย์ตะวันตกเพียง 450เมตร อาจจะมีปัญหาที่เครื่องบินไม่สามารถขึ้นลงได้พร้อมกันทั้ง 2 รันเวย์ แต่ก็ถือว่ารันเวย์ที่ 3 จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการบินจากเดิมได้
เฟส 2 รับผู้โดยสารเป็น 55-60 ล้านคนต่อปี
แหล่งข่าวจาก ทอท. กล่าวว่า สำหรับแผนการขยายขีดความสามารถของสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 55-60 ล้านคนต่อปี ระยะดำเนินการ 5 ปี วงเงินประมาณ 48,122.37 ล้านบาท ประกอบด้วยงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่1 (Satellite Building) วงเงิน 22,273 ล้านบาท งานก่อสร้างผิวทางวิ่งเส้นที่ 3 ด้านตะวันตกของสนามบิน และผิวลานจอดเครื่องบิน วงเงิน 7,118.17 ล้านบาท งาน Automated People Moverระหว่างอาคารเทียบเครื่องบินหลักกับอาคารรองและงานขนส่งกระเป๋าระหว่างทั้งสองอาคาร วงเงิน 2,420 ล้านบาท งานต่อขยายอุโมงค์ด้านใต้ วงเงิน 3,940.75 ล้านบาท และงานระบบสาธารณูปโภค วงเงิน 1,648ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีค่าออกแบบ 561.54 ล้านบาท และสำรองสำหรับการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมัน 5,750.15 ล้านบาท และสำรองราคาอีก 10% หรือประมาณ 4,374.76 ล้านบาท
ด้าน นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการเร่งรัดก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 เพราะจะช่วยในด้านการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ โดยเฉพาะกรณีเกิดปัญหาที่รันเวย์ตะวันออกและตะวันตก จนไม่สามารถใช้ขึ้นลงได้ซึ่งการมีรันเวย์ที่ 3 ก็ไม่จำเป็นต้องให้เครื่องบินมาใช้สนามบินดอนเมืองแทน ซึ่งมีความยุ่งยากมาก และในหลักการสายการบินก็ไม่ต้องการไปลงสนามบินอื่นด้วย
อย่างไรก็ตามในช่วง 50 วันที่จะมีการปิดรันเวย์ตะวันออกเพื่อซ่อมนั้น มีความเป็นไปได้น้อยที่รันเวย์ฝั่งตะวันตกจะเกิดปัญหาใหญ่จนทำให้เครื่องบินขึ้นลงไม่ได้ ซึ่งทอท.มีแผนสำรองในกรณีที่เครื่องบินขึ้นลงไม่ได้ รองรับอยู่แล้ว แต่เป็นแผนรองรับกรณีทีเหตุชั่วคราวและสามารถจัดการเคลียร์ได้ในเวลาไม่นานนัก แต่เพื่อความเชื่อมั่นของสายการบินก็เห็นว่า ควรทำแผนฉุกเฉินสำรองเป็นกรณีพิเศษไว้ด้วย
เชื่อเที่ยวบินมีสิทธิ์ดีเลย์สูงขึ้น
นายยงยุทธ จุลินตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดประจำประเทศไทย สายการบิน คาเธ่ย์แปซิฟิก กล่าวว่า ช่วงแรกน่าจะมีปัญหาเรื่องการขึ้นลงของเครื่องบินบ้าง เพราะรันเวย์ถูกปิดไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ทางสายการบิน ต้องรอฟังผลจากการหารือของ AOC และ ทอท. ก่อนว่า จะมีการดำเนินการแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง และ จะให้แต่ละสายการบินทำอย่างไร ในส่วนของผู้โดยสารที่ใช้บริการก็จะต้องชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจว่าสนามบินสุวรรณภูมิกำลังปรับปรุง อาจมีข้อติดขัดบ้างแต่สายการบินก็จะอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าให้มากที่สุด
นายธนวัฒน์ เด่นนภาสุรพงค์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย สายการบิน KLM กล่าวว่า เชื่อในระยะแรกอาจมีผลทำให้เครื่องบินขึ้นลงได้ไม่ตรงเวลา(ดีเลย์) เพราะการจราจรจะต้องคับคั่ง การปิดซ่อมแซม อาจทำให้บางเกรทก็ต้องถูกปิดไปด้วย ก็จะต้องมีปัญหาขลุกขลักเป็นธรรมดา แต่สำหรับ KLM อาจไม่กระทบมาก เพราะมีเพียงวันละ 1 ไฟล์ แต่ สายการบินที่มีเที่ยวบินต่อวันจำนวนมากอย่าง การบินไทย คงได้รับผลกระทบเยอะ ซึ่งจะมีเป็นห่วงโซ่มาถึงเราตรงที่มีโคชแชร์ผู้โดยสารระหว่างบ้าง ตรงนี้ก็ต้องขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้อมจัดระบบให้ดี อย่าให้ผู้โดยสารเดือดร้อนมากนัก โดยเฉพาะช่วงเวลาพีดที่มีเที่ยวบินขึ้นลงจำนวนมาก ส่วนการสำรองน้ำมันในถังเพิ่มเติมเป็นเรื่องปกติ ที่ทุกสายการบินต้องทำเพราะเป็นความปลอดภัยของผู้โดยสาร ส่วนต้นทุนจะเพิ่มขึ้นเท่าใด ขณะนี้ยังไม่มีใครตอบได้
“สันติ”เร่งจ่ายชดเชยเสียง
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (13 ก.พ.) เวลา 16.00 น นายสันติได้หารือกับพลอากาศโทชนะและผู้บริหารทอท.ในเรื่องที่มีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนด้านเสียงรอบสนามบินสุวรรณภูมิ โดยนายสันติกล่าวว่า ให้ทอท.เร่งรัดการจ่ายชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ NEF มากกว่า 40และก่อสร้างก่อนปี 2544 ก่อน ส่วนปัญหาที่ ทอท.ระบุว่าการจ่ายเงินตามมติครม.ปี 50 ที่ให้ช่วยค่าการตลาดอีก 20% ของราคาประเมิน ติดขัดเรื่องข้อกฎหมายที่จะรองรับ จึงให้ทอท.หาแนวทางอื่นๆ เพื่อให้สามารถจ่ายชดเชยผู้ได้รับผลกระทบเร็วที่สุด โดยในวันนี้ (14 ก.พ.) ตนอาจจะร่วมประชุมกับคณะกรรมการ 3 ฝ่าย(ไตรภาคี) ด้วย
"สพรั่ง" ลาออกจากบอร์ด ทอท.
พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการทอท. กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ดวานนี้ว่า บอร์ดทอท.ทั้งชุด 14 คน ได้ลาออกแล้วยกเว้นพลอากาศโทชนะ อยู่สถาพร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. เป็นต้นไป เพื่อให้รัฐบาลปัจจุบันสรรหาบุคคลเข้ามาทำหน้าที่ โดยการลาออกครั้งนี้ บอร์ดแต่ละคน มีเหตุต่างๆ กัน โดยส่วนตัว ไม่มีใครกดดันและ ไม่เกรงกลัวอิทธิพลใครทั้งสิ้น และปราศจากการกดดัน โดยการลาออกต้องอยู่ในจังหวะที่เหมาะสม ให้องค์กรเดินต่อไปได้
ทั้งนี้ การทำงาน 1 ปีที่ผ่านมา ตนมีความภาคภูมิใจ และไม่เสียใจในสิ่งที่ทำ ซึ่งในส่วนของผลประกอบการของ ทอท. ที่ลดต่ำลงนั้น ไม่ได้เกิดจากการล้มเหลวในการปฏิบัติงาน แต่ถือเป็นตัวเลขทางบัญชี ถ้าใครเข้ามาเป็นบอร์ด ก็ต้องเจอลักษณะนี้ เพราะคณะกรรมการพยายามแก้ไขความไม่ถูกต้องที่ทำไว้ในอดีต ส่วนหนึ่งเป็นผลจากจากปัญหาความขัดแย้งกับกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ทำให้ ทอท.ไม่รับรู้รายได้ในส่วนของพื้นที่สัมปทานพื้นที่เชิงพาณิชย์ และร้านค้าปลอดภาษีที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และตนยืนยันว่า ไม่ได้อคติกับคิงเพาเวอร์ และเราไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปกลั่นแกล้งใคร หรือล้วงลูกใครได้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการทำงานของบอร์ดชุดใหม่ จะทำงานต่อเนื่องได้ ไม่มีอะไรสะดุด และน่าห่วง เพราะไม่ได้ทำอะไรที่อัปยศไว้ คิดว่า การทำงานจะดีขึ้น เพราะมีคนสะสางการทำงาน จัดระบบให้หมดแล้ว จึงเชื่อว่า ทุกอย่างจะดีขึ้น
ให้ ทอท.รับเงินจากคิงเพาเวอร์ได้
ด้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม กรรมการ ทอท. กล่าวว่า ได้มีการอนุมัติให้รับชำระเงินล่วงหน้าและชำระรายเดือน กรณีสัญญาร้านค้าปลอดภาษีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ของบริษัทคิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรีและบริษัทคิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิที่มีข้อพิพาทระหว่างกันและคดีความยังไม่สิ้นสุด โดยให้ฝ่ายบริการทอท.ไปดูรายละเอียดการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง และดูรายละเอียดว่าควรนำเงินดังกล่าวใส่ไว้ในบัญชีรายรับส่วนใด
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรณีที่สนามบินสุวรรณภูมิมีแผนที่จะปิดซ่อมแซมทางวิ่งฝั่งตะวันออก (East Runway) เนื่องจากพบว่ามีพื้นผิวชำรุดตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. ถึง 7 เม.ย.51 รวมเวลา 50 วัน ได้รับรายงานในเบื้องต้นแล้ว และเห็นว่าเป็นการปิดซ่อมเพียงบางส่วนหรือประมาณ 2,000 เมตรนั้น รันเวย์ยังสามารถที่จะใช้งานได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ โดยในส่วนนี้จะใช้รองรับเครื่องบินขนาดเล็ก ส่วนเครื่องบินขนาดใหญ่ก็จะไปใช้รันเวย์ฝั่งตะวันตก ซึ่งไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการบินแต่อาจทำให้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง
ดังนั้น ทำให้ต้องหันมาพิจารณาว่าควรจะเร่งรัดการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องการปรับปรุงดิน โดยหากมีรันเวย์ที่ 3 จะช่วยแบ่งเบาภาระการจราจรทางอากาศของสนามบินสุวรรณภูมิได้ โดยเฉพาะหากเกิดกรณีจะต้องมีการปิดซ่อมรันเวย์ทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ก็สามารถใช้รันเวย์ที่ 3 เป็นรันเวย์สำรองได้
นายสันติ กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาภายในสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะถือว่าเป็นหน้าตาและหน้าด่านของประเทศมีผลโดยตรงในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นหลักในการทำรายได้เข้าประเทศ โดยนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับอาสาที่จะเข้ามาช่วยดูแลและกู้ภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อขจัดภาพในด้านลบของสนามบินแห่งนี้
ที่ผ่านมา สนามบินสุวรรณภูมิมีปัญหาที่จะต้องแก้ไขมาก ทำให้ภาพที่สะท้อนออมาเป็นภาพในด้านลบ จึงจำเป็นต้องมีการเรียกความเชื่อมั่นในส่วนนี้ และจะต้องเข้าไปดูและแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งจะต้องยอมรับว่าหลายปัญหาได้รับการแก้ไขในทิศทางที่ดี หลังจากนี้จะต้องลงไปดูอย่างใกล้ชิดเพราะนโยบายของรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะเป็นส่วนสำคัญในการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะการดึงนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเข้าประเทศ
ส่วนกรณีที่ นพ.สุรพงษ์ จะเข้ามาช่วยกู้ภาพลบของสนามบินสุวรรณภูมินั้น นายสันติ กล่าวว่า ในรายละเอียดคงจะต้องมีการปรึกษาหารือว่า สนามบินสุวรรณภูมิมีจุดเด่นข้อดีในส่วนใดบ้างจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ออกไปให้เป็นที่รับรู้กัน ซึ่งเป็นแผนหลักที่จะต้องดำเนินการภายในปีนี้ โดยจะดำเนินการทุกวิถีทางและใช้หลักการตลาดต่างๆ เข้ามาช่วยเพื่อลบภาพที่ไม่ดีในอดีตเพราะสนามบินแห่งนี้มีส่วนดีอยู่มากอีกทั้งเรื่องนี้จะต้องแยกจากข้อครหาเรื่องของการทุจริตคอรัปชั่นเพราะเป็นคนละประเด็นที่หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องเข้ามาตรวจสอบหากพบหรือจับผิดได้ก็ให้ดำเนินการไปตามกระบวนการ
ด้าน พล.อ.ท.ชนะ อยู่สถาพร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า แผนการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ซึ่งมีแผนที่จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาอยู่แล้ว และสามารถเร่งรัดดำเนินการได้ หากเป็นนโยบายเพราะมีแผนพร้อม ก่อสร้างได้ทันที
เนื่องจากได้ดำเนินการปรับปรุงคุณภาพดินรอไว้ก่อนแล้ว อีกทั้งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการขึ้นลงของอากาศยาน แต่เนื่องจาก รันเวย์ที่ 3 มีระยะห่างจากรันเวย์ตะวันตกเพียง 450เมตร อาจจะมีปัญหาที่เครื่องบินไม่สามารถขึ้นลงได้พร้อมกันทั้ง 2 รันเวย์ แต่ก็ถือว่ารันเวย์ที่ 3 จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการบินจากเดิมได้
เฟส 2 รับผู้โดยสารเป็น 55-60 ล้านคนต่อปี
แหล่งข่าวจาก ทอท. กล่าวว่า สำหรับแผนการขยายขีดความสามารถของสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 55-60 ล้านคนต่อปี ระยะดำเนินการ 5 ปี วงเงินประมาณ 48,122.37 ล้านบาท ประกอบด้วยงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่1 (Satellite Building) วงเงิน 22,273 ล้านบาท งานก่อสร้างผิวทางวิ่งเส้นที่ 3 ด้านตะวันตกของสนามบิน และผิวลานจอดเครื่องบิน วงเงิน 7,118.17 ล้านบาท งาน Automated People Moverระหว่างอาคารเทียบเครื่องบินหลักกับอาคารรองและงานขนส่งกระเป๋าระหว่างทั้งสองอาคาร วงเงิน 2,420 ล้านบาท งานต่อขยายอุโมงค์ด้านใต้ วงเงิน 3,940.75 ล้านบาท และงานระบบสาธารณูปโภค วงเงิน 1,648ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีค่าออกแบบ 561.54 ล้านบาท และสำรองสำหรับการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมัน 5,750.15 ล้านบาท และสำรองราคาอีก 10% หรือประมาณ 4,374.76 ล้านบาท
ด้าน นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการเร่งรัดก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 เพราะจะช่วยในด้านการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ โดยเฉพาะกรณีเกิดปัญหาที่รันเวย์ตะวันออกและตะวันตก จนไม่สามารถใช้ขึ้นลงได้ซึ่งการมีรันเวย์ที่ 3 ก็ไม่จำเป็นต้องให้เครื่องบินมาใช้สนามบินดอนเมืองแทน ซึ่งมีความยุ่งยากมาก และในหลักการสายการบินก็ไม่ต้องการไปลงสนามบินอื่นด้วย
อย่างไรก็ตามในช่วง 50 วันที่จะมีการปิดรันเวย์ตะวันออกเพื่อซ่อมนั้น มีความเป็นไปได้น้อยที่รันเวย์ฝั่งตะวันตกจะเกิดปัญหาใหญ่จนทำให้เครื่องบินขึ้นลงไม่ได้ ซึ่งทอท.มีแผนสำรองในกรณีที่เครื่องบินขึ้นลงไม่ได้ รองรับอยู่แล้ว แต่เป็นแผนรองรับกรณีทีเหตุชั่วคราวและสามารถจัดการเคลียร์ได้ในเวลาไม่นานนัก แต่เพื่อความเชื่อมั่นของสายการบินก็เห็นว่า ควรทำแผนฉุกเฉินสำรองเป็นกรณีพิเศษไว้ด้วย
เชื่อเที่ยวบินมีสิทธิ์ดีเลย์สูงขึ้น
นายยงยุทธ จุลินตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดประจำประเทศไทย สายการบิน คาเธ่ย์แปซิฟิก กล่าวว่า ช่วงแรกน่าจะมีปัญหาเรื่องการขึ้นลงของเครื่องบินบ้าง เพราะรันเวย์ถูกปิดไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ทางสายการบิน ต้องรอฟังผลจากการหารือของ AOC และ ทอท. ก่อนว่า จะมีการดำเนินการแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง และ จะให้แต่ละสายการบินทำอย่างไร ในส่วนของผู้โดยสารที่ใช้บริการก็จะต้องชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจว่าสนามบินสุวรรณภูมิกำลังปรับปรุง อาจมีข้อติดขัดบ้างแต่สายการบินก็จะอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าให้มากที่สุด
นายธนวัฒน์ เด่นนภาสุรพงค์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย สายการบิน KLM กล่าวว่า เชื่อในระยะแรกอาจมีผลทำให้เครื่องบินขึ้นลงได้ไม่ตรงเวลา(ดีเลย์) เพราะการจราจรจะต้องคับคั่ง การปิดซ่อมแซม อาจทำให้บางเกรทก็ต้องถูกปิดไปด้วย ก็จะต้องมีปัญหาขลุกขลักเป็นธรรมดา แต่สำหรับ KLM อาจไม่กระทบมาก เพราะมีเพียงวันละ 1 ไฟล์ แต่ สายการบินที่มีเที่ยวบินต่อวันจำนวนมากอย่าง การบินไทย คงได้รับผลกระทบเยอะ ซึ่งจะมีเป็นห่วงโซ่มาถึงเราตรงที่มีโคชแชร์ผู้โดยสารระหว่างบ้าง ตรงนี้ก็ต้องขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้อมจัดระบบให้ดี อย่าให้ผู้โดยสารเดือดร้อนมากนัก โดยเฉพาะช่วงเวลาพีดที่มีเที่ยวบินขึ้นลงจำนวนมาก ส่วนการสำรองน้ำมันในถังเพิ่มเติมเป็นเรื่องปกติ ที่ทุกสายการบินต้องทำเพราะเป็นความปลอดภัยของผู้โดยสาร ส่วนต้นทุนจะเพิ่มขึ้นเท่าใด ขณะนี้ยังไม่มีใครตอบได้
“สันติ”เร่งจ่ายชดเชยเสียง
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (13 ก.พ.) เวลา 16.00 น นายสันติได้หารือกับพลอากาศโทชนะและผู้บริหารทอท.ในเรื่องที่มีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนด้านเสียงรอบสนามบินสุวรรณภูมิ โดยนายสันติกล่าวว่า ให้ทอท.เร่งรัดการจ่ายชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ NEF มากกว่า 40และก่อสร้างก่อนปี 2544 ก่อน ส่วนปัญหาที่ ทอท.ระบุว่าการจ่ายเงินตามมติครม.ปี 50 ที่ให้ช่วยค่าการตลาดอีก 20% ของราคาประเมิน ติดขัดเรื่องข้อกฎหมายที่จะรองรับ จึงให้ทอท.หาแนวทางอื่นๆ เพื่อให้สามารถจ่ายชดเชยผู้ได้รับผลกระทบเร็วที่สุด โดยในวันนี้ (14 ก.พ.) ตนอาจจะร่วมประชุมกับคณะกรรมการ 3 ฝ่าย(ไตรภาคี) ด้วย
"สพรั่ง" ลาออกจากบอร์ด ทอท.
พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการทอท. กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ดวานนี้ว่า บอร์ดทอท.ทั้งชุด 14 คน ได้ลาออกแล้วยกเว้นพลอากาศโทชนะ อยู่สถาพร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. เป็นต้นไป เพื่อให้รัฐบาลปัจจุบันสรรหาบุคคลเข้ามาทำหน้าที่ โดยการลาออกครั้งนี้ บอร์ดแต่ละคน มีเหตุต่างๆ กัน โดยส่วนตัว ไม่มีใครกดดันและ ไม่เกรงกลัวอิทธิพลใครทั้งสิ้น และปราศจากการกดดัน โดยการลาออกต้องอยู่ในจังหวะที่เหมาะสม ให้องค์กรเดินต่อไปได้
ทั้งนี้ การทำงาน 1 ปีที่ผ่านมา ตนมีความภาคภูมิใจ และไม่เสียใจในสิ่งที่ทำ ซึ่งในส่วนของผลประกอบการของ ทอท. ที่ลดต่ำลงนั้น ไม่ได้เกิดจากการล้มเหลวในการปฏิบัติงาน แต่ถือเป็นตัวเลขทางบัญชี ถ้าใครเข้ามาเป็นบอร์ด ก็ต้องเจอลักษณะนี้ เพราะคณะกรรมการพยายามแก้ไขความไม่ถูกต้องที่ทำไว้ในอดีต ส่วนหนึ่งเป็นผลจากจากปัญหาความขัดแย้งกับกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ทำให้ ทอท.ไม่รับรู้รายได้ในส่วนของพื้นที่สัมปทานพื้นที่เชิงพาณิชย์ และร้านค้าปลอดภาษีที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และตนยืนยันว่า ไม่ได้อคติกับคิงเพาเวอร์ และเราไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปกลั่นแกล้งใคร หรือล้วงลูกใครได้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการทำงานของบอร์ดชุดใหม่ จะทำงานต่อเนื่องได้ ไม่มีอะไรสะดุด และน่าห่วง เพราะไม่ได้ทำอะไรที่อัปยศไว้ คิดว่า การทำงานจะดีขึ้น เพราะมีคนสะสางการทำงาน จัดระบบให้หมดแล้ว จึงเชื่อว่า ทุกอย่างจะดีขึ้น
ให้ ทอท.รับเงินจากคิงเพาเวอร์ได้
ด้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม กรรมการ ทอท. กล่าวว่า ได้มีการอนุมัติให้รับชำระเงินล่วงหน้าและชำระรายเดือน กรณีสัญญาร้านค้าปลอดภาษีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ของบริษัทคิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรีและบริษัทคิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิที่มีข้อพิพาทระหว่างกันและคดีความยังไม่สิ้นสุด โดยให้ฝ่ายบริการทอท.ไปดูรายละเอียดการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง และดูรายละเอียดว่าควรนำเงินดังกล่าวใส่ไว้ในบัญชีรายรับส่วนใด